ยุทธศาสตร์ที่ 3

การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน ยุทธศาสตร์ที่ 3 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ รศ.นันทชัย ทองแป้น วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ปัจจัยที่สาคัญที่ทาให้มหาวิทยาลัยรังสิตมีความเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วจนเติบโตเป็นมหาวิทยาลัยระดับต้นๆของประเทศและก็ติดอยู่ในระดับโลกถึงแม้อันดับจะไม่สูงมากนักก็คือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นามหาวิทยาลัยที่เป็นผู้กาหนดวิสัยทัศน์และเป็นที่รวมจิตวิญญาณของทุกอย่างของมหาวิทยาลัยรังสิต ทิศทางการการดาเนินงานที่ชัดเจน บุคลากร            ในส่วนของระดับคณะหรือวิทยาลัยก็เช่นเดียวกัน สาหรับในส่วนของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาอย่างต่อเนื่อง ในทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้นยุทศาสตร์ซึ่งถือว่าเป็น Road Map ที่สาคัญที่ทาให้สามารถเดินได้มาจุดในปัจจุบัน          อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นก่อนที่จะทาการกาหนดยุทธศาสตร์ จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยรังสิตอยู่ตรงไหน? ภารกิจหลักของคณะ/วิทยาลัยคืออะไร ? คาตอบในเชิงยุทธศาสตร์ก็คือ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไปสู่เป้าหมาย โดยใช้การจัดการเป็นฐาน สาหรับวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นมีเป้าหมายคือ มหาวิทยาลัยรังสิตติด Top1000/โลกและ Top 10/ประเทศไทย รวมทั้งต้องการให้มหาวิทยาลัยรังสิตสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพึ่งพาตนเองของประเทศไทยได้ ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้          การบริหารจัดการ คือกระบวนการในการวางแผน การจัดการองค์การ การสั ่งการ การควบคุมการใช้ทรัพยากรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางเอาไว้โดยที่คณะ/วิทยาลัยเป็นหน่วยงานที ่มีหน้าที ่โดยตรงในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไปสู่เป้าหมายโดยใช้การจัดการเป็นฐาน ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริหารและบุคลากรในทุกระดับจะต้องรู้และเข้าใจตรงกันก็คือ ความจริงของปัจจุบันและอนาคตและสิ่งที่ต้องพิจารณาในการนำพาคณะ/วิทยาลัยว่า ภูมิทัศน์ของโลกในศัตวรรษที่ 21 ในทุกมิตินั้นจะเป็นมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เป็นแบบเชิงเส้นอีกต่อไป ส่งผลทำให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะในทุกด้านไม่เหมือนเดิม รวมทั้งทักษะในการดำรงชีวิตก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผู้บริหารจำเป็นต้องรู้ถึงสภาพความจริงดังกล่าว รวมทั้งต้องศึกษาและวิเคราะห์ถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และทิศทางของมหาวิทยาลัยให้ชัดเจนและลึกซึ้งว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่ส าคัญจะต้องศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมหาวิทยาลัย คณะ/วิทยาลัยรวมไปถึงอัตราการเติบโตในมิติต่างๆ ขององค์ประกอบที่สำคัญในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับประเทศถึงสภาพอย่างลึกซึ้ง เพื่อนำไปใช้การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน          วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ได้รับการยกระดับจากสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ เป็นคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 และในวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 มหาวิทยาลัยรังสิต ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ยกระดับจากคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ โดยท่านอธิการบดีให้นโยบายและทิศทางการด าเนินงานในด้านต่างๆของวิทยาลัยว่าให้คณะ/วิทยาลัยในแนวใหม่ที่สร้างนวัตกรรม ไม่ต้องยึดติดกับกรอบงานเอกสารแบบเดิม ไม่ว่านักศึกษาที่เข้ามาเป็นอย่างไร แต่จบออกไปให้มีคุณภาพ สอนให้นักศึกษามีจิตวิญญาณผู้ประกอบการ สอนให้นักศึกษามีความคิดสร้างสรรค์ และมีนวัตกรรม เน้นให้ทั้งบุคลากรและบัณฑิตที่จบออกไปเป็นคนที่มีสมรรถนะสูงทั้งในด้านวิชาการ วิชางานและวิชาคนทางวิทยาลัยได้นำเอาดำริทางด้านนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานของวิทยาลัยจากท่านอธิการบดีมาจัดทำเป็นโมเดลของรูปแบบของการบริหารจัดการแบบครบวงจรได้ดังรูป            พิจารณาจากรูปสามารถอธิบายโดยสรุปได้ดังนี้ วงจรของการบริหารจัดการวิทยาลัยหรือแม้แต่ มหาวิทยาลัยนั้น ถ้ามองแบบครบวงจรจะสามารถเขียนเป็นรูปแบบได้ดังรูปข้างบน โดยที่ปัจจัยสิ่งที่สำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเอกชนให้เกิดขึ้นนั้น ต้องมาจากงบประมาณ ซึ่งก็คือรายได้ซึ่งมาจาก 2 แนวทางคือจากผู้เรียนหรือนักศึกษา และจากรายได้จากแหล่งอื่นได้แก่ ทุนวิจัย การแต่งตำราหรือเอกสารทาง วิชาการ การนำผลงานวิจัยดำเนินการในเชิงพาณิชย์ หรือบริการวิชาการในรูปแบบต่างๆ จากรายได้ดังกล่าวก็จะนำไปใช้ในการจัดสรรในด้านต่างๆ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งบุคลากรที่เก่งๆ และมีสมรรถนะสูง ทำให้ สามารถสร้างเครือข่ายในเชิงวิชาการ วิชางาน ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นปัจจัยที่จะดึงดูด นักศึกษาเข้ามาได้มากทั้งจำนวนและคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพงานในทุกมิติรรวมทั้งได้บัณฑิตที่มีคุณภาพที่ดี สิ่งที่ตามมาคือ ชื่อเสียงของวิทยาลัยก็จะถูกเผยแพร่ออกไปทั้งในระดับในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผล ย้อนกลับทำให้ค่านิยมในการเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัย/มหาวิทยาลัยมีจำนวนมากขึ้น ถ้าสามารถทำให้การพัฒนา ของวงจรดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ก็จะส่งผลต่อการพัฒนาของของวิทยาลัย/ มหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างยั่งยืน ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)เจ้าของความรู้/สังกัด วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ วิธีการดำเนินการ           ทางวิทยาลัยได้นำนโยบายและทิศทางการพัฒนาดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการกาหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ในการนำพาวิทยาลัยโดยเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ SWOT ในทุกมิติทั้งด้านคุณภาพและปริมาณทั้งในส่วนของงานสอน งานวิจัย งานบริการวิชาการและงานทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมรวมทั้งศึกษาอัตราการเติมโตในด้านต่างๆ ดังกล่าวทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาคและระดับประเทศ โดยในระดับประเทศได้นำเอาหลักเกณฑ์ในระดับประเทศมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา โดยมุ่งที่จะพัฒนาให้อัตราการเจริญเติบโตในแต่ละปีให้มากกว่าเกณฑ์ดังกล่าวไม่ต่ากว่า 10-15เปอร์เซ็นต์          โดยทางวิทยาลัยได้ คิดคาขวัญประจาวิทยาลัยคือการเติบโตแบบก้าวกระโดด “Quantum Leap to the Innovation & Entrepreneurship Faculty” ด้วยปรัชญา (Philosophy) “นวัตกรรม จิตวิญญาณผู้ประกอบการ และ ความเป็นสากล ชนะทุกสิ่ง และนามาซึ่งความสาเร็จ” โดยมีปณิธาน (AIM)ว่า “มุ่งผลิตวิศวกรชีวการแพทย์สากลที่มีจิตวิญญาณผู้ประกอบการเพื่อเติมเต็มระบบการดูแลรักษาสุขภาพให้กับสังคม”ด้วยวิสัยทัศน์ (Vision) ในการนาวิทยาลัยก้าวสู่ “วิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและจิตวิญญาณผู้ประกอบการทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ เพื่อสังคมของอาเซียน”ที่มีอัตลักษณ์ในการ “ประพฤติอย่างมีคุณธรรม คิดอย่างมีนวัตกรรม ทำด้วยจิตวิญญาณผู้ประกอบการ”สาหรับทิศทางการบริหารจัดการวิทยาลัยนั้น ได้จัดโครงสร้างการบริหารจัดการ การวัดและประเมินผลการปฏิบัติงานที่เน้นผลลัพธ์ของการปฏิบัติงานเป็นสาคัญ ได้ใช้กลยุทธ์ในการเปลี่ยนจากคณะวิชาให้เป็นวิทยาลัยแห่งผลลัพธ์ พยายามสลายรอยต่อของรายวิชาเพื่อให้เกิดการบูรณาการแบบครบวงจร มุ่งปรับกระบวนทัศน์ใหม่ให้กับคณาจารย์ที่ต้องเปลี่ยนจากผู้สอนเป็นผู้ออกแบบกระบวนและอานวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่มุ่งไปที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ไม่ใช่รายวิชาอีกต่อไป การดาเนินงานนั้นมุ่งเน้นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด มุ่งสู่การเป็นวิทยาลัยนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ          สำหรับหลักการที่สาคัญที่นามาใช้คือ ใช้กลยุทธ์การ Synergy ของทุกองคาพยพของวิทยาลัย โดยการปฏิบัติภารกิจใดๆต้องส่งผลทาให้มีผลต่อภารกิจหลักอื่นๆอย่างครบวงจร เช่นการทำวิจัย ต้องสามารถนำไปผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไปใช้ในการเรียนการสอน การบริการวิชาการ การทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม การพัฒนานักศึกษา การพัฒนาตาแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ การประชาสัมพันธ์เพื่อนาชื่อเสียงมาสู่วิทยาลัย รวมทั้งการนาไปใช้ในการดาเนินการพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน          จากการบริหารจัดการวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ในระยะเวลา 5 ปี ตามรูปแบบและแนวทางที่กล่าวมาพบว่าผลลัพธ์จากการบริหารจัดการที่เกิดขึ้นเป็นไปในทิศทางที่ดี เห็นได้จากการได้คะแนนการทางด้านประกันคุณภาพโดยภาพรวมเป็นอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยรังสิตตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีทุนวิจัยและผลงานการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงงานวิจัยเป็นอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยรังสิต นักศึกษาสอบผ่านภาษาอังกฤษเกณฑ์มาตรฐาน CEFR มากกว่าร้อยละ 80 ผลงานในด้านต่างๆติดอันดับ 1-3 ของมหาวิทยาลัย บัณฑิตที่จบออกไปสามารถได้งานทาได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วด้วยเงินเดือนและรายได้ที่สูงที่สามารถยกระดับสถานะและคุณภาพชีวิตให้กับตนเองและครอบครัวได้ดีมากขึ้น สถิติการเป็นผู้ประกอบการของศิษย์เก่าที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ชื่อเสียงและเครดิตของวิทยาลัยได้รับการยอมรับต่อวงการวิศวกรรมชีวการแพทย์ในระดับประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้จานวนนักศึกษาแรกเข้าเกินเป้าหมายในทุกปี รวมทั้งอัตราการคงอยู่ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และ 2 อยู่ในระดับที่สูงมากขึ้นในทุกปี          สำหรับพัฒนาการของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2545 เป็นต้นมาได้มีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโดยสรุปจานวน แผนยุทธศาสตร์โยสรุปดังนี้แผนที่ 1 คือ ยุทธศาสตร์ BME1.0 2545 -2554 เป็นยุทธศาสตร์ในระยะเริ่มต้นในเริ่มพัฒนาโดยเน้นการสะสมพลังและสร้างความพร้อมในทุกมิติทั้งในด้านวิชาการ ด้านบุคลากร ด้านการวิจัย และบริการวิชาการขณะนั้นเป็นหลักสูตรหนึ่งในคณะวิทยาศาสตร์แผนที่ 2 คือ ยุทธศาสตร์ BME2.0 2555-2559 ยุทธศาสตร์การเข้าสู่องค์กรแห่งการวิจัยจนกระทั่งวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2559 ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ยกระดับจากสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ ขึ้นเป็นคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ และ ในระยะเวลา 2 ปีถัดมาคือ ในวันที่16 กรกฎาคม 2561 มหาวิทยาลัยรังสิตได้มีคาสั่งประกาศยกระดับจากคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์เป็นวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์แผนที่ 3 คือ แผนยุทธศาสตร์ BME 3.0 2560-2564 ระยะการเข้าสู่วิทยาลัยแห่งนวัตกรรม และแผนที่ 4 คือ แผนยุทธศาสตร์ BME4.0 2564 -2569 เป็นต้นไป ระยะการการพัฒนาไปสู่วิทยาลัยแห่งผู้นวัตกรรมและประกอบการ อย่างเต็มรูปแบบ 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECKการตรวจสอบผลการดาเนินการ การนาเสนอประสบการณ์การนาไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ *          สรุปประเด็นสาคัญของแผนแนวคิดและยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อน วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ ได้ดังนี้คือ1. การบริหารจัดการจะเน้นการโดยใช้เป้าหมายเป็นฐาน (Target Based Management) 2. เน้นการพัฒนาบัณฑิตโดยเน้นการเปลี่ยนจาก Formative/Informative Learning เป็น Transformative Learning โดยเน้นในด้านของการเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง (Leadership, Change Agent Skill)3. ใช้ยุทธศาสตร์แบบเสริมพลัง (Synergistic Strategy) ในการบริหารจัดการภารกิจและคน4. เน้นการทาภารกิจทุกอย่างแบบมี Partnership5. มี Brain Bank ของคณะ/วิทยาลัย6. เน้นการผลักดันให้การพัฒนาวิชาชีพวิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่เป็นเสาหลักของการดูแลรักษาสุขภาพของประเทศไทย ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแนวทางหนึ่งของแนวปฏิบัติที่ดีในด้านของการบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทางของของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต และหวังว่าการเผยแพร่แนวทางการบริหารจัดการดังกล่าวนี้ จะมีประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องที่สามารถนาเอาไปประยุกต์ใช้ตามแนวทางที่เหมาะสมต่อบริบทของแต่ละคนแต่ละองค์การต่อไป* ข้อมูลบางส่วนสามารถนามาจากแบบฟอร์มรายงานการดาเนินโครงการของสานักงานวางแผนได้ ในกรณีที่โครงการที่ดาเนินการมีประเด็นความรู้ที่สาคัญซึ่งนามาใช้ในโครงการ

การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Read More »

