รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 2.5.1/1
นวัตกรรมการเรียนการสอนเชิงวิจัย สู่การยกระดับผลงานในระดับ Scopus Q1 Tier 1

ผู้จัดทำโครงการ
ผศ.กัญจนพร โตชัยกุล
คณะรังสีเทคนิค
หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้
หลักการและเหตุผล
คณะรังสีเทคนิค มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงกับการวิจัย เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและความเปลี่ยนแปลงในยุคศตวรรษที่ 21 การพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่ผสานการสร้างสรรค์นวัตกรรมและองค์ความรู้ทางวิชาการ จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการวิจัยของบุคลากรและนักศึกษา รวมถึงยกระดับคุณภาพผลงานวิชาการสู่ระดับสากล การจัดทำรายงานการจัดการความรู้ในหัวข้อ “นวัตกรรมการเรียนการสอนเชิงวิจัย สู่การยกระดับผลงานในระดับ Scopus Q1 Tier 1” จึงมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการบูรณาการด้านการเรียนการสอนและการวิจัยให้สามารถผลิตผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ความสำคัญ
นวัตกรรมการเรียนการสอนที่ขับเคลื่อนด้วยการวิจัยเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและเสริมสร้างศักยภาพของนักศึกษาและบุคลากร การบูรณาการกระบวนการเรียนรู้เข้ากับการวิจัยช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง รวมถึงสามารถพัฒนาทักษะวิชาชีพและวิชาการที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก การเผยแพร่ผลงานในวารสาร Scopus Q1 Tier 1 ไม่เพียงแค่ยกระดับชื่อเสียงของคณะและมหาวิทยาลัย แต่ยังเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับสถาบันการศึกษาในระดับสากล ทั้งนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการสร้างความเป็นเลิศด้านวิจัยและนวัตกรรม
ประเด็นปัญหา
แม้ว่าคณะรังสีเทคนิคจะมีการพัฒนาการเรียนการสอนและการวิจัยอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการ เช่น การขาดการบูรณาการที่ชัดเจนระหว่างการเรียนการสอนและการวิจัย ซึ่งอาจส่งผลต่อความเข้าใจและทักษะของนักศึกษา ข้อจำกัดในด้านทรัพยากรที่ทันสมัยและการสนับสนุนข้อมูลสำหรับการวิจัย รวมถึงความท้าทายในการผลิตผลงานที่สามารถเผยแพร่ในวารสารระดับ Scopus Q1 Tier 1 นอกจากนี้ อุปสรรคในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรระดับนานาชาติยังเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและการวิจัยของคณะให้ก้าวไกลในระดับสากล
ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้
จากประสบการณ์ในปี 2565 ที่คณะรังสีเทคนิค มหาวิทยาลัยรังสิตได้ถอดแบบความรู้ในแนวทางการเขียนบทความวิชาการในรูปแบบ Review Article พบว่าบทความวิชาการประเภทนี้มีศักยภาพสำคัญในการเป็นพื้นฐานของการพัฒนาความรู้ในเชิงวิชาการ โดยเฉพาะการรวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การต่อยอดงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ บทความ Review Article ยังทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างสถาบันและนักวิจัย ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนางานวิจัยให้สามารถเผยแพร่ในวารสารระดับสูง เช่น Scopus Q1 Tier 1
ในปี 2566 คณะได้มุ่งเน้นการบูรณาการความรู้ด้านนวัตกรรมและการวิจัยเข้าสู่บริบทของชุมชน โดยการนำนวัตกรรมที่ได้จากงานวิจัยไปประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน การพัฒนาระบบการคัดกรอง และการบูรณาการองค์ความรู้เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน แนวทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงการวิจัยกับการเรียนการสอนในรูปแบบที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาจริงของสังคมและสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรม
ด้วยฐานความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมานี้ แนวทางการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนเชิงวิจัยจึงได้ถูกกำหนดให้เป็นหัวใจหลักของการยกระดับคุณภาพงานวิจัย โดยการนำแนวทางที่เป็นนวัตกรรม เช่น การใช้ E-book ที่ออกแบบเฉพาะ เพื่อพัฒนาความเข้าใจในแนวคิดและทักษะการปฏิบัติในเครื่องตรวจแมมโมแกรมสำหรับการควบคุมคุณภาพ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนการสอน สื่อ E-book ดังกล่าวได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับนักศึกษารังสีเทคนิค โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับแนวคิดทางวิชาการ พร้อมทั้งการฝึกปฏิบัติในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในสถานการณ์ทางคลินิก
