ปีการศึกษา 2564

บริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ

การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชุน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย ยุทธศาสตร์ที่ 1 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ดร.สุมามาลย์ ปานคำ วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           จาก KM Rangsit University ปี พ.ศ. 2562 หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม (Social Media Technology: SMT) ได้ส่งการจัดการความรู้ ประเด็นการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ เรื่อง เทคนิคการบริหารหลักสูตรสู่ความเป็นเลิศด้วย SMT Model ซึ่ง S : Scanning ค้นหาจุดเด่นของหลักสูตรฯ, M : Marketing ทำการตลาดออนไลน์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก และ T : Teaching-Learning Process วางแผนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพนั้น  โดยหลักสูตรฯ กำหนดวิสัยทัศน์ คือ สร้างนักเทคโนโลยีสื่อสังคมที่มีคุณภาพเน้นความรู้ ลงมือปฏิบัติจริงและผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี           ในปีการศึกษา 2561 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 20 คน ได้ตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI1 จำนวน 5 บทความ TCI2 จำนวน 11 บทความ การประชุมวิชาการระดับนานาชาติ จำนวน 2 บทความ และการประชุมวิชาการระดับชาติ จำนวน 2 บทความ นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 2 คน ได้แก่ นายกีรติ แย้มโอษฐ รหัสนักศึกษา 6102332  และนางสาวสุดาทิพย์ สันทนาประสิทธิ์ รหัสนักศึกษา 6102314           ในปีการศึกษา 2562 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 29 คนและตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI 1 จำนวน 7 บทความ TCI 2  จำนวน 19 บทความ และการประชุมวิชาการระดับชาติ จำนวน 3 บทความ นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 1 คน ได้แก่ ร้อยโทศุภสัณห์ เกิดสวัสดิ์ รหัสนักศึกษา 6202892          ในปีการศึกษา 2563 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 32 คนและตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI1 จำนวน 15 บทความ TCI2 จำนวน 22 บทความ  นอกจากนี้ นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 5 คน ได้แก่  นางสาวนงนภัส ชัยรักษา รหัสนักศึกษา 6302966, นายกิตติธัช ช้างทอง รหัสนักศึกษา 6304047, นายกฤษฎา ฟักสังข์ รหัสนักศึกษา 6304277, นางสาวกัญญ์กานต์ กุญโคจร รหัสนักศึกษา 6303580 และนางสาวกัญญานีน์ กุลกนก รหัสนักศึกษา 6303041           จากการบริหารหลักสูตรฯ ที่มีประสิทธิภาพ เน้นความรู้ ลงมือปฏิบัติจริง และวางแผนการเรียนการสอนที่ดีทำให้ผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี และมีผลงานตีพิมพ์ที่สูงกว่าเกณฑ์การสำเร็จการศึกษาปกติ ในส่วนของการจัดการความรู้ครั้งนี้ ผู้ให้ความรู้ขอถอดความรู้เกี่ยวกับการบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อหลักสูตรอื่นฯ และมหาวิทยาลัยต่อไป ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)🗹 ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University      (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase) ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)🗹 เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.สุมามาลย์ ปานคำ วิธีการดำเนินการ การบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ สามารถเขียนเป็นแผนภาพเพื่อให้เห็นขั้นตอนกระบวนการที่ชัดเจน รวมถึงระบุช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับแต่ละกระบวนการตั้งแต่วันที่รับนักศึกษาเข้ามาศึกษาจนจบการศึกษา ดังภาพที่ 1 การบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ สามารถเขียนเป็นแผนภาพเพื่อให้เห็นขั้นตอนกระบวนการที่ชัดเจน รวมถึงระบุช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับแต่ละกระบวนการตั้งแต่วันที่รับนักศึกษาเข้ามาศึกษาจนจบการศึกษา ดังภาพที่ 1 จากภาพที่ 1 แสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนการสอนของหลักสูตร เน้นให้มีวิชาการวิจัย 2 วิชาในแต่ละเทอม เพื่อใช้สําหรับถ่ายทอดความรู้และติดตามการทําวิจัยควบคู่ไปกับการเรียนการสอนหรือเรียกว่า เรียนรู้ไปพร้อมกับการปฏิบัติจริง 2.Prototype testing in an operational environment – DO  หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม (Social Media Technology: SMT) ได้ปฏิบัติตามกระบวนการตามแผนที่วางไว้ ดังภาพที่ 1 รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินการ  ดังนี้ คลังข้อมูลวิจัย: ผู้สอนสร้างคลังความรู้เกี่ยวกับงานวิจัยของศิษย์เก่า หรือ มหาวิทยาลัยอื่นๆ ใน Google Drive ตามความต้องการของผู้เรียน เช่น บทความวิจัย, เล่มวิจัย, PPT ของศิษย์เก่าในการสอบปกป้องวิทยานิพนธ์/การศึกษาค้นคว้าอิสระ เป็นต้น  ไลน์กลุ่มวิจัย: นักศึกษาส่งชื่อเรื่องวิจัยในไลน์กลุ่มเพื่อตรวจสอบไม่ให้หัวข้อวิจัยของนักศึกษาซ้ำกันในรุ่น และซ้ำกับรุ่นพี่ที่ทำวิจัยเสร็จสิ้นไปแล้ว สร้างแรงจูงใจและเป้าหมายร่วมกัน: ผู้สอนวางแผนร่วมกันกับนักศึกษาทุกคน โดยสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาว่าตั้งใจเรียนจบ 1 ปีหรือไม่ ซึ่งนักศึกษาทุกคนจะตอบว่า “จะเรียนให้จบ 1 ปี” เป็นการสร้างแรงจูงใจและคำสัญญาระหว่างผู้สอนกับนักศึกษา แผนปฏิบัติการวิจัย: ผู้สอนอธิบายกระบวนการทำวิจัยและส่งแผนการทำวิจัยที่จะทำให้นักศึกษาสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี ให้นักศึกษาทุกคนทราบ และ ดำเนินการวิจัยตามขั้นตอนในภาพที่ 1 จนถึงนักศึกษาสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ / การศึกษาค้นคว้าอิสระ  5. การจัดสรรเวลาให้คำปรึกษา: สิ่งสำคัญในการดำเนินการ คือ ผู้สอนต้องจัดสรรเวลาให้คำปรึกษาออฟไลน์หรือออนไลน์กับนักศึกษานอกเหนือจากเวลาเรียนเสาร์-อาทิตย์ เช่น วันจันทร์ เวลา 9.00 – 16.00 น. หรือวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK           จากปัญหาและอุปสรรคที่พบ หลักสูตรพยายามแก้ปัญหานักศึกษาที่ไม่ทำตามแผนปฏิบัติการวิจัยโดย ผู้สอนจัดทำตารางตรวจสอบผลการดำเนินงานวิจัยของนักศึกษาทุกคน เพื่อติดตามความก้าวหน้าของงานวิจัยในแต่ละเดือน จะพบว่ามีนักศึกษาบางคนทำวิจัยไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด ดังนั้น ผู้สอนจะดำเนินการแก้ไขในทันที โดยให้เพื่อนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม (เด็กเก่ง) ที่ทำวิจัยสำเร็จในขั้นตอนนั้นๆ แล้ว ไปช่วยให้คำแนะนำ สอนวิธีการ เพื่อให้งานวิจัยเสร็จสิ้นตามเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ได้ผู้สอนจะไปช่วยเหลือนักศึกษาด้วยตนเองว่าติดปัญหาอะไรและดำเนินการช่วยเหลือ นอกจากนี้ ผู้สอนยังสร้างแรงจูงใจให้หัวหน้ากลุ่มและเพื่อนๆในกลุ่มที่จะรับปริญญาพร้อมกันทุกคนในเดือนธันวาคมของทุกปี หากนักศึกษารู้สึกท้อให้นักศึกษาคิดถึงรูปเพื่อนๆ ในรุ่นใส่ชุดครุยวิทยฐานะ 2 แถบ ถ่ายรูปพร้อมกันทุกคน ให้นักศึกษาทุกคนมองความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นความสำเร็จร่วมกันไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ทุก ๆ คนพยายามที่จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดี และพยายามที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อให้ทุกคนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้           สิ่งสำคัญในการดำเนินการ คือ ต้องแก้ไขในทันทีไม่ให้นักศึกษาหลุดลอยจากแผนที่วางไว้ เนื่องจากเมื่อหลุดลอยไปแล้วจะทำให้ตามเพื่อนๆ ไม่ทันส่งผลให้เกิดความท้อไม่อยากทำวิจัยและทิ้งวิจัยไปในที่สุด           บทสรุปความรู้ คือ ผู้สอนวางแผนและติดตามผลการดำเนินการวิจัยของนักศึกษาทุกคนในทุกขั้นตอนเป็นระยะ นอกจากนี้ยังสร้างแรงจูงใจให้นักศึกษาทุกคนช่วยเหลือเพื่อนเพื่อจะได้รับปริญญาพร้อมกันทุกคน ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ต้องมีการวางแผนที่ดี รู้ว่าปัจจัยของความสำเร็จอยู่ที่ใด ซึ่งในการศึกษาระดับปริญญาโท คือการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงาน ดังนั้นหลักสูตรจึงให้ความสำคัญกับกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตั้งแต่การกำหนดวิชาวิจัยให้มี 2 วิชา และจัดในแต่ละเทอม การกำหนดหัวข้อวิจัยในขอบเขตที่ไม่กว้างจนเกินไป เพื่อที่จะให้นักศึกษาทุกคนรวมถึงผู้สอน สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ซึ่งการวางแผนดังกล่าว ทำให้การทำวิจัย ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่มเติมหรือต้องทำหลังจากเรียนทุกวิชาครบ แต่สามารถทำได้ในขณะที่เรียน จุดนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้นักศึกษาสามารถเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยได้ สร้างผู้นำทีมของนักศึกษาในการทำวิจัย เนื่องจากนักศึกษาจะไม่กล้าขอคำแนะนำจากผู้สอนเพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิเมื่อวิจัยล่าช้า 3. สร้างทีมผู้สอน โดยดึงสมรรถนะของผู้รับผิดชอบหลักสูตรมาใช้ให้ตรงตามความสามารถของแต่ละบุคคล เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมชาย เล็กเจริญ ช่วยแนะนำวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติให้นักศึกษาส่งบทความวิจัยเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ต่อไป และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุมามาลย์ ปานคำ ช่วยแนะนำวิธีการเขียนบทความวิจัยตามแบบฟอร์มของแต่ละวารสารวิชาการต่างๆ เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ต่อไป

บริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ Read More »

การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival”

การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival” ยุทธศาสตร์ที่ 2 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ อ.สุรัตน์ ทองหรี่ วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ด้วยเครือข่ายนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ (Communication Consortium) 18 สถาบัน ตระหนักถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันสร้างกลไกเพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์และการเผยแพร่ผลงานของอาจารย์ในระดับนานาชาติ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาตามตัวบ่งชี้ สกอ. และได้เล็งเห็นว่าผลงานสร้างสรรค์ประเภทภาพถ่าย เป็นงานที่อยู่ในหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิตทุกสถาบัน จึงมีโครงการจัดกิจกรรมการเผยแพร่ผลงานภาพถ่ายนานาชาติของอาจารย์ในเครือข่ายนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ โดยกำหนดจัดโครงการประมาณเดือนเมษายนของทุกปี ทั้งนี้ผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจัดแสดงต้องผ่านการประเมินจากนักวิชาการ นักวิชาชีพ และศิลปินแห่งชาติ โดยมีผู้ส่งผลงานจากประเทศนอกอาเซียนอย่างน้อย 5 ประเทศ โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการพัฒนาอาจารย์และการประกันคุณภาพการศึกษาอีกด้วย           ในปี พ.ศ. 2565 เครือข่ายนิเทศศาสตร์ ได้จัดนิทรรศการภาพถ่ายนานาชาติในหัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival’ โดยได้เชิญชวนผู้สนใจส่งภาพถ่ายเข้าประกวดเพื่อคัดเลือกผลงานนำไปจัดแสดง ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในการนี้ผู้เล่าเรื่องได้ส่งผลงานภาพถ่ายเข้าร่วมประกวดและได้รับคัดเลือกภาพถ่ายที่ทำขึ้นภายใต้ชื่อ ‘Give Alms to a Buddhist Monk : ตักบาตรเช้า’ ให้แสดงในนิทรรศการในครั้งนี้           นิทรรศการภาพถ่าย ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ เป็นพื้นที่ของการสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ สะท้อนผ่านมุมมองที่หลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจัยแวดล้อมในปัจจุบัน การแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับตัวตนของมนุษย์ต่อคำถาม เราคือใคร เป็นอยู่อย่างไร การดำเนินชีวิตอย่างไรที่สร้างความหวังเพื่อความอยู่รอดท่ามกลางความรวนเรแปรปรวนของระบบคุณค่าทั้งเชิงชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม ปรัชญา ศาสนา สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 เราค้นพบวิถีปรับตัวสู่ชีวิตในวิถีใหม่อย่างสร้างสรรค์ในลักษณะใดบ้าง อะไรคือความหวังและความอยู่รอด เครือข่ายนิเทศศาสตร์เล็งเห็นว่า ภาพถ่ายในช่วงรอดต่อของภัยคุกคามสู่สภาวะความเป็นปกติใหม่นี้ จะเป็นสื่อเตือนใจให้ผู้คนตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท ดำรงชีวิตอย่างมีความหวังเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป            ภาพถ่ายเป็นสื่อประเภทหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ในการถ่ายนทอดเรื่องราว ความคิด ในการสื่อสารความหมาย เรื่องราว เหตุการณ์ สถานที่ ช่วงเวลา รวมถึงความหมายที่ผู้รับสารเกิดการรับรู้ด้วยการสัมผัสทางสายตา การสื่อสารด้วยภาพจึงเป็นวิธีการแสดงออกทางความคิดที่ง่ายตรงไปตรงมา ภาพถ่ายยังเป็นสื่อที่ช่วยสร้างความสนใจ การจดจำและการตีความหมายเนื้อหาและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นนามธรรมออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมและภาพถ่ายยังเป็นการสื่อสารความคิดของมนุษย์ผ่านภาษาภาพไปยังผู้ที่ต้องการสื่อสารด้วย           ภาพถ่ายเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิต เปรียบเสมือนสาร (Message) ที่ผู้ส่งสาร (Sender) ส่งไปยังผู้รับสาร (Receiver) ผ่านช่องทาง (Channel) ต่าง ๆ ภาพถ่ายเป็นสื่อที่สำคัญในการบันทึกความรู้สึก เหตุการณ์ ความทรงจำ รวมถึงค่านิยมเพื่อก่อให้เกิดสิ่งใหม่ผ่านการนำเสนอมุมมองทางความคิด ประสบการณ์ จินตนาการ ในการสะท้อนการรับรู้ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่อวิถีชีวิตของทุกสรรพสิ่ง            จากที่มาของแนวคิดข้างต้น จึงเกิดแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดมุมมองที่จะสะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ ผ่านมุมมองหลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมทั้งเชิงชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม ปรัชญา ศาสนา สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ผู้คนค้นพบวิถีปรับตัวสู่ชีวิตในวิถีใหม่อย่างสร้างสรรค์ในลักษณะใดบ้าง อะไรคือความหวังและความอยู่รอด ส่งผ่านความคิดมุมมองต่อการดำเนินชีวิตความหวังเพื่อความอยู่รอดของคนรุ่นต่อ ๆ ไป ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ ผู้เล่าเรื่อง ได้ศึกษาทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นองค์ความรู้ในการกำหนดแนวทางในการสร้างสรรค์ อันประกอบด้วย แนวคิดศิลปะแห่งการภาพถ่าย แนวคิดการสื่อความหมายด้วยภาพ และแนวคิดการถ่ายภาพแนว Life Photography จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้เล่าเรื่องกำหนดแนวคิดการสร้างสรรค์ภาพถ่าย ได้แก่ แนวคิดการสร้างสรรค์ กระบวนการสร้างสรรค์ และขั้นตอนการสร้างสรรค์ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ แนวคิดการสร้างสรรค์ ประกอบด้วย 1.1 แนวคิดหลัก (Main Idea) คือ ‘ภาพสะท้อนความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ผ่านมุมมองหลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ 1.2 การพัฒนาแนวคิดหลัก ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดหลักมาเป็นหัวใจหลักของ           การสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography โดยเน้นการนำเสนอเรื่องราวของสรรพสิ่งที่มีชีวิตกระทำต่อกันที่สะท้อนความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีการจัดฉากเหตุการณ์ โดยสร้างสรรค์ผ่านความรู้ ประสบการณ์และแรงบันดาลใจของผู้เล่าเรื่อง กระบวนการสร้างสรรค์ ผู้เล่านำแนวคิด ‘ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ เป็นประเด็นสำคัญในการสื่อสารสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยมีเนื้อหาที่ต้องการสื่อความหมายให้รับรู้ถึงความงดงามที่ก่อตัวขึ้นเป็นธรรมชาตินั่นเกิดจากสรรพสิ่งที่มีชีวิตที่ให้และแบ่งปันซึ่งกันและกันเพื่อความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ เป็นเพียงสื่อที่นำพาไปสู่ความรู้สึกทางจิตใจทั้งของผู้ให้และผู้รับ และผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดการจัดวางองค์ประกอบทางศิลปะ โดยหลอมรวมเนื้อหาให้เป็นหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงสัมพันธ์กันเพื่อนำไปสู่จุดเด่นในภาพที่เกิดจากการเชื่อมโยงความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ3. ขั้นตอนการสร้างสรรค์ ผู้เล่าเริ่มจากการสำรวจสถานที่ โดยการนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้และเตรียมพร้อมบันทึกภาพเหตุการณ์นั้น ๆ โดยที่ภาพเหตุการณ์จะต้องปราศจากการจัดฉากหรือการปรุงแต่งใด ๆ เพียงแต่การเฝ้ารอจังหวะให้เหตุการณ์นั้นดำเนินเรื่องราวของมันไป โดยกำหนดและค้นหาฉากหลังที่ตรงกับการสื่อความหมายที่วางไว้ จากนั้นเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ ประกอบด้วย กล้อง เลนส์ ขาตั้งกล้อง เมมโมรีการ์ด ปรับตั้งค่าโหมด รูรับแสง สปีดชัตเตอร์ รวมถึงความยาวโฟกัสให้มีความพร้อม จากนั้นเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จินตนาการไว้ ผู้เล่าเรื่องอดทนรอจน Subject ที่ต้องการปรากฏตามตำแหน่งขององค์ประกอบภาพที่จินตนาการไว้ รวมถึงอากัปกิริยาของ Subject ที่ต้องการ แล้วลงมือกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ☑ ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University      (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase)       เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.สำราญ แสงเดือนฉาย วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)☑ เจ้าของความรู้/สังกัด อาจารย์คมศร สนองคุณ วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิธีการดำเนินการ ผู้เล่าเรื่องกำหนดขั้นตอนการดำเนินการภาพถ่ายไว้ โดยมีขั้นตอนคือ การบ่งชี้ความรู้ เครือข่ายนิเทศศาสตร์ จัดประกวดภาพถ่ายนานาชาติ ในหัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ โดยผู้เล่าสนใจส่งภาพถ่ายเข้าประกวด โดยผู้เล่าได้สนใจสร้างสรรค์ภาพถ่ายในประเด็นที่ทุกชีวิตล้วนมีความหวังเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้อย่างไรบ้าง  การสร้างและแสวงหาความรู้ เมื่อกำหนดประเด็นการสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ ผู้เล่าดำเนินการแสวงหาประเด็นที่จะใช้ในการถ่ายภาพโดยให้เกี่ยวข้องกับ “สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด” โดยเน้นไปที่วิถีชีวิตของมนุษย์ที่ปรับตัวให้อยู่กับบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงแสวงหาเทคนิคการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography เพื่อที่ทำให้สามารถถ่ายทอดเรื่องได้ตรงกับโจทย์มากที่สุด การจัดการความรู้ให้เป็นระบบ ผู้เล่าเรื่องมีขั้นตอนการจัดการความรู้โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ – Background : กลุ่มเครือข่ายนิเทศศาสตร์จัดประกวดภาพถ่ายนานาชาติ หัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ เพื่อสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Objective Communication : เพื่อสร้างการตระหนักรู้ต่อวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Target Audience : บุคคลที่มีต้องการความหวังเพื่อความอยู่รอด – What to Say Concept : ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Mood and Tone : ความหวัง ความอยู่รอด วิถีชีวิต และธรรมชาติ การประมวลและกลั่นกรองความรู้ ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิด ‘ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ เป็นประเด็นสำคัญในการสื่อสารสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยมีสาระสำคัญด้าน 1) เนื้อหา (Content) ผู้เล่าเรื่องกำหนดเนื้อหาที่ต้องการสื่อความหมายให้รับรู้ถึงความงดงามที่ก่อตัวขึ้นเป็นธรรมชาตินั่นเกิดจากสรรพสิ่งที่มีชีวิตที่ให้และแบ่งปันซึ่งกันและกันเพื่อความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ เป็นเพียงสื่อที่นำพาไปสู่ความรู้สึกทางจิตใจทั้งของผู้ให้และผู้รับ 2) รูปทรง (Form) ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดองค์ประกอบทางศิลปะมาหลอมรวมเพื่อประกอบสร้างความหมายตามประเด็นเนื้อหาที่กำหนดไว้ คือ การจัดวางองค์ประกอบทางศิลปะ (Composition Art) ในแบบเอกภาพ (Unity) โดยหลอมรวมเนื้อหาให้เป็นหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงสัมพันธ์กันของส่วนประกอบอื่น นำไปสู่จุดเด่นในภาพที่เกิดจากการเชื่อมโยงความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ  การเข้าถึงความรู้ สถานที่ ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นดินแดนอีสานใต้ ที่มีความงดงามทางด้านวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม ที่น่าสนใจ โดยมีจุดเด่น เป็นพื้นที่ที่มีแม่น้ำมูลไหลผ่าน ด้านล่างติดเทือกเขาพนมดงรักและชายแดนกัมพูชา ผู้คนมีหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันมานานนับพันปี จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมที่หลากหลาย ‘ตักบาตรข้าวเหนียว’ ก็เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ที่ทุกเช้าจะมีชาวบ้านจะมานั่งรอพระสงฆ์ที่เดินเรียงแถวกันมาเพื่อตักบาตรข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ ที่สืบทอดกันมายาวนานของวิถีชีวิตที่สงบ เรียบง่าย และงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทุกคนต้องเว้นระยะห่างในการตักบาตรเพื่อความปลอดภัยทั้งพระสงฆ์และชาวบ้าน การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ผู้เล่าได้เข้าไปศึกษาข้อมูลที่มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ในคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University เพื่อนำมาใช้เป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายในครั้งนี้ การเรียนรู้ ผู้เล่าได้เรียนรู้ดังนี้ 7.1 การสำรวจสถานที่ โดยการนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้และเตรียมพร้อมบันทึกภาพเหตุการณ์นั้น ๆ โดยที่ภาพเหตุการณ์จะต้องปราศจากการจัดฉากหรือการปรุงแต่งใด ๆ เพียงแต่การเฝ้ารอจังหวะให้เหตุการณ์นั้นดำเนินเรื่องราวของมันไป 7.2 การเลือกฉาก ผู้เล่าเรื่องค้นหาฉากหลังที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ต้องการสื่อความหมาย ระหว่างนั้นเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ ประกอบด้วย กล้อง Mirrorless Sony A5100  เลนส์ 18-55 mm และขาตั้งกล้อง โดยปรับตั้งค่าโหมด AV รูรับแสง F2.8 สปีดชัตเตอร์ 1/250 ISO 200 รวมถึงกำหนดความยาวโฟกัสให้เก็บภาพได้เต็มตัว ให้มีความพร้อม จากนั้นเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จินตนาการไว้ 7.3 การบันทึกภาพ ผู้เล่าเรื่อง เฝ้ารอเหตุการณ์จน Subject ที่ต้องการปรากฏตามตำแหน่งขององค์ประกอบภาพที่จินตนาการไว้ รวมถึงอากัปกิริยาของ Subject ที่ต้องการ แล้วลงมือกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ โดยบันทึกภาพหลาย ๆ ภาพเพื่อนำมาคัดเลือกภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้ง แสง สี ฉาก และอากัปกิริยาของ Subject 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน * 2.1 ผลงานการสร้างสรรค์ภาพถ่าย  ชื่อผลงาน : ‘Give Alms to a Buddhist Monk : ตักบาตรเช้า’ 2.2 อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน                    1) การเลือกสถานที่ สถานที่ถ่ายภาพเป็นสถานที่จริงที่มิได้มีการจัดฉากหรือองค์ประกอบใด ๆ ดังนั้นผู้ถ่ายทำต้องเลือกมุมและจัดองค์ประกอบภาพให้ภาพออกมาสมบูรณ์ในการสื่อความหมายมากที่สุด                    2) การเลือกฉาก ด้วยการเป็นชุมชนชนบท ฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าจะส่งให้ภาพมีความน่าสนใจมากกว่าที่จะเป็นบ้านเรือนหรือต้นไม้ในชุมชน                    3) การบันทึกภาพ ก่อนกดชัตเตอร์ผู้ถ่ายภาพต้องรอจังหวะเวลาที่ดีที่สุดเพราะเหตุการณ์นั้นจะเกิดเพียงเสี้ยววินาที หรืออาจต้องใช้การบันทึกภาพแบบต่อเนื่องเพื่อสามารถนำมาเลือกภาพที่ดีที่สุด 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           ผู้เล่าเรื่อง สรุปข้อค้นพบองค์ความรู้ใหม่ของการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life photography โดยสาระสำคัญ ดังนี้                    3.1 การถ่ายภาพแนว Life Photography เป็นการถ่ายภาพวิถีชีวิตที่สะท้อนมุมมองความคิด เรื่องราว สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เน้นเรื่องความเป็นจริงของสภาพที่เป็นไปในสังคม ไม่มีการจัดฉาก จะอยู่บนท้องถนน ในที่ใดก็ตาม มันก็คือภาพชีวิตจริง ไม่ได้จำกัดสถานที่และเวลา แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไป ต้องเว้นระยะห่าง ต้องใส่หน้ากาก จึงทำให้ผู้เล่าเรื่องต้องมีการจัดวางองค์ประกอบภาพให้เหมาะสมกว่าปกติเพื่อการถ่ายภาพให้สมบูรณ์ที่สุด                    3.2 ฉากหน้าฉากหลัง ผู้เล่าเรื่องได้ใช้การองค์ประกอบภาพฉากหลังด้วยกฎสามส่วน โดยแบ่งเป็นพื้นดินสองส่วนท้องฟ้าหนึ่งเพื่อให้ฉากหลังกับวัตถุอยู่ในโทนสีข้างเคียงดูแล้วกลืนกันมีมิติที่น่าสนใจในการสื่อความหมายของภาพ                    3.3 เทคนิคการใช้กล้องและอุปกรณ์ต่าง ๆ ผู้เล่าเลือกถ่ายภาพแนวตั้งเพื่อจะได้บันทึกภาพแบบเต็มตัว ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดได้ใกล้และชัดเจนกว่าการถ่ายภาพแนวนอน อีกทั้งลดพื้นที่ด้านข้างของภาพแนวนอน จึงทำให้สามารถเน้นสิ่งที่ถ่ายได้ชัดเจนขึ้น เต็มตามากขึ้น ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           ผู้เล่าเรื่อง สรุปข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคตของการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography เพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice โดยสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ด้านสถานที่ การนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้อาจยุ่งยากเพราะด้วยจังหวะเวลา และปรากฏการณ์นั้นอาจเกิดเพียงเสี้ยววินาที ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดี ในการสำรวจช่วงเวลาและสถานที่ก่อนบันทึกภาพเพื่อให้ได้ภาพที่ตรงกับการสื่อความหมายมากที่สุด การเลือกฉากหลัง ก่อนกดบันทึกภาพ สิ่งที่ผู้เล่าเรื่องต้องคำนึงถึงคือฉากหลังและองค์ประกอบภาพที่ผู้รับสารจะสัมผัสได้ผ่านภาพถ่ายนั้น ซึ่งบางครั้งการถ่ายภาพมีมุมจำกัดในการบันทึกภาพ ผู้ถ่ายภาพอาจต้องเตรียมอุปกรณ์ ทั้ง กล้อง เลนส์ ฯลฯ ให้ตรงกับภาพที่จะบันทึก การบันทึกภาพ ผู้เล่าเรื่องควรบันทึกภาพหลากหลายมุม หลากหลายองค์ประกอบ เพราะภาพที่เป็นธรรมชาติ อาจมีอากรับกิริยา อาการ อารมณ์ สีหน้า ท่าทาง ที่แตกต่างกันไปทุกเสี้ยววินาที การบันทึกภาพหลากหลายมุมและองค์ประกอบจะทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด

การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival” Read More »

การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน ยุทธศาสตร์ที่ 3 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ รศ.นันทชัย ทองแป้น วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ปัจจัยที่สาคัญที่ทาให้มหาวิทยาลัยรังสิตมีความเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วจนเติบโตเป็นมหาวิทยาลัยระดับต้นๆของประเทศและก็ติดอยู่ในระดับโลกถึงแม้อันดับจะไม่สูงมากนักก็คือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นามหาวิทยาลัยที่เป็นผู้กาหนดวิสัยทัศน์และเป็นที่รวมจิตวิญญาณของทุกอย่างของมหาวิทยาลัยรังสิต ทิศทางการการดาเนินงานที่ชัดเจน บุคลากร            ในส่วนของระดับคณะหรือวิทยาลัยก็เช่นเดียวกัน สาหรับในส่วนของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาอย่างต่อเนื่อง ในทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้นยุทศาสตร์ซึ่งถือว่าเป็น Road Map ที่สาคัญที่ทาให้สามารถเดินได้มาจุดในปัจจุบัน          อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นก่อนที่จะทาการกาหนดยุทธศาสตร์ จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยรังสิตอยู่ตรงไหน? ภารกิจหลักของคณะ/วิทยาลัยคืออะไร ? คาตอบในเชิงยุทธศาสตร์ก็คือ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไปสู่เป้าหมาย โดยใช้การจัดการเป็นฐาน สาหรับวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นมีเป้าหมายคือ มหาวิทยาลัยรังสิตติด Top1000/โลกและ Top 10/ประเทศไทย รวมทั้งต้องการให้มหาวิทยาลัยรังสิตสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพึ่งพาตนเองของประเทศไทยได้ ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้          การบริหารจัดการ คือกระบวนการในการวางแผน การจัดการองค์การ การสั ่งการ การควบคุมการใช้ทรัพยากรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางเอาไว้โดยที่คณะ/วิทยาลัยเป็นหน่วยงานที ่มีหน้าที ่โดยตรงในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไปสู่เป้าหมายโดยใช้การจัดการเป็นฐาน ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริหารและบุคลากรในทุกระดับจะต้องรู้และเข้าใจตรงกันก็คือ ความจริงของปัจจุบันและอนาคตและสิ่งที่ต้องพิจารณาในการนำพาคณะ/วิทยาลัยว่า ภูมิทัศน์ของโลกในศัตวรรษที่ 21 ในทุกมิตินั้นจะเป็นมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เป็นแบบเชิงเส้นอีกต่อไป ส่งผลทำให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะในทุกด้านไม่เหมือนเดิม รวมทั้งทักษะในการดำรงชีวิตก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผู้บริหารจำเป็นต้องรู้ถึงสภาพความจริงดังกล่าว รวมทั้งต้องศึกษาและวิเคราะห์ถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และทิศทางของมหาวิทยาลัยให้ชัดเจนและลึกซึ้งว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่ส าคัญจะต้องศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมหาวิทยาลัย คณะ/วิทยาลัยรวมไปถึงอัตราการเติบโตในมิติต่างๆ ขององค์ประกอบที่สำคัญในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับประเทศถึงสภาพอย่างลึกซึ้ง เพื่อนำไปใช้การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน          วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ได้รับการยกระดับจากสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ เป็นคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 และในวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 มหาวิทยาลัยรังสิต ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ยกระดับจากคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ โดยท่านอธิการบดีให้นโยบายและทิศทางการด าเนินงานในด้านต่างๆของวิทยาลัยว่าให้คณะ/วิทยาลัยในแนวใหม่ที่สร้างนวัตกรรม ไม่ต้องยึดติดกับกรอบงานเอกสารแบบเดิม ไม่ว่านักศึกษาที่เข้ามาเป็นอย่างไร แต่จบออกไปให้มีคุณภาพ สอนให้นักศึกษามีจิตวิญญาณผู้ประกอบการ สอนให้นักศึกษามีความคิดสร้างสรรค์ และมีนวัตกรรม เน้นให้ทั้งบุคลากรและบัณฑิตที่จบออกไปเป็นคนที่มีสมรรถนะสูงทั้งในด้านวิชาการ วิชางานและวิชาคนทางวิทยาลัยได้นำเอาดำริทางด้านนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานของวิทยาลัยจากท่านอธิการบดีมาจัดทำเป็นโมเดลของรูปแบบของการบริหารจัดการแบบครบวงจรได้ดังรูป            พิจารณาจากรูปสามารถอธิบายโดยสรุปได้ดังนี้ วงจรของการบริหารจัดการวิทยาลัยหรือแม้แต่ มหาวิทยาลัยนั้น ถ้ามองแบบครบวงจรจะสามารถเขียนเป็นรูปแบบได้ดังรูปข้างบน โดยที่ปัจจัยสิ่งที่สำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเอกชนให้เกิดขึ้นนั้น ต้องมาจากงบประมาณ ซึ่งก็คือรายได้ซึ่งมาจาก 2 แนวทางคือจากผู้เรียนหรือนักศึกษา และจากรายได้จากแหล่งอื่นได้แก่ ทุนวิจัย การแต่งตำราหรือเอกสารทาง วิชาการ การนำผลงานวิจัยดำเนินการในเชิงพาณิชย์ หรือบริการวิชาการในรูปแบบต่างๆ จากรายได้ดังกล่าวก็จะนำไปใช้ในการจัดสรรในด้านต่างๆ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งบุคลากรที่เก่งๆ และมีสมรรถนะสูง ทำให้ สามารถสร้างเครือข่ายในเชิงวิชาการ วิชางาน ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นปัจจัยที่จะดึงดูด นักศึกษาเข้ามาได้มากทั้งจำนวนและคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพงานในทุกมิติรรวมทั้งได้บัณฑิตที่มีคุณภาพที่ดี สิ่งที่ตามมาคือ ชื่อเสียงของวิทยาลัยก็จะถูกเผยแพร่ออกไปทั้งในระดับในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผล ย้อนกลับทำให้ค่านิยมในการเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัย/มหาวิทยาลัยมีจำนวนมากขึ้น ถ้าสามารถทำให้การพัฒนา ของวงจรดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ก็จะส่งผลต่อการพัฒนาของของวิทยาลัย/ มหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างยั่งยืน ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)เจ้าของความรู้/สังกัด วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ วิธีการดำเนินการ           ทางวิทยาลัยได้นำนโยบายและทิศทางการพัฒนาดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการกาหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ในการนำพาวิทยาลัยโดยเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ SWOT ในทุกมิติทั้งด้านคุณภาพและปริมาณทั้งในส่วนของงานสอน งานวิจัย งานบริการวิชาการและงานทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมรวมทั้งศึกษาอัตราการเติมโตในด้านต่างๆ ดังกล่าวทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาคและระดับประเทศ โดยในระดับประเทศได้นำเอาหลักเกณฑ์ในระดับประเทศมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา โดยมุ่งที่จะพัฒนาให้อัตราการเจริญเติบโตในแต่ละปีให้มากกว่าเกณฑ์ดังกล่าวไม่ต่ากว่า 10-15เปอร์เซ็นต์          โดยทางวิทยาลัยได้ คิดคาขวัญประจาวิทยาลัยคือการเติบโตแบบก้าวกระโดด “Quantum Leap to the Innovation & Entrepreneurship Faculty” ด้วยปรัชญา (Philosophy) “นวัตกรรม จิตวิญญาณผู้ประกอบการ และ ความเป็นสากล ชนะทุกสิ่ง และนามาซึ่งความสาเร็จ” โดยมีปณิธาน (AIM)ว่า “มุ่งผลิตวิศวกรชีวการแพทย์สากลที่มีจิตวิญญาณผู้ประกอบการเพื่อเติมเต็มระบบการดูแลรักษาสุขภาพให้กับสังคม”ด้วยวิสัยทัศน์ (Vision) ในการนาวิทยาลัยก้าวสู่ “วิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและจิตวิญญาณผู้ประกอบการทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ เพื่อสังคมของอาเซียน”ที่มีอัตลักษณ์ในการ “ประพฤติอย่างมีคุณธรรม คิดอย่างมีนวัตกรรม ทำด้วยจิตวิญญาณผู้ประกอบการ”สาหรับทิศทางการบริหารจัดการวิทยาลัยนั้น ได้จัดโครงสร้างการบริหารจัดการ การวัดและประเมินผลการปฏิบัติงานที่เน้นผลลัพธ์ของการปฏิบัติงานเป็นสาคัญ ได้ใช้กลยุทธ์ในการเปลี่ยนจากคณะวิชาให้เป็นวิทยาลัยแห่งผลลัพธ์ พยายามสลายรอยต่อของรายวิชาเพื่อให้เกิดการบูรณาการแบบครบวงจร มุ่งปรับกระบวนทัศน์ใหม่ให้กับคณาจารย์ที่ต้องเปลี่ยนจากผู้สอนเป็นผู้ออกแบบกระบวนและอานวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่มุ่งไปที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ไม่ใช่รายวิชาอีกต่อไป การดาเนินงานนั้นมุ่งเน้นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด มุ่งสู่การเป็นวิทยาลัยนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ          สำหรับหลักการที่สาคัญที่นามาใช้คือ ใช้กลยุทธ์การ Synergy ของทุกองคาพยพของวิทยาลัย โดยการปฏิบัติภารกิจใดๆต้องส่งผลทาให้มีผลต่อภารกิจหลักอื่นๆอย่างครบวงจร เช่นการทำวิจัย ต้องสามารถนำไปผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไปใช้ในการเรียนการสอน การบริการวิชาการ การทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม การพัฒนานักศึกษา การพัฒนาตาแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ การประชาสัมพันธ์เพื่อนาชื่อเสียงมาสู่วิทยาลัย รวมทั้งการนาไปใช้ในการดาเนินการพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน          จากการบริหารจัดการวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ในระยะเวลา 5 ปี ตามรูปแบบและแนวทางที่กล่าวมาพบว่าผลลัพธ์จากการบริหารจัดการที่เกิดขึ้นเป็นไปในทิศทางที่ดี เห็นได้จากการได้คะแนนการทางด้านประกันคุณภาพโดยภาพรวมเป็นอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยรังสิตตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีทุนวิจัยและผลงานการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงงานวิจัยเป็นอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยรังสิต นักศึกษาสอบผ่านภาษาอังกฤษเกณฑ์มาตรฐาน CEFR มากกว่าร้อยละ 80 ผลงานในด้านต่างๆติดอันดับ 1-3 ของมหาวิทยาลัย บัณฑิตที่จบออกไปสามารถได้งานทาได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วด้วยเงินเดือนและรายได้ที่สูงที่สามารถยกระดับสถานะและคุณภาพชีวิตให้กับตนเองและครอบครัวได้ดีมากขึ้น สถิติการเป็นผู้ประกอบการของศิษย์เก่าที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ชื่อเสียงและเครดิตของวิทยาลัยได้รับการยอมรับต่อวงการวิศวกรรมชีวการแพทย์ในระดับประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้จานวนนักศึกษาแรกเข้าเกินเป้าหมายในทุกปี รวมทั้งอัตราการคงอยู่ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และ 2 อยู่ในระดับที่สูงมากขึ้นในทุกปี          สำหรับพัฒนาการของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2545 เป็นต้นมาได้มีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโดยสรุปจานวน แผนยุทธศาสตร์โยสรุปดังนี้แผนที่ 1 คือ ยุทธศาสตร์ BME1.0 2545 -2554 เป็นยุทธศาสตร์ในระยะเริ่มต้นในเริ่มพัฒนาโดยเน้นการสะสมพลังและสร้างความพร้อมในทุกมิติทั้งในด้านวิชาการ ด้านบุคลากร ด้านการวิจัย และบริการวิชาการขณะนั้นเป็นหลักสูตรหนึ่งในคณะวิทยาศาสตร์แผนที่ 2 คือ ยุทธศาสตร์ BME2.0 2555-2559 ยุทธศาสตร์การเข้าสู่องค์กรแห่งการวิจัยจนกระทั่งวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2559 ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ยกระดับจากสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ ขึ้นเป็นคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ และ ในระยะเวลา 2 ปีถัดมาคือ ในวันที่16 กรกฎาคม 2561 มหาวิทยาลัยรังสิตได้มีคาสั่งประกาศยกระดับจากคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์เป็นวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์แผนที่ 3 คือ แผนยุทธศาสตร์ BME 3.0 2560-2564 ระยะการเข้าสู่วิทยาลัยแห่งนวัตกรรม และแผนที่ 4 คือ แผนยุทธศาสตร์ BME4.0 2564 -2569 เป็นต้นไป ระยะการการพัฒนาไปสู่วิทยาลัยแห่งผู้นวัตกรรมและประกอบการ อย่างเต็มรูปแบบ 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECKการตรวจสอบผลการดาเนินการ การนาเสนอประสบการณ์การนาไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ *          สรุปประเด็นสาคัญของแผนแนวคิดและยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อน วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ ได้ดังนี้คือ1. การบริหารจัดการจะเน้นการโดยใช้เป้าหมายเป็นฐาน (Target Based Management) 2. เน้นการพัฒนาบัณฑิตโดยเน้นการเปลี่ยนจาก Formative/Informative Learning เป็น Transformative Learning โดยเน้นในด้านของการเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง (Leadership, Change Agent Skill)3. ใช้ยุทธศาสตร์แบบเสริมพลัง (Synergistic Strategy) ในการบริหารจัดการภารกิจและคน4. เน้นการทาภารกิจทุกอย่างแบบมี Partnership5. มี Brain Bank ของคณะ/วิทยาลัย6. เน้นการผลักดันให้การพัฒนาวิชาชีพวิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่เป็นเสาหลักของการดูแลรักษาสุขภาพของประเทศไทย ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแนวทางหนึ่งของแนวปฏิบัติที่ดีในด้านของการบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทางของของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต และหวังว่าการเผยแพร่แนวทางการบริหารจัดการดังกล่าวนี้ จะมีประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องที่สามารถนาเอาไปประยุกต์ใช้ตามแนวทางที่เหมาะสมต่อบริบทของแต่ละคนแต่ละองค์การต่อไป* ข้อมูลบางส่วนสามารถนามาจากแบบฟอร์มรายงานการดาเนินโครงการของสานักงานวางแผนได้ ในกรณีที่โครงการที่ดาเนินการมีประเด็นความรู้ที่สาคัญซึ่งนามาใช้ในโครงการ

การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Read More »

Authentic Learning for Smart Service Team

Authentic Learning for Smart Service Team ยุทธศาสตร์ที่ 3 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ ดร.สมิตา กลิ่นพงศ์ สำนักงานพัฒนาบุคคล หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ปัจจุบันในโลกมีการเปลี่ยนแปลงและรวดเร็ว การพัฒนาบุคลากรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนั้นจึงเป็นเรื่องจําเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจและโรคระบาด Covid_19 ในปัจจุบัน ทุกคนต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ต่าง ๆที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถทํางานในระยะใกล้กันได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อองค์กรทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม นับเป็นสิ่งที่ท้าทายของผู้บริหาร และบุคลากรทุกคนที่จะต้องเตรียมตนเองให้พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรอบคอบรอบคอบและรอบด้านความรู้ที่เป็นประเด็นสําคัญที่นํามาใช้          สํานักงานพัฒนาบุคคลได้เล็งเห็นความสําคัญดังกล่าวจึงจัดโครงการพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ จึงได้สร้าง Smart Service Team ขึ้นเพื่อการเป็นขับเคลื่อนและพัฒนาระบบการทํางานในส่วนของการบริการนักศึกษาและบุคคลภายนอกที่มาติดต่อของมหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และได้ใช้การพัฒนาบุคลากรด้วยวิธี Authentic Learning (การเรียนการสอนตามสภาพจริง) มาใช้ในการอบรม ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)🗹 อื่น ๆ (ระบุ) เป็นความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวบุคลากรที่มาทํางานใน Smart Service Team เช่น เรื่องของวิธีการให้บริการของแต่ละคน วิธีการแก้ปัญหาของแต่ละคน ที่มีการแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ผ่านการบอกเล่าระหว่างกลุ่มทํางาน หรือ Social Media ที่เป็นช่องทางสื่อสารที่สะดวกและรวดเร็ว คือ โปรแกรม Line วิธีการดำเนินการ 1. จัดอบรมแลกเปลี่ยนประสบการณรวมกันเพื่อพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อมุงสูความเปนเลิศ หัวขอการพัฒนาระบบการรับนักศึกษาใหม ณ โรงแรมซันธารา เวลเนสรีสอรท จ.ฉะเชิงเทราโดยใหแตละคณะสงผูแทนทั้งสายอาจารย และสายเจาหนาที่ที่มีหนาที่เกี่ยวของในเรื่องของการรับนักศึกษา โดยการWorkshop แยกสายอาจารย และสายเจาหนาที่สายอาจารยจะเปนการ workshop ในเรื่องของเนื้อหาหลักสูตรที่ทันสมัย โดนใจสายเจาหนาที่เนนในเรื่องของการใหการบริการที่ดี การทํากระบวนการในเรื่องตาง ๆ ใหสั้น กระชับมีความรวดเร็วมากขึ้น 2. จัดอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อมุงสูความเปนเลิศ หัวขอ“SMART SERVICE, TO MORE ENROLLMENT” (สําหรับเจาหนาที่) การอบรมเปน Workshopในสวนของเจาหนาที่ ที่ทําหนาที่ในเรื่องของการรับนักศึกษา ตอยอดจากการอบรมครั้งที่ 1 เพื่อเปนการตกผลึกในเรื่องของการใหการบริการที่ดี และกระบวนการการทํางานตาง ๆ เพื่อนําไปสูการสราง SmartService Team ตอไป3. จัดอบรม เรื่อง การบริการสูความเปนเลิศ สําหรับเจาหนาที่ที่จะลงปฏิบัติหนาที่ Smart Service Teamจํานวน 20 คน โดยเปนการเนนเรื่องการบริการที่ดี /บุคลิกภาพ/ การใชภาษาเทคนิคการตอนรับและขั้นตอนสูการสราง Engagement /หลักการฟงใหไดใจความเพื่อการตอบสนองที่ถูกตอง/การแกปญหาอยางเหมาะสมเพื่อสรางความสึกอันดีตอผูเขามาติดตอและการสรางสายสัมพันธอันดีเพื่อสรางความประทับใจอันยั่งยืน 4. ปฏิบัติงานโดยจัด Smart Service Team เขาทําหนาที่ ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารอาทิตย อุไรรัตนตั้งแตมีนาคม – มิถุนายน 2564 วันละประมาณ 2-4 คน (หยุดภารกิจหนางานตั้งแต วันที่ 10 เมษายน –31 พฤษภาคม 2564 เนื่องจากสถานการณ Covid –19 ทั้งนี้ไดปฏิบัติหนาที่ใน Online และ LineSmart Service Team เปนหลัก ) โดยมี ipad เปนอุปกรณที่มีขอมูลสําคัญที่จะตองใชในการทํางานเชนขอมูลการรับนักศึกษา ขอมูลการลงทะเบียน ขอมูลดานการเงิน ขอมูลเรื่องของหอพัก ฯลฯสําหรับนักศึกษาเกา และนักศึกษาใหม หรือ ผูที่กําลังจะตัดสินเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต (AuthenticLearning)5. สราง Line สําหรับ Smart Service Team มีสมาชิก คือ Smart Service Team/ฝายแนะแนวและรับนักศึกษา / สํานักงานทะเบียน / สํานักงานการเงิน /สํานักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ / สํานักงานพัฒนาบุคคลมีวัตถุประสงคเพื่อใชในการติดตอสื่อสารในกรณีที่เกิดปญหาตาง ๆ หรือสอบถามขอมูลและเปนฐานขอมูลที่ใชประโยชนในการแกปญหาในกรณีที่เกิดปญหาซ้ํา ๆซึ่งเปนการบูรณาการการแกปญหาในหลาย ๆ ภาคสวน (Authentic Learning) 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน สํานักงานพัฒนาบุคคลไดประเมินผลการดําเนินงาน โดยใชแบบประเมินใหผูใชบริการ คือ ผูปกครอง นักศึกษาและนักเรียนที่มาใชบริการ ณ โถงอาคาร 1 โดยมีผลประเมินดังนี้ ผูตอบแบบประเมิน มีจํานวน 106 คน เปนผูปกครอง จํานวน 16 คน เปนนักเรียนและนักศึกษา จํานวน78 คน คิดเปนรอยละ 15.09 และ 84.91 ตามลําดับ ผูตอบประเมิน มีความพึงพอใจทีมบริการในภาพรวมอยูในระดับมากที่สุด โดยมีคาเฉลี่ยที่ 4.65และมีความพึงพอใจในหัวขอ ทีมบริการใชวาจาสุภาพในการใหบริการ มากที่สุดจาก 4 หัวขอ โดยมีคาเฉลี่ย ที่4.72ขอเสนอแนะตอการบริการของมหาวิทยาลัย1. อยากใหมีรานกาแฟที่ตึก17ครับ หรือไมก็ที่กินขาว เซเวนไดยิ่งดีครับ2. อยากใหตอบแชทไวกวานี้หนอยครับ3. ดีมากคะ ชัดเจนคะ4. บริการดีมากครับ พี่เดือนวิทยาลัยดนตรีคนนี้นารักมากๆครับ ชวยเหลือทุกอยาง เปนหวงเด็กๆทุกคนเลยครับ5. ดีเยี่ยมครับ6. Good สํานักงานพัฒนาบุคคลไดติดตอประสานงานกับหนวยงานที่เกี่ยวของในการแกไขขอเสนอแนะตาง ๆที่ไดรับการแนะนํามา ตามความเหมาะสม 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECKจากการใชวิธีการสราง Smart Service Team ดวยการพัฒนาบุคลากรแบบ Authentic Learning คือการเปลี่ยนการอบรมจากการใหความรูเพียงอยางเดียว เปนการใหความรูพรอมกับการสรางกระบวนการปรับทัศนคติในการเรียนรูความจริง Authentic Learning ควบคูกันไปโดยเริ่มจากการอบรมใหความรูและใชการทํา Workshop เพื่อใหไดขอสรุปในเรื่องตาง ๆจากการใชความรูเดิมของผูเขาอบรมเปนหลัก และหาขอสรุปเพื่อแกปญหาในเรื่องตาง ๆ รวมกันและนําขอสรุปนั้น ๆ ไปใชในการปฏิบัติงานจริง เชน ปญหาในเรื่องของกระบวนการรับสมัครนักศึกษาที่นําไปสูการสมัครเรียนแบบ Online ลดขั้นตอนการทํางานใหสั้นและกระชับลงหรือการทํางานเปนทีมที่ไมไดแบงแยกวาตัวเองมาจากสังกัดที่ไหนแตเปนการทํางานในนามของมหาวิทยาลัยรังสิตที่พรอมจะเผชิญกับปญหาและการแกไข ในเรื่องตาง ๆ ดวยกัน โดยในระยะแรกอาจจะมีปญหาในเรื่องระบบการรับสมัครออนไลน ซึ่งทุกคนก็จะแจงปญหาที่ตนเองไดรับพรอมกับผูบริหารสวนกลางที่มีสวนชวยกันแกไขระบบใหสามารถใชงานไดอยางมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการใชวิธีการสราง Smart Service Team ดวยวิธี Authentic Learningทําใหสํานักงานพัฒนาบุคคลไดแนวคิดในการพัฒนาบุคลากรแนวใหมซึ่งจะกอใหเกิดการทํางานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ..