Authentic Learning for Smart Service Team

Authentic Learning for Smart Service Team ยุทธศาสตร์ที่ 3 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ ดร.สมิตา กลิ่นพงศ์ สำนักงานพัฒนาบุคคล หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ปัจจุบันในโลกมีการเปลี่ยนแปลงและรวดเร็ว การพัฒนาบุคลากรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนั้นจึงเป็นเรื่องจําเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจและโรคระบาด Covid_19 ในปัจจุบัน ทุกคนต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ต่าง ๆที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถทํางานในระยะใกล้กันได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อองค์กรทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม นับเป็นสิ่งที่ท้าทายของผู้บริหาร และบุคลากรทุกคนที่จะต้องเตรียมตนเองให้พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรอบคอบรอบคอบและรอบด้านความรู้ที่เป็นประเด็นสําคัญที่นํามาใช้          สํานักงานพัฒนาบุคคลได้เล็งเห็นความสําคัญดังกล่าวจึงจัดโครงการพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ จึงได้สร้าง Smart Service Team ขึ้นเพื่อการเป็นขับเคลื่อนและพัฒนาระบบการทํางานในส่วนของการบริการนักศึกษาและบุคคลภายนอกที่มาติดต่อของมหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และได้ใช้การพัฒนาบุคลากรด้วยวิธี Authentic Learning (การเรียนการสอนตามสภาพจริง) มาใช้ในการอบรม ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)🗹 อื่น ๆ (ระบุ) เป็นความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวบุคลากรที่มาทํางานใน Smart Service Team เช่น เรื่องของวิธีการให้บริการของแต่ละคน วิธีการแก้ปัญหาของแต่ละคน ที่มีการแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ผ่านการบอกเล่าระหว่างกลุ่มทํางาน หรือ Social Media ที่เป็นช่องทางสื่อสารที่สะดวกและรวดเร็ว คือ โปรแกรม Line วิธีการดำเนินการ 1. จัดอบรมแลกเปลี่ยนประสบการณรวมกันเพื่อพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อมุงสูความเปนเลิศ หัวขอการพัฒนาระบบการรับนักศึกษาใหม ณ โรงแรมซันธารา เวลเนสรีสอรท จ.ฉะเชิงเทราโดยใหแตละคณะสงผูแทนทั้งสายอาจารย และสายเจาหนาที่ที่มีหนาที่เกี่ยวของในเรื่องของการรับนักศึกษา โดยการWorkshop แยกสายอาจารย และสายเจาหนาที่สายอาจารยจะเปนการ workshop ในเรื่องของเนื้อหาหลักสูตรที่ทันสมัย โดนใจสายเจาหนาที่เนนในเรื่องของการใหการบริการที่ดี การทํากระบวนการในเรื่องตาง ๆ ใหสั้น กระชับมีความรวดเร็วมากขึ้น 2. จัดอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อมุงสูความเปนเลิศ หัวขอ“SMART SERVICE, TO MORE ENROLLMENT” (สําหรับเจาหนาที่) การอบรมเปน Workshopในสวนของเจาหนาที่ ที่ทําหนาที่ในเรื่องของการรับนักศึกษา ตอยอดจากการอบรมครั้งที่ 1 เพื่อเปนการตกผลึกในเรื่องของการใหการบริการที่ดี และกระบวนการการทํางานตาง ๆ เพื่อนําไปสูการสราง SmartService Team ตอไป3. จัดอบรม เรื่อง การบริการสูความเปนเลิศ สําหรับเจาหนาที่ที่จะลงปฏิบัติหนาที่ Smart Service Teamจํานวน 20 คน โดยเปนการเนนเรื่องการบริการที่ดี /บุคลิกภาพ/ การใชภาษาเทคนิคการตอนรับและขั้นตอนสูการสราง Engagement /หลักการฟงใหไดใจความเพื่อการตอบสนองที่ถูกตอง/การแกปญหาอยางเหมาะสมเพื่อสรางความสึกอันดีตอผูเขามาติดตอและการสรางสายสัมพันธอันดีเพื่อสรางความประทับใจอันยั่งยืน 4. ปฏิบัติงานโดยจัด Smart Service Team เขาทําหนาที่ ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารอาทิตย อุไรรัตนตั้งแตมีนาคม – มิถุนายน 2564 วันละประมาณ 2-4 คน (หยุดภารกิจหนางานตั้งแต วันที่ 10 เมษายน –31 พฤษภาคม 2564 เนื่องจากสถานการณ Covid –19 ทั้งนี้ไดปฏิบัติหนาที่ใน Online และ LineSmart Service Team เปนหลัก ) โดยมี ipad เปนอุปกรณที่มีขอมูลสําคัญที่จะตองใชในการทํางานเชนขอมูลการรับนักศึกษา ขอมูลการลงทะเบียน ขอมูลดานการเงิน ขอมูลเรื่องของหอพัก ฯลฯสําหรับนักศึกษาเกา และนักศึกษาใหม หรือ ผูที่กําลังจะตัดสินเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต (AuthenticLearning)5. สราง Line สําหรับ Smart Service Team มีสมาชิก คือ Smart Service Team/ฝายแนะแนวและรับนักศึกษา / สํานักงานทะเบียน / สํานักงานการเงิน /สํานักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ / สํานักงานพัฒนาบุคคลมีวัตถุประสงคเพื่อใชในการติดตอสื่อสารในกรณีที่เกิดปญหาตาง ๆ หรือสอบถามขอมูลและเปนฐานขอมูลที่ใชประโยชนในการแกปญหาในกรณีที่เกิดปญหาซ้ํา ๆซึ่งเปนการบูรณาการการแกปญหาในหลาย ๆ ภาคสวน (Authentic Learning) 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน สํานักงานพัฒนาบุคคลไดประเมินผลการดําเนินงาน โดยใชแบบประเมินใหผูใชบริการ คือ ผูปกครอง นักศึกษาและนักเรียนที่มาใชบริการ ณ โถงอาคาร 1 โดยมีผลประเมินดังนี้ ผูตอบแบบประเมิน มีจํานวน 106 คน เปนผูปกครอง จํานวน 16 คน เปนนักเรียนและนักศึกษา จํานวน78 คน คิดเปนรอยละ 15.09 และ 84.91 ตามลําดับ ผูตอบประเมิน มีความพึงพอใจทีมบริการในภาพรวมอยูในระดับมากที่สุด โดยมีคาเฉลี่ยที่ 4.65และมีความพึงพอใจในหัวขอ ทีมบริการใชวาจาสุภาพในการใหบริการ มากที่สุดจาก 4 หัวขอ โดยมีคาเฉลี่ย ที่4.72ขอเสนอแนะตอการบริการของมหาวิทยาลัย1. อยากใหมีรานกาแฟที่ตึก17ครับ หรือไมก็ที่กินขาว เซเวนไดยิ่งดีครับ2. อยากใหตอบแชทไวกวานี้หนอยครับ3. ดีมากคะ ชัดเจนคะ4. บริการดีมากครับ พี่เดือนวิทยาลัยดนตรีคนนี้นารักมากๆครับ ชวยเหลือทุกอยาง เปนหวงเด็กๆทุกคนเลยครับ5. ดีเยี่ยมครับ6. Good สํานักงานพัฒนาบุคคลไดติดตอประสานงานกับหนวยงานที่เกี่ยวของในการแกไขขอเสนอแนะตาง ๆที่ไดรับการแนะนํามา ตามความเหมาะสม 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECKจากการใชวิธีการสราง Smart Service Team ดวยการพัฒนาบุคลากรแบบ Authentic Learning คือการเปลี่ยนการอบรมจากการใหความรูเพียงอยางเดียว เปนการใหความรูพรอมกับการสรางกระบวนการปรับทัศนคติในการเรียนรูความจริง Authentic Learning ควบคูกันไปโดยเริ่มจากการอบรมใหความรูและใชการทํา Workshop เพื่อใหไดขอสรุปในเรื่องตาง ๆจากการใชความรูเดิมของผูเขาอบรมเปนหลัก และหาขอสรุปเพื่อแกปญหาในเรื่องตาง ๆ รวมกันและนําขอสรุปนั้น ๆ ไปใชในการปฏิบัติงานจริง เชน ปญหาในเรื่องของกระบวนการรับสมัครนักศึกษาที่นําไปสูการสมัครเรียนแบบ Online ลดขั้นตอนการทํางานใหสั้นและกระชับลงหรือการทํางานเปนทีมที่ไมไดแบงแยกวาตัวเองมาจากสังกัดที่ไหนแตเปนการทํางานในนามของมหาวิทยาลัยรังสิตที่พรอมจะเผชิญกับปญหาและการแกไข ในเรื่องตาง ๆ ดวยกัน โดยในระยะแรกอาจจะมีปญหาในเรื่องระบบการรับสมัครออนไลน ซึ่งทุกคนก็จะแจงปญหาที่ตนเองไดรับพรอมกับผูบริหารสวนกลางที่มีสวนชวยกันแกไขระบบใหสามารถใชงานไดอยางมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการใชวิธีการสราง Smart Service Team ดวยวิธี Authentic Learningทําใหสํานักงานพัฒนาบุคคลไดแนวคิดในการพัฒนาบุคลากรแนวใหมซึ่งจะกอใหเกิดการทํางานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ..

Authentic Learning for Smart Service Team Read More »

การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ

การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัย ให้ประสบผลสำเร็จ ยุทธศาสตร์ที่ 3 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ดร.นเรฏฐ์ พันธราธร ฝ่ายวิจัย หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           การบริหารจัดการโครงการระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ  เป็นโครงการให้ความช่วยเหลือและให้บริการแก่ชุมชนหลักหก  ซึ่งเป็นเขตชุมชนในพื้นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรังสิต สืบเนื่องจากวิกฤต COVID-19  มหาวิทยาลัยรังสิตได้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนหลักหก  จึงให้ความช่วยเหลือชุมชน อำนวยความสะดวกในการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน  โฮมไอโซเลชั่น ผลที่เกิดชึ้นคือ เป็นชุมชนหลักหกมีการติดเชื้อน้อยมาก  เมื่อผ่านช่วงภาวะวิกฤตแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้มองเห็นปัญหาเรื่องรายได้ของคนในชุมชน จึงได้จัดทำโครงการสร้างอาชีพและรายได้แนวใหม่ตามแนวคิดเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสร้างสุขภาวะ  และให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเข้าไปช่วยเหลือและฝึกฝน ร่วมกันคนในชุมชน ในการจัดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกจำหน่าย  ทั้งนี้มหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)   https://www.youtube.com/watch?v=F-U7VaC1iX4&list=PLcTvutIKrjekMO78ArSFb0bNdwo4HjVk8&index=14 VDO Credit : สำนักงาน Wisdom Media ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.นเรฏฐ์  พันธราธร ฝ่ายวิจัย

การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ Read More »

คลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลมหาวิทยาลัยรังสิต (ระยะที่ 3)