การพัฒนาสื่อ E-book นี้ยังสอดคล้องกับจริยธรรมทางการศึกษาและมาตรฐานระดับสากล โดยใช้กระบวนการตรวจสอบที่รอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าสื่อการเรียนการสอนมีความถูกต้อง มีคุณภาพ และเหมาะสมต่อการใช้งาน การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสื่อดังกล่าวยังได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Q1 ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำคุณภาพของงานวิจัยและเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล
สำหรับประโยชน์ต่อนักศึกษารังสีเทคนิค การใช้ E-book ช่วยพัฒนาทักษะการวิเคราะห์และความเข้าใจในเชิงลึก ตลอดจนการเรียนรู้ผ่านการจำลองสถานการณ์จริง ทำให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ทันทีในภาคปฏิบัติ นอกจากนี้ สื่อการเรียนรู้ยังสามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงที่สามารถทบทวนและศึกษาซ้ำได้ทุกเวลา ด้านอาจารย์ สื่อ E-book ช่วยส่งเสริมการสอนในรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนของการบรรยายเนื้อหา และช่วยให้อาจารย์สามารถมุ่งเน้นการฝึกปฏิบัติและการวิเคราะห์เชิงลึกกับนักศึกษาได้มากยิ่งขึ้น
แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ของนักศึกษาและอาจารย์ แต่ยังส่งผลต่อความสามารถในการผลิตงานวิจัยเชิงนวัตกรรมที่สามารถตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำ เช่น Scopus Q1 Tier 1 ซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานและศักยภาพของคณะรังสีเทคนิคในระดับโลก
ประเภทความรู้และที่มาความรู้
ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)
- เจ้าของความรู้/สังกัด คณะรังสีเทคนิค
วิธีการดำเนินการ
การพัฒนาและนำ E-book ที่ออกแบบเพื่อพัฒนาความเข้าใจในแนวคิดและทักษะการปฏิบัติในเครื่องตรวจแมมโมแกรมสำหรับการควบคุมคุณภาพ จะดำเนินการผ่านกระบวนการดังต่อไปนี้:
- การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
- วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของนักศึกษารังสีเทคนิคในด้านความรู้และทักษะเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพเครื่องแมมโมแกรม
- ศึกษาแนวทางการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสม รวมถึงมาตรฐานทางวิชาการและจริยธรรมการศึกษาระดับสากล
- การออกแบบและพัฒนาสื่อ E-book
- รวบรวมเนื้อหาวิชาการที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักการทำงานของเครื่องแมมโมแกรม วิธีการควบคุมคุณภาพ และตัวอย่างสถานการณ์จริง
- ออกแบบ E-book ในรูปแบบที่น่าสนใจ ใช้งานง่าย และส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น การใช้ภาพประกอบ วิดีโอสาธิต และแบบฝึกหัดเชิงโต้ตอบ
- เพิ่มฟีเจอร์ที่สนับสนุนการเรียนรู้ เช่น คำถามทบทวน หรือส่วนประเมินผลตนเอง
- การทดลองใช้สื่อ E-book
- จัดทำกลุ่มทดลอง (Experimental Group) และกลุ่มควบคุม (Control Group) เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์การเรียนรู้
- จัดการฝึกอบรมให้นักศึกษาและอาจารย์เกี่ยวกับการใช้งาน E-book
- ให้กลุ่มทดลองใช้งาน E-book ในการเรียนรู้เกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพเครื่องแมมโมแกรม
- การเก็บข้อมูลและประเมินผล
- ประเมินผลความรู้และทักษะของนักศึกษาก่อนและหลังการใช้งาน E-book ด้วยแบบทดสอบ Pre-test และ Post-test
- เก็บข้อมูลความคิดเห็นของนักศึกษาและอาจารย์เกี่ยวกับการใช้งาน E-book เพื่อวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และข้อเสนอแนะ
- การปรับปรุงและพัฒนาเพิ่มเติม
- ปรับปรุงเนื้อหาและรูปแบบของ E-book ตามข้อมูลผลการประเมิน
- เสริมฟีเจอร์เพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้
- การเผยแพร่และส่งเสริมการใช้งาน
- เผยแพร่ E-book ผ่านช่องทางออนไลน์หรือระบบการเรียนรู้ของคณะ
- จัดการอบรมเพิ่มเติมสำหรับบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้สามารถนำ E-book ไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- การตีพิมพ์ผลงานวิจัย
- สรุปผลการดำเนินโครงการและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการทดลองใช้
- จัดทำบทความวิชาการเพื่อตีพิมพ์ในวารสาร Scopus Q1 Tier 1 โดยเน้นความสำคัญของนวัตกรรมการเรียนการสอนที่ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
กระบวนการทั้งหมดนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทั้งความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของนักศึกษารังสีเทคนิค ตลอดจนส่งเสริมการเรียนการสอนเชิงวิจัยให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล
2.Prototype testing in an operational environment – DO
ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน
จากการนำ E-book ที่ออกแบบเฉพาะเพื่อพัฒนาความเข้าใจในแนวคิดและทักษะการปฏิบัติในเครื่องตรวจแมมโมแกรมสำหรับการควบคุมคุณภาพ ไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอน พบว่ามีนักศึกษารังสีเทคนิคที่เข้าร่วมโครงการมีความเข้าใจและทักษะที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) นักศึกษาส่วนใหญ่ระบุว่า E-book ช่วยทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของกระบวนการควบคุมคุณภาพและการแก้ไขปัญหาเครื่องแมมโมแกรมในสถานการณ์จริง