การสร้างเครือข่ายการพัฒนางานวิจัย ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR2.2.3 รางวัลดีเด่น ปี2566 ผู้จัดทำโครงการ​ คุณลมัย ประคอนสี สำนักหอสมุด หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นศูนย์กลางขององค์ความรู้ และแหล่งทรัพยากรสารสนเทศเพื่อการศึกษา การค้นคว้าวิจัย การสร้างนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ของการเป็นผู้นำเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยทรัพยากรสารสนเทศที่ทันสมัย จัดหาแหล่งทรัพยากรสารสนเทศที่ครอบคลุมและสามารถเข้าถึงได้อย่างแพร่หลาย ให้สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ด้านสร้างความเป็นเลิศทางวิจัย งานสร้างสรรค์ และนวัตกรรม สำนักหอสมุดจึงได้จัดทำโครงการพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลมหาวิทยาลัยรังสิต ในปีการศึกษา 2563 ซึ่งต่อมาได้จัดทำเป็นฐานข้อมูลคลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลมหาวิทยาลัยรังสิต (Rangsit University Intellectual Repository หรือ RSUIR) ขึ้นมาเพื่อรวบรวมจัดทำคลังจัดเก็บ และให้บริการทรัพยากรสารสนเทศของคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิตในรูปแบบดิจิทัล เพื่อเผยแพร่ทรัพยากรสารสนเทศดังกล่าวให้ทั้งบุคลากรภายใน และภายนอกมหาวิทยาลัย เป็นแหล่งทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลที่มีประโยชน์ ก่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นการพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ และต่อยอดให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป โดยเริ่มใช้งานออนไลน์ได้เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 มีวัตถุประสงค์ เพื่อรวบรวม จัดทำคลังจัดเก็บและให้บริการทรัพยากรสารสนเทศของนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยรังสิตในรูปแบบดิจิทัล เผยแพร่ทรัพยากรสารสนเทศของนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยรังสิตให้ทั้งบุคลากรภายใน และภายนอกมหาวิทยาลัย ตลอดจนสงวนรักษาทรัพยากรสารสนเทศของนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยรังสิต ให้คงอยู่และสามารถเข้าถึงได้อย่างแพร่หลาย จากการปรับปรุงพัฒนาในระยะที่ 2 ของส่วนการสืบค้นเมนู Browse โดย ชื่อผู้แต่ง (Author)   ชื่อเรื่อง (Title) หัวเรื่อง (Subject) ที่เป็นภาษาไทยไม่ได้ ได้รับความร่วมมือในจากโปรแกรมเมอร์เพื่อแก้ไขระบบการสืบค้นดังกล่าว ให้สามารถสืบค้นภาษาไทยได้แล้ว สาเหตุเนื่องมาจากตั้งค่า default ของ tomcat เป็น iso-8859-1 ซึ่งไม่รองรับภาษาไทย ต้องแก้ไขเป็น UTF-8 จึงสามารถอ่านค่าภาษาไทยได้ และจะพัฒนาปรับปรุงให้เป็นฐานข้อมูลที่พร้อมสำหรับการสนับสนุนการวิจัยต่อไป   ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้         คลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลมหาวิทยาลัยรังสิต จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคลังจัดเก็บและให้บริการทรัพยากรสารสนเทศภูมิปัญญาของคณาจารย์ บุคลากร นักศึกษามหาวิทยาลัย มีจุดประสงค์ให้ทรัพยากรสารสนเทศได้รับการจัดเก็บในรูปดิจิทัล จะเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการศึกษาค้นคว้า สืบค้นวิชาการให้กับบุคลากรทั้งภายในและภายนอก และยังจะเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในระดับชาติ และนานาชาติในฐานะมหาวิทยาลัยทางด้านวิจัย และนวัตกรรม ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ความรู้จากคลังความรู้ที่เป็นคลังปัญญาในการจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศในรูปแบบต่าง  ๆ และนำออกให้บริการในลักษณะเอกสารฉบับเต็ม (Full text) เช่น        – คลังปัญญาจุฬาฯ เพื่อประเทศไทย  (Chulalongkorn University Intellectual Repository           ( https://cuir.car.chula.ac.th/community-list )        –  คลังสารสนเทศสถาบันของมหาวิทยาลัยมหิดล (Mahidol IR)          ( http://repository.li.mahidol.ac.th/dspace/ )                                                                   วิธีการดำเนินการ การจัดทำแผนดำเนินงานการจัดทำคลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลมหาวิทยาลัยประจำปีเพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติงาน รวบรวมไฟล์ผลงานวิทยานิพนธ์/วิจัยของนักศึกษา คณาจารย์ บุคลากรมหาวิทยาลัยรังสิต แยกตามคณะ/สาขาวิชา/ปีการศึกษา โดยในปีการศึกษา 2566 ได้ดำเนินการลงรายการวิจัย/วิทยานิพนธ์ ปีการศึกษา 2565 จากที่ได้รับตัวเล่มและซีดีจาก สถาบันวิจัย และบัณฑิตวิทยาลัย โดยดำเนินการแปลงไฟล์ใส่ลายน้ำสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยรังสิต ประสานงานกับทีมงานโปรแกรมเมอร์สำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อดูแลด้านเทคโนโลยีในเรื่องการปรับปรุงการสืบค้น Server และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ ประชาสัมพันธ์โครงการ/ส่งเสริมการใช้ โดยการแนะนำผ่านการปฐมนิเทศนักศึกษา เป็นต้น ประเมินผลโครงการประจำปีการศึกษาตามรูปแบบ PDCA 2.Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน 1. จากผลการดำเนินงานต่อจาก ระยะที่ 2 ในปีที่การศึกษา 2565 ได้ดำเนินแก้ไขปัญหาในการสืบค้นโดยใช้คำค้นที่เป็นภาษาไทยได้เรียบร้อยแล้ว และพบปัญหาเรื่องบัณฑิตวิทยาลัยแจ้งของดการเผยแพร่วิทยานิพนธ์ที่เคยเผยแพร่แล้วเนื่องจากพบข้อมูลผิดไม่สามารถเผยแพร่ได้ 2. มีการเพิ่มเติมในส่วนของแบบประเมินผลความพึงพอใจในการใช้งานฐานข้อมูลคลังทรัพยากรสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต (RSUIR)3. ทำการลงรายการวิทยานิพนธ์ และงานวิจัยบุคลากร มหาวิทยาลัยรังสิตเพิ่มเติมจนถึงปีปัจจุบัน คือปีการศึกษา 2566 และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ รวมจำนวน 1,935 รายการ (เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 545 รายการ)4. เพิ่มเติมการเชื่อมโยง (Link) URL งานวิจัย/วิทยานิพนธ์จากฐานข้อมูลคลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลบนหน้าจอสืบค้นทรัพยากรสารสนเทศ (Web Opec) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็ม (Full-text) จำนวน 545 รายการ 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK คลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลมหาวิทยาลัยรังสิต (Rangsit University Intellectual Repository หรือ RSUIR) เป็นฐานข้อมูลคลังปัญญามหาวิทยาลัย เพื่อเผยแพร่และอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลให้ทั้งบุคลากรภายใน และภายนอกมหาวิทยาลัย ตลอดจนเพื่อเป็นการสงวนรักษาทรัพยากรสารสนเทศให้คงอยู่ และสามารถเข้าถึงได้อย่างแพร่หลาย  ก่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นการพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ และต่อยอดให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป          การแก้ไขข้อมูลที่ทางบัณฑิตวิทยาลัยทำบันทึกข้อความเพื่อแจ้งงดเผยแพร่รายการวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิต และมหาบัณฑิตที่มีข้อมูลที่ไม่สามารถเผยแพร่ได้ ทำให้ต้องมีการนำรายการดังกล่าวออกจากฐานข้อมูล RSUIR จำนวน 2 รายการ และปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง จำนวน 1 รายการ ทางสำนักหอสมุดได้มีข้อตกลงกับทางบัณฑิตวิทยาลัยที่จะรับรายชื่อและไฟล์วิทยานิพนธ์ที่ทางบัณฑิตวิทยาลัยรับรองให้เผยแพร่ได้เท่านั้น          ในส่วนแบบประเมินความพึงพอใจในการใช้ฐานข้อมูลคลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัล มหาวิทยาลัยรังสิตมีผู้ตอบแบบประเมินจำนวน 33 คน โดยแบ่งเป็นการศึกษาระดับปริญญาโท ตอบมากที่สุด 21 คน รองลงมาเป็นระดับปริญญาตรี 11 คน และระดับปริญญาเอก 1 คน ตามลำดับ โดยข้อคำถามทั้ง 5 ข้อ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีข้อคำถามดังนี้ ข้อมูลมีความถูกต้องตรงตามความต้องการ มีค่าเฉลี่ย 4.09 การเข้าถึงระบบทำได้ง่ายและรวดเร็วในการดาวน์โหลด มีค่าเฉลี่ย 4.48 มีความสะดวกและรวดเร็วในการแสดงผลข้อมูล มีค่าเฉลี่ย 4.60 เป็นแหล่งข้อมูลที่ประโยชน์ต่อการเรียนการสอนและการวิจัย มีค่าเฉลี่ย 4.27 ความพึงพอใจของการใช้บริการโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ย 4.30          โปรแกรม DSpace เป็นโปรแกรม Open source มีการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพดี ง่ายต่อการลงรายการ การ upload ไฟล์เอกสารฉบับเต็ม การเข้าถึง ตลอดจนถึงสืบค้นและดาวน์โหลดวิทยานิพนธ์/วิจัย/หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแบบ “Full Text” ได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศ ปัญหาที่พบในปัจจุบันคือเรื่องความไม่เสถียรของเว็บไซต์คลังทรัพยากรสารสนเทศฯ เนื่องจากต้องมีการ Run service ของ Server ทุกสัปดาห์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องแต่ได้รับการประสานงานจากโปรแกรมเมอร์จากสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วยแนะนำให้บรรณารักษ์ผู้ดูแลระบบได้ทำการ Run service ของ Server ตลอดจนมีการพัฒนาบำรุงรักษาโปรแกรมฯ ในส่วนของการ Upgrade โปรแกรม DSpace ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด โปรแกรมเมอร์จากสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศอยู่ในขั้นตอนในการเรียนรู้การดำเนินงานในส่วนดังกล่าว ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice การพัฒนาคลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลมหาวิทยาลัยรังสิต ทุกปีอย่างต่อเนื่อง และรวบรวมแหล่งทรัพยากรสารสนเทศในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ไฟล์เสียง (MP4) รูปภาพ รวมทั้งรวบรวมรายงานการค้นคว้าอิสระ (IS) ของนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จากหน่วยงานอื่น ๆ ที่อนุญาตให้เผยแพร่ เป็นต้น

คลังทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัลมหาวิทยาลัยรังสิต (ระยะที่ 3) Read More »

ระบบสนับการประเมินคุณภาพภายใต้แนวคิด 4D with 3 Smart

ระบบสนับสนุนการประเมินคุณภาพภายใต้แนวคิด 4D with 3 Smart ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR3.4.1, KR3.4.4 รางวัลดีเด่น ปี2566 ผู้จัดทำโครงการ​ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สมศักดิ์ เอื้ออัชฌาสัย, คุณพรรนิภา แดงเลิศ, คุณธนัญชนก วารินหอมหวล, คุณภัสราภรณ์ อริยะเศรณี, คุณวราภรณ์ เกิดน้อย สำนักงานประกันคุณภาพ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ จากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล จึงทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทต่อการดำรงชีวิตและการทำงานในปัจจุบัน ผู้คนในยุคดิจิทัลต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว ทันใจ การบริหารองค์กรทางการศึกษาในยุคดิจิทัลจึงต้องมีการวางแผนการบริหารงาน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานวิชาการ การบริหารงานงบประมาณ การบริหารงานบุคคล หรือการบริหารงานทั่วไป จำเป็นต้องมีความถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็วและเป็นแบบเรียลไทม์ (ปุณณิฐฐา มาเชค, 2565) อีกทั้งแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ที่มุ่งเน้นทักษะที่สำคัญของประชากรในศตวรรษที่ 21 ในแปดด้าน โดยหนึ่งในด้านที่สำคัญ คือ ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และการรู้เท่าทันเทคโนโลยี (Computing and ICT Literacy) รวมถึงแผนยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2566-2570 ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบข้อมูล โดยปัจจุบันฐานข้อมูลด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) ประกอบด้วย 3 ฐานข้อมูลหลัก ได้แก่ ฐานข้อมูลด้านการอุดมศึกษาฯ และมาตรฐานการอุดมศึกษา, ฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และฐานข้อมูลด้านวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ     จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้นต่อการทำงานในปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 การบริหารจัดการสู่องค์กรอัจฉริยะ (Smart Organization) ที่เน้น กระบวนการทำงานแบบ Smart Work และ Work Smart เพิ่มศักยภาพในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งตั้งแต่ปีการศึกษา 2563 เป็นต้นมา สำนักงานประกันคุณภาพได้ปรับกระบวนการบริหารงานที่เน้นการทำงานเชิงรุก ตอบสนองทันที (Pro-Active) การใช้ทรัพยากรน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า (Less resources, but more results) และปรับระบบการทำงานให้เป็นระบบดิจิทัลมากขึ้นเพื่อเชื่อมโยงในหลายมิติ (Digitalization and hyperlink) ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพการบริหารงานบุคลากรในหน่วยงานด้วยหลัก 4D for Smart Organization และนำไปสู่ผลลัพธ์ความสำเร็จที่วัดผลได้ตาม Key Result ของแผนพัฒนาบุคลากร สำนักงานประกันคุณภาพ โดยสามารถยืนยันความสำเร็จของผลการดำเนินงานด้วยรางวัลชมเชยจากการนำเสนอแนวปฏิบัติที่ดี เรื่อง 4D for Smart Organization ในโครงการแนวปฏิบัติที่ดี มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อปีการศึกษา 2565 (RSU Good Practice Awards 2023)     เพื่อเป็นการพัฒนาความเป็น 4D for Smart Organization สำนักงานประกันคุณภาพจึงมุ่งเน้นความสำคัญในการเพิ่มสมรรถนะการปฏิบัติงานด้าน Smart Technology ไปพร้อมกับการพัฒนาบุคลากรให้เป็น Smart People และพัฒนากระบวนการปฏิบัติงานให้เป็น Smart Process ด้านการประกันคุณภาพ ซึ่งแต่เดิมกระบวนการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตร และระดับคณะวิชา ใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลรายงานผลการดำเนินงานของหลักสูตร (มคอ.7), รายงานการประเมินตนเอง (SAR) ระดับคณะวิชา, รายงานประเมินเบื้องต้นสำหรับการตรวจประเมิน ของคณะกรรมการประเมิน, ประกาศฯ มหาวิทยาลัยรังสิตที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน และรายงานแผนการปรับปรุงการดำเนินงาน (Improvement plan) ในรูปแบบไฟล์เอกสาร ที่ต้องใช้พื้นที่จัดเก็บไฟล์เอกสารเป็นจำนวนมาก จึงได้พัฒนาระบบ Improvement plan: IP ขึ้น เพื่อให้คณะกรรมการประเมินสามารถใช้ระบบ IP ในการสรุปรายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร และระดับคณะวิชา (ฉบับสมบูรณ์) ในวันที่ประชุมประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ซึ่งหลักสูตรและคณะวิชาสามารถดูรายงานผลการประเมิน และจัดทำรายงานแผนปรับปรุงการดำเนินงาน (Improvement plan) ผ่านระบบ IP ทดแทนการจัดทำแบบ Manual File รวมถึงสามารถออกรายงานผลการดำเนินงานตาม Key Result ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 ที่เกี่ยวข้องกับผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับหลักสูตร และระดับคณะวิชา และนำส่งรายงานผลการดำเนินงานฯ ดังกล่าว ไปยังสำนักงานวางแผนและพัฒนา เพื่อสรุปผลการดำเนินงานประจำปีในแต่ละ Key Result ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 ต่อไป ————————————————————-   ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้: ขั้นตอนการพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP จากความเป็น 4D with 3 Smart ประกอบด้วย Dynamic Mission คือ มีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในพันธกิจตามที่ผู้บริหารระดับสูงกำหนดในทุกปี โดยมีพันธกิจใหม่ด้านการดูแลระบบ Improvement Plan: IP ที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับคณะกรรมการประเมิน, หลักสูตร, คณะวิชา, กรรมการและเลขานุการ และการรายงานผลการดำเนินงานตาม Key Result ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 Dynamic Job Description คือ การปรับหน้าที่และความรับผิดชอบของบุคลากรตามพันธกิจใหม่ โดยมีการมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบในการพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP ร่วมกับโปรแกรมเมอร์ Dynamic IDP คือ การปรับแผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคลประจำปีการศึกษา โดยการเพิ่มเติมหน้าที่และความรับผิดชอบของบุคลากรเป็นรายบุคคล โดยผู้บริหารหน่วยงานได้พิจารณาและประเมินความรู้ ความสามารถของบุคลากรที่มีความเหมาะสมต่อการร่วมพัฒนา ดูแล เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้การใช้งาน และเป็น Admin ระบบ Improvement Plan: IP Dynamic working result คือ การปรับเปลี่ยนกระบวนการกำกับติดตามการดำเนินงาน ซึ่งจากเดิมสำนักงานประกันคุณภาพมีการติดตามการดำเนินงานของบุคลากรเป็นรายบุคคลผ่านแบบรายงานการปฏิบัติงานรายบุคคลประจำเดือน (Monthly Report) โดยเพิ่มเติมการนำเสนอ (ร่าง) การพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP ในทุกสัปดาห์ผ่านที่ประชุมสำนักงาน และนำเสนอความก้าวหน้าต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินงานประกันคุณภาพ ในปีการศึกษา 2565 (ซึ่งเป็นปีที่พัฒนาระบบ) จำนวน 4 ครั้ง           – ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2565           – ครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2565           – ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566           – ครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566     และเพิ่มสมรรถนะการปฏิบัติงานใน 3 ด้านที่สำคัญ ได้แก่      – Smart People คือ การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ วางแผน มีทักษะในการสื่อสารและการถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยเป็นผู้ร่วมพัฒนาและวิเคราะห์ระบบ Improvement Plan: IP ร่วมกับ Developer และทำหน้าที่เป็น User Requirement เพื่อวิเคราะห์ว่าระบบที่ออกแบบและพัฒนาต้องมีการทำงานอย่างไรและเงื่อนไขที่กำหนดลงไปในระบบมีอะไรบ้าง, ร่วมออกแบบและตรวจสอบระบบ ตลอดจนทำหน้าที่เป็นวิทยากรในการถ่ายทอดและแนะนำหลักสูตร คณะวิชา และผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ในการใช้งานระบบ IP ซึ่งมีความใกล้เคียงกับการเป็น Chang Agent      – Smart Process คือ การพัฒนากระบวนการดำเนินงานในการประกันคุณภาพการศึกษาให้มีความเป็นระบบ และอำนวยความสะดวกให้แก่คณะกรรมการประเมิน, หลักสูตร, คณะวิชา, กรรมการและเลขานุการ และการรายงานผลการดำเนินงานตาม Key Result ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 ทดแทนการจัดทำแบบ Manual File สู่กระบวนการแบบ Lean Process เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น เพราะระบบ IP สามารถคำนวณผลลัพธ์และค่าร้อยละให้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในตัวบ่งชี้เชิงปริมาณได้ และช่วยลดระยะเวลาในการจัดเก็บและค้นหาไฟล์เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจประเมินได้ เพราะระบบ IP ได้รวบรวมไฟล์เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ในที่เดียว เช่น คู่มือมาตรฐานฯ มรส.ฯประกาศ คำสั่งฯ แนวทางการประเมิน, รายชื่อคณะกรรมการประเมิน, รายงาน มคอ.7 และรายงาน SAR เป็นต้น            – Smart Technology คือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน แม้ว่ามหาวิทยาลัยกำลังพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงระบบงานต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งสำนักงานประกันคุณภาพมีความประสงค์มุ่งพัฒนาระบบสนับสนุนการประเมินคุณภาพ ระบบ Improvement Plan: IP ขึ้นใช้เองโดยแยกจากส่วนกลาง เพื่อให้ทันต่อการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพการศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ.2563 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2565 และเกณฑ์มาตรฐานฯ ฉบับ พ.ศ.2567) เพื่อให้การรายงานผลการดำเนินงานทั้งระดับหลักสูตร ระดับคณะวิชา และระดับสถาบันเกิดความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว ซึ่งมีความใกล้เคียงกับการเป็น Agile Technology ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) โดยนำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ.2565-2569 มาตีความสู่การดำเนินงาน และนำมาปรับใช้ในแผนยุทธศาสตร์ สำนักงานประกันคุณภาพ พ.ศ.2565-2569 และแผนพัฒนาบุคลากร สำนักงานประกันคุณภาพ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)โดยนำแนวปฏิบัติของสำนักงานประกันคุณภาพที่ประสบความสำเร็จจากปีการศึกษาที่ผ่านมาในประเด็น 4D for Smart Organization มาดำเนินการต่อเนื่องและพัฒนาเพิ่มเติมใน 3 ด้าน คือ Smart People, Smart Process และ Smart Technology สู่การเป็น 4D with 3 Smart และพิสูจน์ความสำเร็จในการพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP ด้วยการเก็บข้อมูลผลการประเมินการใช้งานระบบจากตัวแทนของคณะกรรมการประเมิน, หลักสูตร และคณะวิชา วิธีการดำเนินการ สำนักงานประกันคุณภาพได้นำกระบวนการจัดการความรู้มาใช้ในการพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP โดยผู้บริหารหน่วยงานให้ความสำคัญกับการจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัย เช่น การสนับสนุนให้หลักสูตรและคณะวิชาที่มีผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ในตัวบ่งชี้ที่ได้คะแนน 4.00 ได้พัฒนาตนเองและจัดทำรายงาน KM แนวปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จและถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ผ่านระบบ RKMS ของมหาวิทยาลัย ภาพ: ตัวอย่าง Template รายงาน มคอ.7 ที่ระบุเกณฑ์การประเมินในระดับ 5.00 คะแนน โดยต้องจัดทำผลงาน KM แนวปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จ และถ่ายทอดเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านระบบ RKMS ของมหาวิทยาลัย      นอกจากนี้ มีการส่งเสริมให้บุคลากรในหน่วยงานเข้าร่วมอบรมแนวทางการจัดการความรู้ในทุกปีการศึกษา เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการเข้าร่วมอบรมมาประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อวิเคราะห์ รวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่ประสบความสำเร็จและองค์ความรู้ของบุคลากรตามพันธกิจใหม่ที่ได้รับมอบหมาย โดยเป็นผลมาจากการพัฒนาแนวปฏิบัติที่ดีจากปีการศึกษาที่ผ่านมา สู่การจัดทำรายงานการจัดการความรู้ของปีการศึกษา 2566 โดยมีกระบวนการจัดการความรู้ของหน่วยงานใน 6 ขั้นตอน ดังนี้ การกำหนดความรู้ที่จำเป็น โดยผ่านการประชุมสำนักงานประจำสัปดาห์ เพื่อร่วมกันพิจารณาว่าความรู้ใดที่สำคัญและเป็นผลมาจากแนวปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จจากปีการศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า เป็นเรื่องการพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP ที่เป็นผลมาจากการพัฒนาบุคลากรตามแนวทาง 4D with 3 Smart การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ โดยการนำองค์ความรู้ที่ค้นพบ คือ การพัฒนาระบบที่มาจากการพัฒนาทักษะและสมรรถนะของบุคลากร เช่น แผนการพัฒนาระบบ, ขั้นตอนการพัฒนาระบบ, แนวทางการจัดอบรมและประชาสัมพันธ์ระบบ, การให้คำปรึกษาการใช้งานระบบ และการเป็น Admin ดูแลระบบ เป็นต้น สู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ คือ การจัดทำ Model ขั้นตอนการพัฒนาระบบเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบประกันคุณภาพของหน่วยงานที่จะพัฒนาขึ้นในอนาคต การปรับปรุง/ ดัดแปลง/ การสร้างความรู้บางส่วนให้เหมาะสมต่อการใช้งาน โดยการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และปรับปรุงข้อมูลที่จะปรากฏในระบบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อผู้ใช้งาน การประยุกต์ใช้ความรู้ในงานของตน โดยการนำความรู้ที่ได้จากการประชุมสำนักงาน/ ระดมความคิดเห็น และการให้ความรู้แบบ Coaching จากผู้บริหารหน่วยงาน รวมถึงการศึกษาค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเองผ่าน Online Learning Platform เพื่อนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานและการพัฒนาระบบ การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสกัด “ขุมความรู้” ออกมาบันทึกไว้ สำนักงานประกันคุณภาพได้ดำเนินการพัฒนาบุคลากรตามแนวทาง 4D with 3 Smart แล้วทำการประเมินความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสำนักงานประกันคุณภาพ และแผนการพัฒนาบุคลากร ด้วยวิธีการสนับสนุนให้บุคลากรได้รายงานแผนการจัดทำระบบ, รายงานความคืบหน้า, การเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ และการประเมินผลการใช้งานระบบจากตัวแทนของคณะกรรมการประเมิน, หลักสูตร และคณะวิชา ผู้ใช้งานระบบ โดยทุกขั้นตอนที่มีการพัฒนาได้มีการบันทึกและนำเสนอในรูปแบบ Model ขั้นตอนการพัฒนาระบบ ซึ่งถือเป็น “ขุมความรู้” ที่ได้จากประสบการณ์การทำงาน การจดบันทึกขุมความรู้และแก่นความรู้สำหรับไว้ใช้งานและปรับปรุงเป็นชุดความรู้ที่ครบถ้วน           6.1 นำผลการสกัดความรู้ตามกระบวนการ 4D with 3 Smart มาบันทึกตามแนวทางของ RKMS           6.2 การเผยแพร่ความรู้ 4D with 3 Smart ที่ทำให้เกิดการพัฒนาระบบผ่านการจัดอบรมการใช้งานระบบ Improvement Plan: IP สำหรับคณะกรรมการประเมิน สำหรับหลักสูตร และคณะวิชา จำนวน 3 ครั้ง รวมถึงบุคลากรในหน่วยงานทุกคนเป็นผู้ใช้งานระบบเพื่อการตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 แล้วนำข้อค้นพบจากการใช้งานระบบมาประชุม/ ระดมความคิดเห็น เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา/ ปรับปรุง สำหรับใช้ในการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ปีการศึกษา 2566 ต่อไป 2.Prototype testing in an operational environment – DO สำนักงานประกันคุณภาพมีกระบวนการติดตามผลการปฏิบัติงานของบุคลากร ผ่านแบบรายงานการปฏิบัติงานรายบุคคลประจำเดือน (Monthly Report) และการนำเสนอ (ร่าง) การพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP ในทุกสัปดาห์ต่อที่ประชุมสำนักงาน และนำเสนอความก้าวหน้าต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินงานประกันคุณภาพ ในปีการศึกษา 2565 จำนวน 4 ครั้ง และรายงานผลการดำเนินงานของหลักสูตร คณะวิชา และรายงานผลการดำเนินงานตาม Key Result ระดับมหาวิทยาลัย จำนวน 3 ครั้ง ในปีการศึกษา 2566 ซึ่งผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ที่เป็นไปตาม KR ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 มีดังนี้ ความเชื่อมโยงผลการดำเนินงานระดับหลักสูตร ที่รายงานผลจากระบบ IP KR ของแผนยุทธศาสตร์ฯ มรส. พ.ศ. 2565-2569 ตัวบ่งชี้ระดับหลักสูตร KR 1.1.1 หลักสูตรมีความทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม ตบช.5.1 สาระของรายวิชาในหลักสูตร KR 1.1.5 ผลความพึงพอใจของนักศึกษาต่อหลักสูตรในระดับดีขึ้นไป ตบช.3.3 ผลที่เกิดกับนักศึกษา KR 1.2.1 มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการเรียนการสอนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การสอนมุ่งสู่ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวัง ตบช.5.1 สาระของรายวิชาในหลักสูตร KR 1.2.2 หลักสูตรที่เปิดดำเนินการสอนมีสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ที่ทันสมัย พร้อมใช้ และจำนวนเพียงพอสอดคล้องกับเป้าหมายผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวัง ตบช.6.1 สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ KR 1.3.1 อัตราการได้งานทำและประกอบอาชีพอิสระภายใน 1 ปีหลังสำเร็จการศึกษามากกว่าร้อยละ 65 ของผู้สำเร็จการศึกษา ตบช.2.2 ร้อยละของบัณฑิตปริญญาตรีที่ได้งานทำหรือประกอบอาชีพอิสระภายใน 1 ปี KR 1.3.3 หลักสูตรมีผลการประเมินคุณภาพของบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิและมาตรฐานการอุดมศึกษาจากผู้ใช้บัณฑิต ไม่ต่ำกว่าระดับดี ตบช.2.1 คุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และด้านผลลัพธ์ผู้เรียนตามมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ.2561 KR 1.3.7 ระดับคุณภาพงานวิจัย/ งานสร้างสรรค์/ นวัตกรรม ของนักศึกษาและบัณฑิตระดับปริญญาโทและปริญญเอก ตบช.2.2 ผลงานของนักศึกษาและผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ (ทั้งหลักสูตรระดับ ป.โท และ ป.เอก)   ความเชื่อมโยงผลการดำเนินงานระดับคณะวิชา ที่รายงานผลจากระบบ IP KR ของแผนยุทธศาสตร์ฯ มรส. พ.ศ. 2565-2569 ตัวบ่งชี้ระดับคณะวิชา KR 1.2.4 กิจกรรม/โครงการพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตพึงประสงค์บรรลุตามตัวชี้วัดความสำเร็จและวัตถุประสงค์ทุกข้อ ตบช.1.6 กิจกรรมนักศึกษาระดับปริญญาตรี เกณฑ์ข้อ 5 ประเมินความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของแผนการจัดกิจกรรมพัฒนานักศึกษา KR 1.4.6 จำนวนผลงานการจัดการความรู้ด้านการเรียนการสอนและการผลิตบัณฑิตที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความสามารถในการเรียนการสอน ตบช.5.1 การบริหารของคณะเพื่อการกำกับติดตามผลลัพธ์ตามพันธกิจ กลุ่มสถาบัน และเอกลักษณ์ของคณะ เกณฑ์ข้อ 5 ค้นหาแนวปฏิบัติที่ดีจากความรู้ทั้งที่มีอยู่ในตัวบุคคล ทักษะของผู้มีประสบการณ์ตรง และแหล่งเรียนรู้อื่นๆ ตามประเด็นความรู้ อย่างน้อยครอบคลุมพันธกิจด้านการผลิตบัณฑิตและด้านการวิจัย จัดเก็บอย่างเป็นระบบ โดยเผยแพร่ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรและนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานจริง   ผลลัพธ์การพัฒนางานในเชิงบุคลากร กระบวนการ และเทคโนโลยี (People Process and Technology)     – ผลลัพธ์การพัฒนางานในเชิงบุคลากร (People) โดยการพัฒนาบุคลากรตามแนวทาง 4D with 3 Smart และกำหนดเป้าหมายไว้ในแผนพัฒนาบุคลากร พบว่า บุคลากรมีความรู้ในตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ.2563 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565) มากขึ้น โดยสามารถปรับปรุง Template มคอ.7 และรายงาน SAR ระดับคณะวิชา ที่ครอบคลุมกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ และ ระเบียบคณะกรรมการการอุดมศึกษา และประกาศ ก.พ.อ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการ สำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ พ.ศ. 2562 และมีความเข้าใจในประเด็นยุทธศาสตร์ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ.2565-2569 ซึ่งเมื่อบุคลากรมีความรู้ในตัวบ่งชี้และเกณฑ์ฯ แล้วจึงนำมาสู่การออกแบบระบบสนับสนุนการประเมินคุณภาพ Improvement Plan: IP และสามารถจัดทำคู่มือการใช้งานระบบ จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ คู่มือสำหรับผู้ประเมินระดับหลักสูตร, คู่มือสำหรับผู้ประเมินระดับคณะวิชา และคู่มือสำหรับผู้ใช้งานระดับหลักสูตรและระดับคณะวิชา โดยสามารถเป็นวิทยากรในการจัดอบรมการใช้งานระบบ จำนวน 3 ครั้ง และมีผลการประเมินความพึงพอใจด้านวิทยากร ดังนี้ หัวข้อการจัดอบรม คะแนนเฉลี่ยผลการประเมินความพึงพอใจด้านวิทยากร การใช้งานระบบ IP สำหรับ ผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร ปีการศึกษา 2565 4.87 ระดับดีมาก การใช้งานระบบ IP สำหรับ ผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับคณะวิชา ปีการศึกษา 2565 4.89 ระดับดีมาก การใช้งานระบบ IP สำหรับ หลักสูตร และคณะวิชา/วิทยาลัย/สถาบัน ปีการศึกษา 2566 4.92 ระดับดีมาก – ผลลัพธ์การพัฒนางานในเชิงกระบวนการ (Process) บุคลากรสามารถการพัฒนากระบวนการดำเนินงานในการประกันคุณภาพการศึกษาให้มีความเป็นระบบ และอำนวยความสะดวกให้แก่คณะกรรมการประเมิน, ผู้ใช้งานระดับหลักสูตร และระดับคณะวิชา, กรรมการและเลขานุการ และการรายงานผลการดำเนินงานตาม Key Result ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 โดยสามารถจัดทำ Model ขั้นตอนการพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP ดังนี้ – ผลลัพธ์การพัฒนางานในเชิงเทคโนโลยี (Technology) การพัฒนาระบบ Improvement Plan: IP ได้กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์สำนักงานประกันคุณภาพ พ.ศ.2565-2569 ที่กำหนดเป้าหมาย 100% Comfort Faculty and Curriculum IP on time และสามารถดำเนินการได้บรรลุค่าเป้าหมาย 100% โดยเป็นระบบที่ผู้ประเมินทั้งระดับหลักสูตรและคณะวิชา สามารถจัดทำรายงานประเมินเบื้องต้นสำหรับการตรวจประเมิน สามารถช่วยคำนวณผลลัพธ์และค่าร้อยละให้อัตโนมัติ รวมทั้งสามารถสร้างรายงานผู้ประเมินฉบับสมบูรณ์ให้อัตโนมัติ นอกจากนี้หลักสูตร และคณะวิชาสามารถเข้าดูรายงานผลการประเมิน และจัดทำรายงานแผนปรับปรุงการดำเนินงาน (Improvement Plan) ผ่านระบบ ซึ่งระบบช่วยสร้าง Improvement Plan ระดับหลักสูตรและระดับคณะวิชาเบื้องต้นให้อัตโนมัติ และที่สำคัญระบบช่วยสร้างรายงานผลการดำเนินงานตาม KR ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 ที่เกี่ยวข้องกับผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน เพื่อรายงานผลการดำเนินงานจากระบบส่งให้กับสำนักงานวางแผนและพัฒนา โดยมีผลการประเมินความพึงพอใจด้านระบบ Improvement Plan: IP ดังนี้ หัวข้อการจัดอบรม คะแนนเฉลี่ยผลการประเมินความพึงพอใจด้านระบบ การใช้งานระบบ IP สำหรับ ผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร ปีการศึกษา 2565 4.87 ระดับดีมาก การใช้งานระบบ IP สำหรับ ผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับคณะวิชา ปีการศึกษา 2565 4.85 ระดับดีมาก การใช้งานระบบ IP สำหรับ หลักสูตร และคณะวิชา/วิทยาลัย/สถาบัน ปีการศึกษา 2566 4.83 ระดับดีมาก 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ – การตรวจสอบผลการดำเนินการ ในด้านการติดตามผลการพัฒนาบุคลากรตามแนวทาง 4D with 3 Smart นั้น สำนักงานประกันคุณภาพมีการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ คือ รายงาน Job Description ประจำปีการศึกษาที่ Mapping กับ Dynamic Mission, Monthly