ในด้านอาจารย์ E-book ช่วยลดเวลาในการสอนแบบบรรยายและเพิ่มโอกาสให้อาจารย์ได้เน้นการฝึกปฏิบัติและการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนร่วมกับนักศึกษา นอกจากนี้ การพัฒนาผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ E-book ยังได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Scopus Q1 ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับโครงการและสะท้อนถึงศักยภาพของคณะรังสีเทคนิคในการสร้างสรรค์งานวิชาการระดับสากล
การนำไปใช้หรือการลงมือปฏิบัติจริง
E-book ถูกนำไปใช้ในการเรียนการสอนรายวิชาเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพในเครื่องแมมโมแกรม โดยเริ่มจากการฝึกอบรมอาจารย์และนักศึกษาเกี่ยวกับการใช้งานสื่อ จากนั้นจึงนำ E-book ไปเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนในห้องปฏิบัติการและการศึกษาด้วยตนเอง นักศึกษาสามารถใช้งาน E-book ผ่านระบบออนไลน์ของมหาวิทยาลัยได้ทุกเวลา ทำให้สะดวกต่อการเรียนรู้และทบทวนเนื้อหา
E-book ยังได้รับการเผยแพร่ให้กับคณาจารย์และนักศึกษาจากสถาบันอื่นๆ เพื่อใช้เป็นตัวอย่างแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนในวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่น การควบคุมคุณภาพในเครื่องมือทางการแพทย์อื่นๆ
อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน
- การพัฒนาสื่อที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะ
การออกแบบ E-book ที่สอดคล้องกับการเรียนการสอนเฉพาะทาง เช่น การควบคุมคุณภาพในเครื่องแมมโมแกรม ต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญในการรวบรวมข้อมูลและจัดทำเนื้อหาให้ถูกต้อง ครบถ้วน และน่าสนใจ - ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี
นักศึกษาและอาจารย์บางส่วนมีข้อจำกัดในการเข้าถึงอุปกรณ์หรือระบบออนไลน์ที่ใช้สำหรับการเรียนรู้ E-book เช่น การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียร หรือการขาดแคลนอุปกรณ์ที่เหมาะสม - การประเมินผลและปรับปรุง
แม้ว่าผลลัพธ์จากการใช้งาน E-book จะเป็นที่น่าพอใจ แต่การวัดผลในเชิงลึก เช่น ความสามารถในการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง ยังต้องการการติดตามและวิเคราะห์เพิ่มเติม - การเปลี่ยนแปลงวิธีการสอน
อาจารย์บางส่วนยังไม่คุ้นเคยกับการใช้สื่อดิจิทัลในการสอน จึงต้องมีการฝึกอบรมเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถใช้ E-book ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างคณาจารย์และนักศึกษา รวมถึงการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนา E-book และกระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK
การตรวจสอบผลการดำเนินการ
การตรวจสอบผลการดำเนินการของโครงการนี้ดำเนินการผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) เพื่อตรวจวัดระดับความรู้และทักษะของนักศึกษาเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพเครื่องแมมโมแกรม ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่านักศึกษามีคะแนนหลังเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีการเก็บรวบรวมความคิดเห็นจากนักศึกษาและอาจารย์ผ่านแบบสอบถามและการสัมภาษณ์ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของ E-book และความพึงพอใจในการใช้งาน
การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้
ประสบการณ์ในการนำ E-book ไปใช้แสดงให้เห็นถึงความสะดวกและความยืดหยุ่นของสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัล นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้อย่างเป็นอิสระ และใช้ E-book ในการทบทวนความรู้ก่อนการฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ การออกแบบที่เน้นการใช้งานง่ายและมีส่วนโต้ตอบ เช่น คำถามและคำอธิบายแบบมัลติมีเดีย ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในเนื้อหาและกระตุ้นความสนใจของนักศึกษา
ในมุมมองของอาจารย์ E-book ช่วยลดภาระในการอธิบายเนื้อหาเบื้องต้น ทำให้อาจารย์สามารถมุ่งเน้นการสอนเชิงปฏิบัติและการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนร่วมกับนักศึกษา นอกจากนี้ การนำเสนอในรูปแบบดิจิทัลช่วยให้อาจารย์สามารถปรับปรุงเนื้อหาได้อย่างต่อเนื่องตามความคิดเห็นของผู้ใช้งาน
สรุปและอภิปรายผล
ผลการดำเนินงานชี้ให้เห็นว่า E-book ที่พัฒนาขึ้นช่วยเพิ่มความรู้และทักษะของนักศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเรียนรู้เชิงรุกและเพิ่มความสนใจในการเรียนการสอนเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพเครื่องแมมโมแกรม อย่างไรก็ตาม อุปสรรคบางประการ เช่น ความไม่คุ้นเคยกับการใช้งานสื่อดิจิทัล และข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ได้ถูกระบุและนำมาวางแผนปรับปรุงในระยะต่อไป
บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่
จากโครงการนี้ ได้ค้นพบว่า:
- E-book ที่ออกแบบเฉพาะทาง สามารถเสริมสร้างความเข้าใจในแนวคิดและทักษะเชิงปฏิบัติของนักศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การใช้สื่อดิจิทัลช่วยเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์นักศึกษาที่มีพื้นฐานและความต้องการหลากหลาย
- การบูรณาการการเรียนการสอนเชิงวิจัยผ่านสื่อดิจิทัลช่วยพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาและเพิ่มคุณภาพงานวิจัย
- ประสบการณ์จากโครงการนี้ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมระหว่างนักศึกษาและอาจารย์ในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน และสร้างแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
บทสรุปของโครงการนี้ ยืนยันถึงศักยภาพของนวัตกรรมการเรียนการสอนเชิงวิจัยในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและส่งเสริมการเผยแพร่งานวิจัยในระดับสากล เช่น วารสาร Scopus Q1 Tier 1 ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความรู้และทักษะของนักศึกษา รวมถึงยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอนในสาขารังสีเทคนิค.
ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice
ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต
- การพัฒนาสื่อการเรียนรู้เพิ่มเติม
- ขยายการพัฒนา E-book ไปยังหัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การควบคุมคุณภาพในอุปกรณ์ทางการแพทย์ชนิดอื่น หรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ในสาขารังสีเทคนิค
- เพิ่มความหลากหลายในเนื้อหา เช่น การใช้เทคโนโลยี AR/VR ในการจำลองสถานการณ์ทางคลินิกเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้
- การสนับสนุนทรัพยากรและเทคโนโลยี
- จัดหาอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาสื่อการเรียนรู้และการเข้าถึงสำหรับนักศึกษา
- พัฒนาระบบออนไลน์ที่เสถียรและรองรับการใช้งานในหลากหลายอุปกรณ์
- การฝึกอบรมอาจารย์
- จัดอบรมให้ความรู้แก่อาจารย์เกี่ยวกับการใช้ E-book และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนและการนำสื่อไปใช้
- สร้างชุมชนการเรียนรู้สำหรับอาจารย์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน
- การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
- สร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดี
- ส่งเสริมการจัดประชุมหรือสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานและรวบรวมข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ
- การประเมินผลต่อเนื่อง
- วางแผนการประเมินผลการใช้งาน E-book อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของนักศึกษาและอาจารย์
- เก็บข้อมูลผลกระทบในระยะยาว เช่น การพัฒนาทักษะวิชาชีพหรือโอกาสการทำงานของนักศึกษาหลังเรียนจบ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินการประสบความสำเร็จตาม Key Result
- การสนับสนุนจากผู้บริหาร
- การได้รับการสนับสนุนในด้านงบประมาณ ทรัพยากร และนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน
- การได้รับการสนับสนุนในด้านงบประมาณ ทรัพยากร และนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน
- การมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง
- การมีส่วนร่วมจากนักศึกษา อาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญในกระบวนการพัฒนาและปรับปรุงสื่อการเรียนการสอน
- การเปิดรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งานจริง
- การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
- การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเหมาะสมมาปรับใช้ในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ เช่น ระบบ E-learning ที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดี
- การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
- การกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มจำนวนบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Scopus Q1 Tier 1 หรือการเพิ่มคะแนนการเรียนรู้ของนักศึกษา
- การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
- ความสามารถในการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีหรือแนวทางการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไปในอนาคต
ข้อเสนอแนะเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้การพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนเชิงวิจัยเป็นไปอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน Key Result ของคณะและมหาวิทยาลัย