ระบบสนับการประเมินคุณภาพภายใต้แนวคิด 4D with 3 Smart Read More »

กลยุทธ์การได้รับรางวัลห้องปฏิบัติการต้นแบบดีเด่นและทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 3, 5 : KR 3.2.1 KR 5.2.1 กลยุทธ์การได้รับรางวัลห้องปฏิบัติการต้นแบบดีเด่นและทุนสนับสนุน จากสำนักงาน การวิจัยแห่งชาติ (วช.) ผู้จัดทำโครงการ​ อ.นภาพรรณ พงษ์พวงเพชร ศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฝ่ายการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​            เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากหน่วยงานในระดับประเทศจาก  สํานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)  จึงจําเป็นต้องมีห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ เพื่อขอรับทุนสนับสนุนการดำเนินการของห้องปฏิบัติการ จากสํานักงานการวิจัยแห่งชาติได้ ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้            การดำเนินการจัดทำห้องปฏิบัติการตามข้อกำหนดสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ                         ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : จากการลงมือปฏิบัติจริง วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้ งทะเบียนเข้าร่วมอบรมจัดทำห้องปฏิบัติการปลอดภัย ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยแม่ข่าย ถ่ายรูปห้องปฏิบัติการก่อนการดำเนินการ ลงทะเบียนเพื่อขอรับเลขห้องปฏิบัติการใน เว็ปไซด์ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ทำการประเมินห้องปฏิบัติการในระบบ จัดทำแผนการยกระดับห้องปฏิบัติการ แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานของห้องปฏิบัติการ ดำเนินการปรับปรุงห้องปฏิบัติการตามแผนการยกระดับห้องปฏิบัติการ ตามข้อกำหนดในระบบให้ได้มากที่สุด ปรึกษาวิทยากร เพื่อหาทางปรับเปลี่ยนแก้ไขหรือหาวิธีการทดแทนตามข้อกำหนด (สามารถปรึกษาศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้) ถ่ายรูปห้องปฏิบัติการหลังการดำเนินการ ส่งภาพห้องปฏิบัติการ ก่อน-หลังดำเนินการ รวมทั้งแผนการยกระดับห้องปฏิบัติการให้ทันตามกำหนด โดยก่อนและหลังดำเนินการต้องมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน กรรมการจากมหาวิทยาลัยแม่ข่ายพิจารณาการภาพถ่ายและแผนการยกระดับ หรือพิจารณาออนไลน์ เมื่อได้รับรางวัลห้องปฏิบัติการดีเด่น ให้ส่งแผนการใช้งบประมาณสนับสนุนการยกระดับความปลอดภัยห้องปฏิบัติการ สำหรับห้องปฏิบัติการใหม่ ให้จัดทำโปสเตอร์แสดงผลการดำเนินงาน และส่งบทคัดย่อให้ผู้ประสานงานโครงการ ให้ทันตามกำหนด เพื่อรับการพิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมนำเสนอการดำเนินงานในงานประชุมประจำปีเครือข่ายวิจัย : ภาคกลาง กรณีที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมประจำปีเครือข่ายวิจัย : ภาคกลาง เพื่อนำเสนอระดับประเทศ  ให้จัดทำโปสเตอร์นำเสนอผลการดำเนินงานที่ครอบคลุมทั้ง 7 ด้านของข้อกำหนด โดยเน้นจุดเด่นในการดำเนินการให้มากที่สุด สำหรับห้องปฏิบัติการเก่า ให้เข้าร่วมอบรมในกิจกรรมการธำรงรักษาด้านความปลอดภัยห้องปฏิบัติการและการยกระดับความปลอดภัย และส่งแผนการดำเนินงานพัฒนาห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมให้ครบตามเอกสารแบบฟอร์มที่แจ้งมา และต้องส่งเอกสารให้ทันตามเวลากำหนดซึ่งระยะเวลาการส่งเอกสารไม่เกิน 1 สัปดาห์ ดังนั้นจึงควรจัดทำเอกสารไว้ล่วงหน้าหลังการอบรม เมื่อส่งเอกสารครบถ้วน จะได้รับทุนสนับสนุนห้องปฏิบัติการเต็มจำนวน 2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน 1. นำไปใช้กับ ห้องปฏิบัติการศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้ห้องปฏิบัติการมีการทำงานอย่างเป็นระบบ มีความเรียบร้อย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของห้องปฏิบัติการจากการได้ไปนำเสนอในระดับประเทศ2.บุคลากรตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามมาตรการห้องปฏิบัติการปลอดภัย3.บุคลากร นักศึกษา พนักงานทำความสะอาด มีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานที่มีความปลอดภัย  และมีขั้นตอนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม    3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK 3.1 การตรวจสอบผลการดำเนินการ  ตรวจสอบผลการดำเนินการ โดยการประเมินตนเองภายหลังการดำเนินการ ตามข้อกำหนด ในระบบ EspreL checklist  3.2  การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ 3.2.1  การได้รับเลือกให้นำเสนอผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยห้องปฏิบัติการ ในการประชุมประจำปีเครือข่ายวิจัย : ภาคกลาง วันที่ 23 มกราคม 2567  ณ โรงแรม รามา การ์เด้นส์ 3.2.2ได้รับเชิญจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติให้เป็นวิทยากร ในการอบรมความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ระดับโรงเรียน รุ่นที่ 12 ณ จ.พระนครศรีอยุธยา  วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ได้รับเชิญจาก กรมวิทยาศาสตร์บริการ ให้เป็นผู้ตรวจประเมินห้องปฏิบัติการ ศูนย์ พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (สวทช.) จำนวน  2 กลุ่มห้องปฏิบัติการ  และห้องปฏิบัติการของการประปานครหลวง จำนวน 1 ห้องปฏิบัติการ ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นผู้ตรวจประเมินห้องปฏิบัติการ ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นวิทยากรด้านความปลอดภัยห้องปฏิบัติการวิทยาศาตร์ระดับโรงเรียน ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ 3.3 สรุปอภิปรายผล  บทสรุปความรู้                เมื่อทำตามขั้นตอนตามวิธีการดำเนินการ กลยุทธ์การได้รับรางวัลห้องปฏิบัติการต้นแบบดีเด่นและทุนสนับสนุน จาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ    โดยครบถ้วน ผลที่ได้รับคือ ได้รับโล่รางวัลโล่ ห้องปฏิบัติการต้นแบบดีเด่น ได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินการยกระดับห้องปฏิบัติการ ได้รับทุนสนับสนุนการธำรงรักษา ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice นั้น ปัจจัยในความสำเร็จของกลยุทธ์การได้รับรางวัลห้องปฏิบัติการต้นแบบดีเด่นและทุนสนับสนุน จาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นี้คือ  หัวหน้าห้องปฏิบัติการและผู้ดูแลห้องปฏิบัติการต้องให้ความสำคัญในการดำเนินการปรับปรุงและยกระดับห้องปฏิบัติการให้มีความปลอดภัย สอดคล้องตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วนทุกองค์ประกอบ  องค์กรมีวัฒนธรรมความปลอดภัยและมีผู้บริหารที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย

กลยุทธ์การได้รับรางวัลห้องปฏิบัติการต้นแบบดีเด่นและทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) Read More »

แนวทางการพัฒนาระบบฐานข้อมูลระดับมหาวิทยาลัย (กรณีศึกษาข้อมูลบริการวิชาการ)

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.2.1 แนวทางการพัฒนาระบบฐานข้อมูลระดับมหาวิทยาลัย (กรณีศึกษาฐานข้อมูลบริการวิชาการ) ผู้จัดทำโครงการ​ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี ศูนย์บริการทางวิชาการ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           งานบริการวิชาการเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของมหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริการทางวิชาการแก่ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสมและในด้านที่มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญ โดยให้บริการทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน หน่วยงานอิสระ หน่วยงานสาธารณะ ชุมชน และสังคมการให้บริการทางวิชาการอาจมีทั้งแบบที่มีรายได้หรือแบบให้เปล่า ซึ่งการให้บริการทางวิชาการนอกจากเป็นการทำประโยชน์ให้สังคมแล้ว มหาวิทยาลัยเองยังได้รับประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ของอาจารย์และนักศึกษา ซึ่งทำให้เกิดการบูรณาการระหว่าง การเรียนการสอน การวิจัย และบริการวิชาการได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการบริการวิชาการนั้นมีความสำคัญและจำเป็นต้องใช้ในการรายงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เช่น รายงานด้านประกันคุณภาพ การประเมินประจำปี ซึ่งการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวต้องการความถูกต้องรวดเร็ว หากไม่มีระบบฐานข้อมูลกลาง จะทำให้ต่างคนต่างจัดเก็บ ทำให้ประเด็นเรื่องของความถูกต้องจำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติม และที่เป็นปัญหาหลักคือการรวบรวมข้อมูลนั้นทำได้ยาก ตลอดจนรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน เมื่อรวบรวมมาแล้วจึงต้องนำมาจัดรูปแบบใหม่ จึงจะสามารถประมวลผลข้อมูลต่อได้                ผู้ให้ความรู้เล็งเห็นว่าการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยรังสิต จะสามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ โดยจะพัฒนาในรูปแบบของเว็บแอปพลิเคชัน (Web application) ติดตั้งไว้ที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Server) เครื่องของผู้ใช้หรือเครื่องไคลเอนต์ (Client) ที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายจะสามารถเรียกใช้งานโปรแกรมผ่านเว็บเบราว์เซอร์ (Web browser) ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม ระบบบริหารจัดการข้อมูลงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยรังสิตที่พัฒนาขึ้นจะเป็นฐานข้อมูลกลาง ที่สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการใช้งานระบบในวงกว้าง มีการนำเข้าข้อมูลและนำข้อมูลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของบุคลากรและหน่วยงานกลางของมหาวิทยาลัย โดยระบบดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทั้งในส่วนของอาจารย์และเจ้าหน้าที่ในการบันทึกและค้นคืนข้อมูลงานบริการวิชาการได้เป็นอย่างดี                                                                        ประเด็นข้างต้นเป็นตัวอย่างกรณีศึกษาที่จะนำไปสู่แนวทางในการจัดทำระบบฐานข้อมูลระดับมหาวิทยาลัย  ซึ่งควรเป็นประเด็นที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคลากรส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัย ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้  การพัฒนาระบบฐานข้อมูล       วชี้วัดด้านประกันคุณภาพที่เกี่ยวข้องกับงานบริการวิชาการ          การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่น                       ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้ ศึกษาตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพรวมไปถึงยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ที่สอดคล้องกับพันธกิจของหน่วยงาน ประสานงานกับสำนักงานบุคคลเพื่อขอปรับปรุงเกณฑ์การประเมินให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดด้านประกันคุณภาพรวมไปถึงยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย จัดทำระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลสำหรับงานบริการวิชาการ เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านบริการวิชาการของมหาวิทยาลัย โดยสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการประเมินบุคลากรประจำปีได้ทันที หากมีการบันทึกข้อมูลลงในระบบนี้ สื่อสาร ทำความเข้าใจ และประสานงานเพื่อให้เกิดการใช้งานระบบสารสนเทศดังกล่าว ประเมินผล ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน การนำไปใช้หรือการลงมือปฏิบัติจริง ระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้น สามารถเข้าถึงได้จาก URL: http://asc.rsu.ac.th/servicedata ได้ถูกใช้งานครั้งแรกในปีการศึกษา 2564 และได้ใช้งานต่อเนื่องในปีการศึกษา 2565 ซึ่งระบบดังกล่าวมีการนำข้อมูล 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ตรงกับเกณฑ์การประเมินบุคลากรในข้อ 3.1 โครงการบริการวิชาการแบบมีรายได้ และ 3.2 โครงการบริการวิชาการเพื่อสนับสนุนงานประกันคุณภาพ ทางศูนย์บริการทางวิชาการซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงตามพันธกิจ จะเป็นผู้กรอกข้อมูลเข้าระบบตามกระบวนการในแต่ละปีการศึกษา เนื่องจากจำเป็นต้องตรวจสอบในส่วนของความถูกต้องของข้อมูลเป็นพิเศษ ส่วนที่ตรงกับเกณฑ์การประเมินบุคลากร 3.3 ได้รับเชิญเป็นวิทยากร อาจารย์พิเศษ กรรมการ อนุกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และ 3.4 ได้รับเชิญเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาผลงานวิชาการ บุคลากรจะเป็นผู้กรอกเอง เนื่องจากทางศูนย์บริการทางวิชาการจะไม่ทราบข้อมูลดังกล่าว และได้อำนวยความสะดวกในการจัดทำระบบให้กับบุคลากร ซึ่งข้อมูลในส่วนดังกล่าว ทางบุคลากรจะสามารถ Print จากระบบเป็นไฟล์หรือเป็นกระดาษ ตามแนวทางของหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอีกครั้ง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน           เนื่องจากในปี 2564 เป็นการเริ่มใช้ครั้งแรกและในการประเมินบุคลากรยังเปิดโอกาสให้บุคลากรสามารถดำเนินการเองได้โดยไม่ผ่านระบบทั้งหมด ทำให้มีผู้ใช้งานเข้ามาใช้งานเพียงบางส่วน แต่เมื่อมีการกำหนดชัดเจนแล้วในปี 2565 จึงไม่เกิดปัญหาดังกล่าว           อุปสรรคอีกประการหนึ่ง คือระบบฐานข้อมูลบุคลากรยังไม่มีข้อมูลที่แม่นยำเกี่ยวกับสังกัดคณะ/หลักสูตร ทำให้ในช่วงพัฒนาไม่ได้พัฒนาในส่วนของการยืนยันผลการดำเนินงานในข้อ 3.3 และ 3.4 ได้ 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ ผลการดำเนินการ มีข้อมูลที่บันทึกเข้าสู่ระบบ ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 จำนวนข้อมูลที่ได้รับการบันทึกเข้าสู่ระบบ จากตารางที่ 1 จะพบว่าในปีการศึกษา 2565 มีการใช้งานระบบและมีการบันทึกข้อมูลในด้านต่างๆ เพิ่มขึ้นสูงกว่าปีการศึกษา 2565 ทุกด้าน ผู้วิจัยในทำการประเมินผลการใช้งานระบบบริหารจัดการข้อมูลงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยรังสิตหลังจากหมดปีการศึกษา 2565 ซึ่งผู้วิจัยจะนำเสนอผลการประเมินในแต่ละข้อและในภาพรวม โดยรายงานคะแนนเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) จากผู้ประเมิน จำนวน 30 คน โดยผลการประเมินแสดง ดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 ผลการประเมินความพึงพอใจในการใช้งานระบบบริหารจัดการข้อมูลงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยรังสิต  จากตารางที่ 2 ผลการประเมินผลการใช้งานระบบบริหารจัดการข้อมูลงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยรังสิต อยู่ในระดับมากที่สุด  ( =4.66, S.D.=0.60) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ผู้ประเมินมีความรู้สึกดีหรือมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน โดยเฉพาะด้านความสะดวกในการเริ่มใช้งานระบบเพราะไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม และด้านความสะดวกในการเข้าสู่ระบบ ด้วยบัญชีผู้ใช้ของมหาวิทยาลัย ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านความเหมาะสมเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) ในการใช้งานระบบ มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดเท่ากับ 4.50 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.68 ดังนั้น บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบคือ ระบบสารสนเทศ ระบบฐานข้อมูล จากส่วนกลาง มีความสำคัญ แต่หากไม่มีนโยบายหรือกฎเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยสนับสนุน ก็จะไม่ทำให้เกิดการใช้งานเท่าที่ควร และหากงานดังกล่าวไม่ใช้ภารกิจหลักด้วยแล้ว โอกาสที่บุคลากรจะใช้ระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นยิ่งเป็นเรื่องที่ยากขึ้น แต่สำหรับกรณีที่นำเสนอ ทางมหาวิทยาลัยได้มีการปรับเกณฑ์การประเมินบุคลากร ซึ่งระบบสารสนเทศนี้ได้พัฒนาให้สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมิน ช่วยสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน และในอีกมุมหนึ่ง หน่วยงานกลางหรือศูนย์บริการทางวิชาการจะได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน ทำให้สามารถนำไปวางแผนปรับปรุงหรือส่งเสริมงานบริการวิชาการต่อไปได้  ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           นโยบายของมหาวิทยาลัยต้องชัดเจน และบังคับใช้อย่างเข้มงวด ส่งเสริมให้หน่วยงานหรือบุคลากรที่ยังไม่ใช้ระบบ เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อประโยชน์ทั้งส่วนตนและประโยชน์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรตระหนักถึงภารกิจด้านบริการวิชาการมากขึ้นด้วย           ในส่วนของระบบสารสนเทศ ในข้อ 3.3 และ 3.4 หากมีการพัฒนาเพิ่มเติมให้ทางคณะ/หน่วยงาน สามารถเข้ามายืนยันสิ่งที่บุคลากรบันทึกเข้าระบบได้ จะทำให้ข้อมูลที่อยู่ในระบบมีความถูกต้องและนำไปใช้อ้างอิงต่อได้           ดังนั้นการพัฒนาระบบฐานข้อมูลระดับมหาวิทยาลัย ควรมีแนวปฏิบัติ ดังนี้ กำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้ชัดเจน ให้เห็นเป้าหมายก่อนว่าต้องการจัดเก็บไปเพื่ออะไร หากเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นหรือมีความสำคัญกับมหาวิทยาลัยด้วยยิ่งดี ข้อมูลที่จัดเก็บหากนำมาเชื่อมโยงกับการประเมินประจำปีได้ จะช่วยสร้างระบบกลไกในเชิงนโยบาย เพื่อให้เกิดการดำเนินการบันทึกข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้เกิดประโยชน์ทั้งผู้บันทึกและส่วนของมหาวิทยาลัยที่จะนำข้อมูลไปใช้ สร้างระบบที่ช่วยให้ผู้บันทึกข้อมูลสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในงานอื่นๆ ของตนเองได้ จะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกได้ถึงความสำคัญของการดำเนินการมากกว่าการดำเนินการตามระบบกลไก

แนวทางการพัฒนาระบบฐานข้อมูลระดับมหาวิทยาลัย (กรณีศึกษาข้อมูลบริการวิชาการ) Read More »

การทำวารสารเพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานทางวิชาการบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.3.1 การทำวารสารเพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานวิชาการบรรณารักษศาสตร์และ สารสนเทศศาสตร์ ผู้จัดทำโครงการ​ คุณรัตนาภรณ์ กาศโอสถ สำนักหอสมุด หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​          วารสารรังสิตสารสนเทศเป็นวารสารทางวิชาการทางด้านบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์  ที่ผลิตโดยสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยรังสิต ด้วยดำริของอดีตผู้อำนวยสำนักหอสมุด ดร.อุทัย ทุตยะโพธิ ในแนวคิดที่อยากเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับบรรณารักษ์ ด้วยการจัด Journal Club ขึ้น โดยให้บรรณารักษ์ ได้มีการอ่านบทความ อ่านหนังสือที่น่าสนใจ และนำความรู้ที่ได้มาสรุปและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน  เมื่อดำเนินการมาได้ระยะหนึ่ง เพื่อให้เกิดมีการนำองค์ความรู้ต่างๆ ออกสู่สาธารณะ จึงได้มีการจัดทำวารสาร เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ โดยให้บรรณารักษ์เริ่มฝึกการเขียนบทความ การแนะนำหนังสือที่น่าสนใจ รวมทั้งเปิดโอกาสให้อาจารย์ หรือบรรณารักษ์จากสถาบันอื่นๆ มีโอกาสเผยแพร่ความรู้ที่เป็นประโยชน์ด้วย ซึ่งวารสารมีชื่อว่า “วารสารรังสิตสารสนเทศ” ฉบับปฐมฤกษ์ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดีอนมกราคม-มิถุนายน 2539                                  การจัดทำวารสารในระยะแรก มีการหมุนเวียนบรรณารักษ์หัวหน้าแผนกเป็นบรรณาธิการ และกองบรรณาธิการจะมีบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่ โดยจะร่วมกันทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับผู้ที่สนใจเขียนบทความ ลงในวารสารทั้งภายในและภายนอก ด้วยข้อมูลความรู้ต่างๆ ทางด้านสาขาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์นั้น ไม่ค่อยมีแหล่งที่จะให้เกิดการเผยแพร่บทความงานวิจัย บทความวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับอาจารย์ / บรรณารักษ์ / นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาทางสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องการหาแหล่งตีพิมพ์  เพื่อต้องการปรับคุณวุฒิ หรือต้องการเผยแพร่ผลงาน ให้ความสนใจอยู่พอสมควร                                                 ต่อมาการจัดทำวารสารรังสิตสารสนเทศ มีการดำเนินงานที่เป็นรูปแบบทางวิชาการมากขึ้น กำหนดรูปแบบการเขียนบทความที่ชัดเจน กำหนดเนื้อหา รูปแบบการลงรายการบรรณานุกรม มีที่ปรึกษาประจำวารสารประกอบด้วย อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา  กองบรรณาธิการประจำวารสารได้เชิญนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกจากสถาบัน การศึกษาต่างๆ มาเป็นกองบรรณาธิการประจำวารสาร เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นต้น มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทางสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกมาเป็นผู้อ่านและประเมินบทความก่อนได้รับการตีพิมพ์ ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยราชภัฏ บ้านสมเด็จเจ้าพระยา ฯลฯ แต่ละบทความจะมีผู้ทรงคุณวุฒิอ่านบทความ 3 ท่าน ซึ่งบทความจากภายในจะต้องสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมหาวิทยาลัย บทความจากภายนอกสามารถสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิได้ทั้งภายในและภายนอก แต่ไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันเดียว/หน่วยงานกันกับผู้เขียน               มีการกำหนดวัตถุประสงค์ไว้อย่างชัดเจน  เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ผลงานวิจัย องค์ความรู้ทางวิชาการด้านบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ ระบบสารสนเทศและการจัดการ การจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม ศิลปศาสตร์และมนุษยศาสตร์  และศึกษาศาสตร์ โดยเปิดรับบทความจากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย  ประเภทบทความวิจัย (Research article) บทความวิชาการ (Academic article) บทความปริทัศน์ (Review article) และบทความแนะนำหนังสือ (Book Review) บทความที่เสนอลงตีพิมพ์สามารถเขียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ บทความที่เสนอลงตีพิมพ์ต้องไม่เคยเผยแพร่ในวารสารอื่นใดมาก่อน ผู้เขียน จะต้องเคร่งครัดในจรรยาบรรณไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่น และเป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนบทความเท่านั้น สำหรับกำหนดระยะเวลาการเผยแพร่วารสารรังสิตสารสนเทศ คือจะเพิมพ์เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม-มิถุนายน ฉบับที่ 2 ประจำเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม                                                      ต่อมาในปี พ.ศ. 2559  สำนักหอสมุดได้นำเสนอ “วารสารรังสิตสารสนเทศ” ให้ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai-Journal Citation Index Centra : TCI) พิจารณารับรองคุณภาพวารสารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทยได้ประกาศผลการจัดกลุ่มและพิจารณานำวารสารเข้าสู่ฐานข้อมูล TCI  เมื่อวันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2559  วารสารรังสิตสารสนเทศมีชื่อปรากฏในฐานข้อมูลการอ้างอิงวารสารไทย กลุ่ม 2 ของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) ถึงปัจจุบัน             และสืบเนื่องด้วยกระบวนการในการรับ-ส่ง บทความจากผู้เขียน  การส่งบทความให้กับผู้ทรงคุณวุฒิ และการแก้ไขต่างๆ  มีขั้นตอนที่ไม่สะดวกเท่าที่ควรและเกิดความล่าช้าจากกระบวนการทางสำนักหอสมุดจึงได้มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการจัดทำวารสารรังสิตสารสนเทศให้มีการลดขั้นตอนให้สะดวกยิ่งขึ้นทั้ง ผู้ส่ง ผู้รับ และผู้ทรงคุณวุฒิขึ้น ระบบการจัดการและตีพิมพ์วารสารในรูปแบบวารสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Journal) ทำให้มีบริการวารสารรังสิตสารสนเทศแบบออนไลน์บนเว็บไซต์วารสารรังสิตสารสนเทศที่ https://rilj.rsu.ac.th เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ ผู้เขียน ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ใช้บริการสามารถสืบค้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการจัดทำวารสารรังสิตสารสนเทศเป็นปี่ที่ 29 ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคา-ธันวาคม 2566 รวมเป็นระยะเวลา 28 ปี มีจำนวนวารสารรังสิตสารสนเทศตีพิมพ์เผยแพร่มากถึง 56 ฉบับ                                                                    ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง  (Explicit Knowledge) :  อื่นๆ ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์วารสารรังสิตสารสนเทศ สำนักหอสมุด (https://rilj.rsu.ac.th)  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้ เมื่อผู้เขียนส่งบทความเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลวารสารรังสิตสารสนเทศ คณะผู้จัดทำวารสารจะทำการตรวจสอบ เมื่อบทความผ่านการพิจารณาจากคณะผู้จัดทำวารสารแล้ว จะดำเนินการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิในการอ่านและประเมินบทความ พร้อมแจ้งชำระค่าเผยแพร่บทความ                            ทำหนังสือเชิญเพื่อทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิในการอ่านและประเมินบทความ                     เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิตอบรับ คณะผู้จัดทำวารสารจะดำเนินการจัดทำหนังสือเพื่อส่งบทความให้ผู้ทรงคุณวุฒิอ่าน โดยมีเอกสารประกอบการจัดส่งดังนี้    4.1 หนังสือขอความอนุเคราะห์เป็นผู้ทรงคุณวุฒิอานและประเมินบทความ                                        4.2 บทความต้นฉบับ      4.3 แบบประเมิน                                                                                                      เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิอ่านและประเมินบทความเรียบร้อยและส่งกลับ คณะผู้จัดทำวารสารจะดำเนินการแจ้งให้ผู้เขียนบทความ เพื่อปรับแก้บทความตามที่ผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณาและให้ข้อเสนอแนะไว้                           หลังจากผู้เขียนบทความมีการปรับแก้ตามข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว คณะผู้จัดทำวารสารจะทำการตรวจสอบรายละเอียดให้ตรงตามแบบฟอร์มของวารสาร             ขอ DOI ประจำบทความไปที่สำนักงานวิจัยแห่งชาติ ที่ https://doi.nrct.go.th    ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วนำเผยแพร่ทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์วารสารรังสิตสารสนเทศ สำนักหอสมุดที่ https://rilj.rsu.ac.th                     ทำการบันทึกข้อมูลบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารรังสิตสารสนเทศลงในระบบ Fast-track Indexing ของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย ( Thai-Journal Citation Index Centre: TCI )                            2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน           การจัดทำวารสารรังสิตสารสนเทศ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 สำนักหอสมุดได้เผยแพร่วารสารมากกว่า 58 ฉบับ ปัจจุบันมีการเผยแพร่วารสารผ่านเว็บไซต์ที่ https://rilj.rsu.ac.th โดยผู้เขียนสามารถส่งบทความและดำเนินการผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว          ภาพที่ 1 หน้าจอเว็บไซต์วารสารรังสิตสารสนเทศ ภาพที่ 2 หน้าจอสำหรับผู้เขียนเข้าสู่ระบบ ภาพที่ 3 หน้าจอเข้าสู่ระบบการส่งบทความต้นฉบับ ภาพที่ 4 หน้าจอแสดงบทความต้นฉบับที่ส่งเข้าระบบ (สำหรับคณะผู้จัดทำวารสาร) ภาพที่ 5 หน้าจอสำหรับผู้ทรงคุณวุฒิเข้าสู่ระบบ ภาพที่ 6 หน้าจอสำหรับคณะผู้จัดทำจัดการระบบ 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่             การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาวารสารรังสิตสารสนเทศของสำนักหอสมุด เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเผยแพร่องค์ความรู้ผ่านทางวารสารรังสิตสารสนเทศ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการทำงาน ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลสูงยิ่งขึ้น  บุคลากรสำนักหอสมุด เกิดการพัฒนาในด้านการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ในการบริหารจัดการวารสาร และได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์จากการพัฒนาคุณภาพวารสาร เช่น วิธีการประสานงานและรับบทความจากผู้เขียน การประเมินบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิ การปรับแต่งเว็บไซต์วารสาร เป็นต้น                                 งานจัดทำวารสารรังสิตสารสนเทศ มีแนวปฏิบัติที่มีมาตรฐาน ส่งผลให้ผลงานที่ออกมามีคุณภาพ เช่น หน้าเว็บไซต์วารสารและระบบการส่งบทความออนไลน์มีมาตรฐานตามที่ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI)    มีการบันทึกข้อมูลบทความวารสารเข้าสู่ระบบฐานข้อมูล TCI แบบ Fast Track (Fast-track Indexing System)เพื่อความรวดเร็ว ถูกต้อง และสมบูรณ์ของข้อมูลสำหรับการสืบค้นข้อมูล                                                       สำนักหอสมุดเป็นแหล่งรวบรวมและให้บริการเผยแพร่วารสารรังสิตสารสนเทศ ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของสำนักหอสมุดในการรวบรวมและเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ            ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           เนื่องด้วยระบบฐานข้อมูลวารสารรังสิตสารสนเทศ เป็นฐานข้อมูลที่แสดงผลการสืบค้นเฉพาะวารสารรังสิตสารสนเทศเพียงวารสารเดียวไม่สามารถเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของวารสารอื่นๆ ของมหาวิทยาลัย  เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้สืบค้นข้อมูลได้ครบถ้วน สะดวก รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ควรเข้าร่วมและใช้ระบบฐานข้อมูล RSU Journals 3.0 เป็นแหล่งรวมการเผยแพร่บทความในวารสารต่างๆ ของมหาวิทยาลัยรังสิต                 วารสารรังสิตสารสนทศของสำนักหอสมุด ได้จัดทำมาเป็นเวลา 28 ปี มีการพัฒนาเข้าสู่ฐานข้อมูล TCI กลุ่ม 2  ด้วยความมุ่งมั่นของคณะผู้ดำเนินงานที่จะร่วมกันผลักดันให้วารสารรังสิตสารสนเทศก้าวสู่กลุ่ม 1 ของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (Thai-Journal Citation Index Centre : TCI) ในเวลาต่อไป  

การทำวารสารเพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานทางวิชาการบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ Read More »

การพัฒนาระบบสวัสดิการบุคลากร (RSU Welfare Online)

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.2.1 การพัฒนาระบบสวัสดิการบุคลากร (RSU Welfare Online) ผู้จัดทำโครงการ​ คุณเพ็ญนภา กุลกานต์สวัสดิ์ สำนักงานบุคคล หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ สวัสดิการ เป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการของสำนักงานบุคคล และเป็นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ให้กับบุคลากร ดังที่สำนักงานบุคคลได้เสนอแผนยุทธศาสตร์ของการเป็น Smart Organization โดยมี Key Point คือ การทำให้บุคลากรอยู่ในองค์กรอย่างมีความสุขนั้น ซึ่งประเด็นแรกที่สำนักงานบุคคลได้ดำเนินงานคือการพัฒนาระบบสวัสดิการเข้าสู่ระบบออนไลน์                การใช้สวัสดิการการรักษาพยาบาลนั้นจะมีอยู่ 2 แบบคือ                1.การใช้ใบส่งตัว (ใช้กับสถานพยาบาลในเครือและโรงพยาบาลคู่สัญญา โดยไม่ต้องชำระค่ารักษาพยาบาล)                2.การสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล                สำนักงานบุคคลได้เล็งเห็นว่าการใช้ใบส่งตัวในรูปแบบที่ 1 สามารถนำขั้นตอนการดำเนินการแบบที่เป็นอยู่พัฒนาเข้าสู่ระบบออนไลน์ได้ ซึ่งการนำขั้นตอนการดำเนินงานจากระบบกระดาษเข้าสู่ระบบออนไลน์นั้น จะช่วยแก้ปัญหาสะสมที่เกิดขึ้นมาตลอดคือ การเสียเวลาของบุคลากรในการมาติดต่อขอรับใบส่งตัวที่สำนักงานบุคคล วันหยุดยาวที่ไม่สามารถมารับใบส่งตัวได้ ยอดค่ารักษาพยาบาลคงเหลือที่ไม่อัพเดท ความล่าช้าของข้อมูล ความไม่สะดวกในการติดต่อสอบถามยอดค่ารักษาต่างๆ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงานของสำนักงานบุคคล เพื่อให้สามารถนำเวลามาพัฒนาต่อยอดงานอื่นๆ  ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ ความเข้าใจในระบบภาพรวมของการใช้สวัสดิการการรักษาพยาบาลของบุคลากร ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะในการทำงานเป็นทีม/การทำงานข้ามหน่วยงาน/ทักษะในการติดต่อประสานงาน การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : อื่น ๆ แผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต (ยุทธศาสตร์ที่ 3 – Smart Organization) ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด   สำนักงานบุคคล เจ้าหน้าที่/ผู้ใช้ระบบจากสถานพยาบาลต่างๆ  ผศ.ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี นายขุนคำ ปองรักษา วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้ Knowledge Vision –KV “การพัฒนาระบบสวัสดิการออนไลน์เพื่องดใช้ใบส่งตัว” Knowledge Sharing -KS แผนการดำเนินงานม.ค.2565 – พ.ค.2565– ประชุมหารือการออกแบบระบบร่วมกันกับผู้เขียนระบบและสถานพยาบาลภายในมหาวิทยาลัยรังสิต ระบบจะถูกออกแบบเป็น 3 ส่วนของผู้ใช้งานได้แก่                    – ระบบส่วนของสำนักงานบุคคล                                                   – ระบบส่วนของสถานพยาบาล                   – ระบบส่วนของบุคลากร มิ.ย. 2565– เริ่มให้สถานพยาบาลภายในทดลองใช้ระบบ โดยมีการจัดอบรมเพื่ออธิบายการใช้ระบบให้ผู้ใช้งานของสถานพยาบาล พร้อมทั้งมีคู่มือการใช้งานให้กับสถานพยาบาล ทั้งนี้มีการสร้างกลุ่ม Line สถานพยาบาลเพื่อแจ้งปัญหาในการใช้ระบบ โดยมีการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างสม่ำเสมอ ส.ค.2566– เริ่มให้โรงพยาบาลคู่สัญญา (โรงพยาบาลภายนอก) ทดลองใช้ระบบ โดยยังเป็นการทดลองใช้ระบบแบบคู่ขนานกับการใช้ใบส่งตัว ซึ่งหากโรงพยาบาลพบปัญหาสามารถแจ้งผ่านตัวแทนที่ดูแลระบบได้โดยตรง เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีและไม่เกิดความสับสนและล่าช้าในการติดต่อ พ.ย.2566 – จากการพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลเปาโล รังสิต เป็นโรงพยาบาลภายนอกแรกที่ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวในการเข้ารับการรักษา ปัจจุบัน– บุคลากรสามารถเข้ารับการรักษาทั้งจากสถานพยาบาลภายในเครือมหาวิทยาลัยรังสิตได้โดยไม่ต้องใบส่งตัว รวมถึงโรงพยาบาลเปาโลสามารถเข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว สำหรับโรงพยาบาลปทุมเวช โรงพยาบาลแพทย์รังสิต โรงพยาบาลวิภาวดี ยังเป็นระบบคู่ขนาน แต่หากบุคลากรไม่ได้นำใบส่งตัวไป ทางโรงพยาบาลสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากระบบ ซึ่งสำนักงานบุคคลจะประกาศแจ้งให้บุคลากรทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง  Knowledge Assets –KA จากการพัฒนาระบบเรื่อยมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปีมานั้น ระบบได้ถูกพัฒนาจนสามารถเก็บฐานข้อมูลของบุคลากรได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญในการนำไปใช้และต่อยอดการพัฒนาระบบอื่นๆต่อไปได้  2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน                 ปัจจุบันสำนักงานบุคคลใช้ระบบสวัสดิการออนไลน์ตั้งแต่ มิถุนายน 2565 โดยเริ่มจากทดลองให้สถานพยาบาลภายในเครือมหาวิทยาลัยเป็นกลุ่มแรกที่ใช้ระบบ และเริ่มทดลองให้โรงพยาบาลคู่สัญญา (โรงพยาบาลภายนอก) ใช้ระบบเมื่อ พฤศจิกายน 2566                อุปสรรคหรือปัญหา ในช่วงแรกมีค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานและวัฒนธรรมขององค์กรไม่ใช่ระบบสำเร็จรูป จึงต้องค่อยๆแก้ปัญหาที่พบเพื่อให้ระบบออกมาดีที่สุด โดยเฉพาะการคำนวณยอดรวมของเงินค่ารักษาพยาบาลให้ถูกต้อง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือความง่ายต่อผู้ใช้งานระบบ ระบบต้องใช้งานง่าย ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องหมั่นตรวจสอบ ติดตาม จากทั้งสถานพยาบาลภายในและภายนอก จากเจ้าหน้าที่บุคคลที่ใช้ระบบ ว่าพบเจอปัญหาหรือต้องการปรับปรุงแก้ไขตรงส่วนใดหรือไม่ พร้อมกับแก้ไขปัญหาและพัฒนาเรื่อยมาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีในการใช้งานระบบ       3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           การตรวจสอบผลการดำเนินการพบว่า หลังจากนำระบบสวัสดิการออนไลน์มาใช้ มีดังนี้    ประการแรก ข้อมูลที่สำนักงานบุคคลบันทึกไว้ มีความถูกต้อง สอดคล้องกับการทำงานได้มากกว่าและตรวจสอบได้มากกว่าระบบเก่าซึ่งเป็นระบบสำเร็จรูป    ประการที่สอง สถานพยาบาลสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ผ่านระบบ ทั้งข้อมูลชื่อ-สกุลของผู้เข้ารับการรักษา ข้อมูลของผู้ที่มีสิทธิใช้สวัสดิการ ข้อมูลงบสวัสดิการที่ใช้ได้ สามารถเรียกดูรายงานเพื่อสรุปยอดในแต่ละเดือน หรือดูบันทึกการเข้ารับการรักษาได้ นอกจากนี้งบสวัสดิการคงเหลือยังเรียลไทม์เพื่อที่จะแก้ปัญหาการใช้สวัสดิการเกินตามสิทธิ์ได้    ประการที่สาม ลดขั้นตอนการปฏิบัติตนและปฏิบัติงานของบุคลากรทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ คือการงดใช้ใบส่งตัว ทำให้บุคลากรเข้ารับการรักษาพยาบาลได้สะดวกและรวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นในการในการขอใบส่งตัวและการออกรายงานของสถานพยาบาล    ประการที่สี่ บุคลากรสามารถตรวจสอบข้อมูลสวัสดิการของตนเอง ข้อมูลผู้ใช้สิทธิ์ร่วม รายการรับการรักษาทั้งผ่านระบบสวัสดิการและผ่านทาง Line Official Account ซึ่งช่องทางนี้จะประกาศให้บุคลากรในเดือนเมษายน 2567 นี้           การพัฒนาระบบสวัสดิการนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานบุคคลที่ดูแลระบบเรื่องการใช้สวัสดิการบุคลากร ซึ่งจะทราบขั้นตอนการดำเนินงานเป็นอย่างดี สถานพยาบาลที่ได้แบ่งปันข้อมูลในการดำเนินงานของตนเอง และผู้เขียนระบบ การทำงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย จึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้ระบบได้รับการพัฒนาออกมาอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการทำงานให้มากที่สุด           บทสรุปของการพัฒนาระบบสวัสดิการออนไลน์นั้น                   – มีฐานข้อมูลตั้งต้นสำหรับนำไปพัฒนาต่อ                   – ลดขั้นตอนที่ไม่มีความจำเป็น ลดการใช้ทรัพยากรที่ฟุ่มเฟือย                   – สร้างความร่วมมือข้ามหน่วยงาน การทำงานข้ามหน่วยงานเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้การทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อกัน            บทสรุปสุดท้ายของการพัฒนาระบบสวัสดิการออนไลน์ ระบบนี้จะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะช่วยให้บุคลากรมีความสะดวกและเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมความเป็น Smart Organization ตามยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice            เริ่มต้นของการเสนอแผนยุทธศาสตร์ในเรื่อง Smart Organization ประจำปี 2566-2567 ของสำนักงานบุคคลนั้น ได้เสนอเรื่องการยกระดับการให้บริการ RSU HR Connect แผนแรกคือระบบสวัสดิการออนไลน์ (Welfare) โดยสำนักงานบุคคลได้วางแผนไว้ว่าระบบนี้จะเป็นระบบตั้งต้นเพื่อพัฒนาต่อยอดได้ การที่สำนักงานบุคคลเลือกระบบสวัสดิการเป็นประการแรกเพราะเล็งเห็นว่า เรื่องสวัสดิการมีความสำคัญต่อบุคลากร โดยเฉพาะสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลมีความสำคัญกับบุคลากรค่อนข้างมาก ซึ่งที่ผ่านมาการใช้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและเสียเวลาเกินความจำเป็น จึงตัดสินใจพัฒนาระบบนี้เป็นระบบตั้งต้น ระบบนี้จะมีข้อมูลของบุคลากรที่จำเป็นอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ดีในการที่หน่วยงานอื่นสามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อได้ เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อหน่วยงานอื่นต้องใช้ข้อมูลบุคลากร จะต้องขอจากสำนักงานบุคคลเท่านั้น และเป็นที่ทราบกันดีว่าข้อมูลบุคลากรมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น ระบบนี้จึงมีข้อมูลพื้นฐานที่จะเป็นข้อมูลกลางให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในอนาคต

การพัฒนาระบบสวัสดิการบุคลากร (RSU Welfare Online) Read More »

การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการเงินภายในของศูนย์บริการวิชาการด้วย Google Sheet

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.2.1, KR 3.4.1, KR 3.4.3, KR 3.4.4 การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการเงินภายในของศูนย์บริการทางวิชาการ ด้วย Google Sheet ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ดร.ธรรณพ อารีพรรค, คุณนงเยาว์ พุ่มประเสริฐ, คุณสุภาวิตา ตรุยานนท์ และ ผศ.ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี ศูนย์บริการทางวิชาการ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​             ศูนย์บริการทางวิชาการเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการให้บริการวิชาการแก่ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยมีการดำเนินงานที่หลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1. งานบริการทางวิชาการและหน่วยบริการทางวิชาการ 2. งานประกันคุณภาพด้านการบริการวิชาการ 3. งานอบรมหลักสูตรระยะสั้น และ 4.งานอบรมภายในสำหรับบุคลากร (Cyber U) ทั้งนี้ในการดำเนินงานของแต่ละส่วนงานดังกล่าว จะมีประเด็นด้านการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการรับและเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการต่างๆ ดังนั้นศูนย์บริการทางวิชาการ จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่รับหน้าที่ในการดำเนินการด้านการเงินภายในศูนย์ฯ ให้เก็บเอกสารหลักฐานการรับและจ่าย พร้อมทั้งออกเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการเก็บไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งนำเงินส่งทางมหาวิทยาลัยตามประเภทงานต่างๆ และส่งสรุปข้อมูลให้คณะใช้เป็นข้อมูลประกอบงานประกันคุณภาพและรายงานตามตัวชี้วัดของมหาวิทยาลัยในแต่ละปีการศึกษา โดยการดำเนินนั้นจะจัดเก็บและบันทึกข้อมูลในรูปแบบของกระดาษเป็นส่วนใหญ่ โดยมีแผนภาพการดำเนินการเบื้องต้นดังรูปต่อไปนี้           จากรูปข้างต้นจะพบว่าเจ้าหน้าที่การเงินจะมีการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ในรูปแบบกระดาษ แล้วจึงส่งต่อข้อมูลในรูปกระดาษเพื่อให้เจ้าที่สรุปข้อมูลบันทึกข้อมูลลงในโปรแกรม excel เพื่อดำเนินการสรุปข้อมูลต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินการ โดยสรุปได้ในเบื้องต้นดังนี้1. ตัวเลขจากเจ้าหน้าที่การเงินไม่สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่สรุปข้อมูล2. ไม่สามารถติดตามข้อมูลต่างๆของเจ้าหน้าที่การเงินได้แบบออนไลน์และเรียลไทม์3. การดำเนินการต่างๆมีความล่าช้าเนื่องจากเอกสารค่อนข้างเยอะ4. ไม่สามารถสรุปข้อมูลได้แบบออนไลน์และเรียลไทม์ ซึ่งหากสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ จะทำให้การดำเนินงานด้านการเงินและการติดตามข้อมูลต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการจึงเสนอให้มีการใช้ Google Sheet เข้ามาใช้ในการจัดการงานด้านการเงินในการบันทึกข้อมูลการรับเงิน การเบิกจ่าย พร้อมทั้งใช้ในการออกใบสำคัญรับเงิน ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ ใบสำคัญจ่าย ใบอนุมัติเช็ค และใบอนุมัติถอนเงิน อีกทั้งสามารถใช้ในการสรุปข้อมูลต่างๆ โดยสามารถเรียกดูข้อมูลทั้งหมดได้พร้อมๆกันหลายๆในรูปแบบออนไลน์แบบเรียลไทม์อีกด้วย ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้                               จากการวิเคราะห์รูปแบบของงานด้านการเงินที่มีอยู่ในศูนย์บริการวิชาการนั้น ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการได้มีการใช้ Google Sheet เข้ามาใช้ในการจัดการงานด้านการเงิน โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สำคัญดังต่อไปนี้ ความรู้ด้านการบันทึกบัญชีและการเงิน: การนำ Google Sheet มาใช้ในการบันทึกข้อมูลการรับเงิน การเบิกจ่าย และการจัดทำเอกสารทางการเงินต่างๆ เช่น ใบสำคัญรับเงิน ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ ใบสำคัญจ่าย ใบอนุมัติเช็ค และใบอนุมัติถอนเงิน ทำให้การบันทึกและจัดการข้อมูลทางบัญชีและการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้อง ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ: การใช้ Google Sheet ซึ่งเป็นเครื่องมือออนไลน์ที่ทำงานแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การเข้าถึงและแชร์ข้อมูลทำได้สะดวกรวดเร็ว ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเรียกดูและแก้ไขข้อมูลพร้อมกันได้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการติดตามข้อมูล ความรู้ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล: Google Sheet มีฟังก์ชันและเครื่องมือที่หลากหลายในการประมวลผลและสรุปข้อมูล ทำให้สามารถนำข้อมูลที่บันทึกไว้มาวิเคราะห์และจัดทำรายงานสรุปในรูปแบบต่างๆได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและวางแผนงานของผู้บริหารได้ดียิ่งขึ้น ความรู้ด้านการทำงานเป็นทีม: การใช้ Google Sheet ยังช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม เนื่องจากสมาชิกในทีมสามารถเข้าถึง แก้ไข และปรับปรุงข้อมูลได้พร้อมกันแบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดการสื่อสารและประสานงานที่ดี ลดความผิดพลาดและความล่าช้าในการทำงาน           ด้วยความรู้และประสบการณ์เหล่านี้ ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการจึงเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการนำ Google Sheet มาประยุกต์ใช้ในการจัดการงานด้านการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้อง ความโปร่งใส และการทำงานเป็นทีมให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในการทำงานแบบเดิมและยกระดับการดำเนินงานของศูนย์บริการทางวิชาการโดยรว ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : Google Sheet ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด  บุคลากรในศูนย์บริการทางวิชาการ วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้           ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการจัดประชุมบุคลากรภายในหน่วยงานเพื่อสอบถามถึงการทำงาน ปัญหา อุปสรรค รวมทั้งกำหนดพัฒนางาน และแนวทางในการพัฒนาบุคลากรรายบุคคล โดยมีแผนสำหรับการปรับปรุงการทำงานด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชา ดังนี้ ส่งบุคลากรที่เกี่ยวข้องเข้าอบรมการใช้งานโปรแกรม Excel มอบหมายให้รองผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาระบบให้รองรับการทำงานด้านการเงินของศูนย์ทางวิชาการโดยใช้ Google Sheet เนื่องจากมีหลักการทำงานเหมือน Excel แต่ Google Sheet สามารถเข้าใช้งานได้พร้อมกันหลายๆคนในรูปแบบออนไลน์ และสามารถเรียนดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย ทดลองนำมาใช้ในการปฏิบัติงานจริง 2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน                ผลการดำเนินการแผนสำหรับการปรับปรุงการทำงานด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชา ดังนี้ บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมการอบรมเรื่อง พื้นฐานการจัดการข้อมูลด้วย EXCEL รุ่นที่ 1 จัดโดย สำนักงานพัฒนาบุคคล มหาวิทยาลัยรังสิต บรรยายโดย ผศ.ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี รองผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาได้พัฒนาระบบการทำงานด้านการเงินของศูนย์ทางวิชาการบน Google Sheet เพื่อนำมาใช้ในการบันทึกข้อมูลการรับเงิน การเบิกจ่าย และการจัดทำเอกสารทางการเงินต่างๆ เช่น ใบสำคัญรับเงิน ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ ใบสำคัญจ่าย ใบอนุมัติเช็ค และใบอนุมัติถอนเงิน ทำให้การบันทึกและจัดการข้อมูลทางบัญชีและการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้อง โดยมีออกแบบ Sheet ต่างๆ และมีการผูกสูตรคำนวณเพื่อให้ข้อมูลในแต่ล่ะ Sheet เชื่อมโยงกัน เพื่อแสดงผลลัพธ์ตามที่กำหนดไว้ โดยออกแบบไว้ทั้งหมด 10 Sheet โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้                    2.1)  โครงการ: สำหรับใช้ในการบันทึกข้อมูลโครงการทั้งหมด ตัวอย่างเช่น รหัสโครงการ ชื่อโครงการ หน่วยงานที่ว่าจ้าง มูลค่างาน หัวหน้าโครงการ คณะวิทยาลัย ประเภท เปอร์เซ็นต์ งวดงานทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการกำหนดประเภทของโครงการต่างๆไว้อย่างชัดเจน ดังรูปต่อไปนี้                    2.2) รับ: ใช้ในการบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินเข้าในบัญชี โดยจะมีการเชื่อมโยงรหัสโครงการทำให้สามารถทราบได้ทันทีว่ายอดเงินที่รับเข้ามาจะถูกหักเข้ามหาวิทยาลัยเป็นจำนวนเงินเท่าไ ตัวอย่างดังรูปต่อไปนี้                    2.3) ใบเสร็จรับ: ใช้สำหรับพิมพ์ใบสำคัญรับเงิน โดยผู้ใช้สามารถกรอกเลขรับจากข้อ2 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับพิมพ์ใบสำคัญรับเงิน ดังนี้                    2.4) จ่าย: ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลการเบิกจ่ายในโครงการต่างๆ ดังนี้                    2.5) เบิก: ใช้สำหรับพิมพ์ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ โดยผู้ใช้สามารถกรอกรหัสจ่ายจากข้อ4 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับพิมพ์ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ ดังนี้                    2.6) ใบสำคัญจ่าย: ใช้สำหรับพิมพ์ใบสำคัญจ่าย โดยผู้ใช้สามารถกรอกรหัสจ่ายจากข้อ4 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับพิมพ์ใบสำคัญจ่าย ดังนี้                    2.7) อนุมัติจ่ายเช็ค: ใช้สำหรับพิมพ์ใบขออนุมัติโอนเงินสำหรับออกเช็ค โดยผู้ใช้สามารถกรอกรหัสจ่ายจากข้อ4 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับใบขออนุมัติโอนเงินสำหรับออกเช็ค ดังนี้                    2.8) อนุมัติถอนเงิน: ใช้สำหรับพิมพ์ใบขออนุมัติโอนเงิน โดยผู้ใช้สามารถกรอกรหัสจ่ายจากข้อ4 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับใบขออนุมัติโอนเงิน                    2.9) แยกประเภทรายได้: ใช้สำหรับดูสรุปรายได้แยกตามประเภทงานต่างๆ ดังนี้                    2.10) แยกคณะ: ใช้สำหรับดูสรุปรวมรายรับ-รายจ่ายแยกตามคณะ           3. ทดลองนำระบบการดำเนินการด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชาการบน Google Sheet มาใช้ในการปฏิบัติงานจริง 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่                จากการใช้งานระบบการดำเนินการด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชาการบน Google Sheet เป็นระยะเวลาหนึ่ง ทางศูนย์ฯ ได้ทำการตรวจสอบผลการดำเนินการและพบว่า ระบบใหม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในระบบเดิมได้เป็นอย่างดี การบันทึกข้อมูลการรับ-จ่ายเงินมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันมากขึ้น การออกเอกสารทางการเงินต่างๆ ทำได้รวดเร็วและมีความผิดพลาดน้อยลง และการสรุปรายงานทางการเงินสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถติดตามผลการดำเนินการในโครงการต่างๆได้แบบเรียลไทม์                บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบใหม่ได้ให้ข้อมูลว่า Google Sheet ใช้งานง่าย ทำให้การทำงานด้านการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานร่วมกันผ่านระบบออนไลน์ช่วยให้การสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการเปลี่ยนผ่านไปใช้ระบบใหม่ บุคลากรบางส่วนยังต้องการเวลาในการปรับตัวและเรียนรู้การใช้งาน ซึ่งได้นำความรู้จากการเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาตนเองด้วยทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนางาน และมีผลเชิงประจักษ์ที่แสดงถึงความสามารถในการทำงานได้ดีขึ้น บรรลุเป้าหมายแผนพัฒนาบุคลากร เป็นรายบุคคล เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด                บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ จากการนำ Google Sheet มาใช้ในการจัดการงานด้านการเงิน ทำให้ได้ข้อสรุปความรู้ที่สำคัญ ดังนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ เช่น แอปพลิเคชันบนคลาวด์อย่าง Google Sheet สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการอย่างรอบด้านเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์การทำงาน การให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นแก่บุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิผล การทำงานแบบออนไลน์และเรียลไทม์ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม การสื่อสาร และการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานยุคใหม่   ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice            ในส่วนของระบบการดำเนินการด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชาการบน Google Sheet ในอนาคตจะมีการปรับปรุงทั้งส่วนการกรอกข้อมูลให้ง่ายขึ้น และปรับปรุงในส่วนการแสดงผลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นทางการมากยิ่งขึ้น            สุดท้ายนี้ศูนย์บริการทางวิชาการเชื่อในเรื่องของการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนการทำงานและการตัดสินใจ โดยให้ความสำคัญกับการจัดเก็บ วิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานมีความชัดเจน โปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน เพื่อสงเสริมการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการเงินภายในของศูนย์บริการวิชาการด้วย Google Sheet Read More »

Scroll to Top