Authentic Learning for Smart Service Team Read More »

การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ

การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัย ให้ประสบผลสำเร็จ ยุทธศาสตร์ที่ 3 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ดร.นเรฏฐ์ พันธราธร ฝ่ายวิจัย หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           การบริหารจัดการโครงการระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ  เป็นโครงการให้ความช่วยเหลือและให้บริการแก่ชุมชนหลักหก  ซึ่งเป็นเขตชุมชนในพื้นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรังสิต สืบเนื่องจากวิกฤต COVID-19  มหาวิทยาลัยรังสิตได้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนหลักหก  จึงให้ความช่วยเหลือชุมชน อำนวยความสะดวกในการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน  โฮมไอโซเลชั่น ผลที่เกิดชึ้นคือ เป็นชุมชนหลักหกมีการติดเชื้อน้อยมาก  เมื่อผ่านช่วงภาวะวิกฤตแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้มองเห็นปัญหาเรื่องรายได้ของคนในชุมชน จึงได้จัดทำโครงการสร้างอาชีพและรายได้แนวใหม่ตามแนวคิดเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสร้างสุขภาวะ  และให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเข้าไปช่วยเหลือและฝึกฝน ร่วมกันคนในชุมชน ในการจัดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกจำหน่าย  ทั้งนี้มหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)   https://www.youtube.com/watch?v=F-U7VaC1iX4&list=PLcTvutIKrjekMO78ArSFb0bNdwo4HjVk8&index=14 VDO Credit : สำนักงาน Wisdom Media ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.นเรฏฐ์  พันธราธร ฝ่ายวิจัย

การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ Read More »

การพัฒนาภาษาอังกฤษจากการบูรณาการเรียนการสอนผ่านกิจกรรม

การพัฒนาภาษาอังกฤษจากการบูรณาการ การเรียนการสอนผ่านกิจกรรม ยุทธศาสตร์ที่ 4 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ ปาริฉัตร แก้กลาง สำนักงานนานาชาติ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           การพัฒนาภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศ ภายใต้โครงการ P2A Virtual Mobility โดยการนำกิจกรรม P2A Virtual Journey มาบูรณาการเข้ากับการเรียนการสอนในรายวิชา RSU150/RSU180 Creative Management การจัดการเชิงสร้างสรรค์           เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปแลกเปลี่ยนยังต่างประเทศ การเรียนการสอน และการดำเนินกิจกรรม ทางสำนักงานนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงจัดตั้งโครงการ P2A Virtual Mobility ตั้งแต่ปีการศึกษาที่ 1/2563 โดยมีชื่อกิจกรรมว่า P2A Virtual Journey มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาสมรรถนะด้านภาษาของบัณฑิตไปสู่ระดับความเป็นสากล และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ให้เป็นที่ประจักษ์แก่นักศึกษาไทยและต่างประเทศ โดยการนำกิจกรรมดังกล่าว ไปบูรณาการร่วมกับการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยระหว่างประเทศ ซึ่งรูปแบบของกิจกรรม เป็นกิจกรรมการเรียนรู้เสมือนจริง ผ่าน Facebook Group หรือโปรแกรม Zoom รองรับกลยุทธ์ทางด้านการศึกษาในยุค New Normal ณ ปัจจุบัน ซึ่งอาจารย์ผู้สอน เห็นควรว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาอย่างมาก จึงนำกิจกรรมมาสอดแทรกการเรียนการสอนในรายวิชา RSU150/RSU180 Creative Management การจัดการเชิงสร้างสรรค์ จากสถาบัน Gen.Ed มหาวิทยาลัยรังสิต ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้    ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) :  ☑ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)   ☑ ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University      (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase)       เจ้าของความรู้/สังกัด วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี วิธีการดำเนินการ สำรวจค่านิยมการใช้สื่อสังคมในแต่ละประเทศ จากการสำรวจผู้ใช้สื่อ social ในแต่ละประเทศ พบว่าหลายประเทศนิยมใช้ Facebook ในการสร้างเครือข่าย จึงนำมาใช้เป็น Platform ในการจัดกิจกรรม P2A Virtual Journey สร้าง Platform การจัดกิจกรรมผ่านสื่อสังคม Facebook Group และ Facebook Fanpage ในนาม P2A Virtual Mobility เนื่องจาก Facebook Group สามารถจำกัดปริมาณคนเข้าถึงได้ เป็น private group ทำให้สะดวกแก่การนำมาใช้ในระบบการศึกษา หรือการจัดกิจกรรมออนไลน์ และ Facebook Fanpage ไม่จำกัดปริมาณคนเข้าถึง สะดวกแก่การนำมาใช้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลกิจกรรม และการถ่ายทอดสดออนไลน์  หลังจากที่ได้ Platform ที่เป็นรูปธรรมแล้ว จึงดำเนินการประสานงานภายในกับอาจารย์ สถาบัน Gen.Ed สถาบันส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม สถาบันภาษาอังกฤษ วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยนานาชาติจีน ฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงาน Wisdom Media และศูนย์ RSU Cyber University เพื่อวางแผนกิจกรรมร่วมกัน และหามหาวิทยาลัยพันธมิตรในต่างประเทศที่มีความสนใจ และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ ระหว่างวันที่ 17 และ 26 พฤศจิกายน 2564 และ วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ก็ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยพันธมิตรทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ Universitas Islam Indonesia, Indonesia และ  Universiti Malaya, Malaysia มหาวิทยาลัย จาก 10 ประเทศอาเซียน สร้างรูปแบบ และแนวทางการจัดกิจกรรม หลังจากที่ได้กำหนดการที่ชัดเจนแล้ว จึงเริ่มต้นกิจกรรม โดยใช้ชื่อเรื่องว่า Career in the next 10 year โดยแนวทางการจัดกิจกรรม สรุปได้ดังนี้ ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มละ 4-5 คน ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนใหม่ แต่ละกลุ่มต้องประกอบด้วย นักศึกษาอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และ P2A Ambassador จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต  แบ่งกลุ่มเรียบร้อย ให้นักศึกษาทุกคนแนะนำตัวทำความรู้จักกันบน Facebook Group: P2A Virtual mobility และจัดตั้งแชทกลุ่ม ผ่าน LINE หรือ WhatsApp เพื่อปรึกษาหารือในการทำคลิปวีดิโอกลุ่มร่วมกัน เกี่ยวกับอาชีพที่คาดว่าจะมีขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งนักศึกษาสามารถทำงานนี้ได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ เพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ แต่ละกลุ่มจะต้องส่งผลงานดังนี้ – กำหนดให้ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ประกอบด้วย 1) แสดงเทคนิคที่ใช้สำหรับการปฏิบัติงานร่วมกัน และ 2) คลิปวิดีโอกลุ่ม มีความยาวไม่เกิน 5 นาที และสมาชิกทุกคนได้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารในคลิปวิดีโอนั้น โดยบรรยายเนื้อหาที่สอดคล้องกับหัวเรื่อง Career in the next 10 year โดยมีหัวข้อย่อยให้เลือกทำคลิปวิดีโอ 2 ข้อ ได้แก่ 1. The Technology and tools that will be needed in the next 10 years 2. The skills that will be needed in the next 10 years ซึ่งนักศึกษาจะได้ความรู้เพิ่มเติมมาจากการเข้าร่วมรับฟังการบรรยายในแต่ละหัวข้อจากวิทยากรพิเศษทั้ง 3 ประเทศ ผ่านกิจกรรมสัมมนาในงานนี้ – ส่งคลิปวิดีโอลง Google Drive ภายในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เพื่อส่งต่อให้คณะกรรมการทั้ง 3 ประเทศพิจารณาคัดเลือกมา 5 คลิปวิดีโอที่ตรงตามเกณฑ์ตัดสินที่กำหนดไว้ เพื่อนำคลิปที่ถูกคัดเลือกมานำเสนอในวันประกาศรางวัล วันที่ 1 ธันวาคม 2564 โดยให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสินใจ เลือกคลิปวิดิโอที่น่าสนใจที่สุดมา 1 คลิป ผ่านการโหวตคัดเลือกบนลิ้งค์ google form เพื่อค้นหากลุ่มผู้ชนะในกิจกรรม “รับของรางวัล คือ E-Certificate” ประเมินวัดผลการจัดกิจกรรมพบว่าอาจารย์และนักศึกษาทั้งจากมหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยพันธมิตรเข้าร่วมกิจกรรมแล้วพึงพอใจในกิจกรรมนี้ จึงส่งผลให้มีกิจกรรมนี้ต่อเนื่องในทุกปีการศึกษา   2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน 2.1 ผลการดำเนินการ กิจกรรมประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งกับนักศึกษาและอาจารย์ และมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง 2.2 การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง การนำกิจกรรมมาประยุกต์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางด้านภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศข้ามประเทศได้ผ่านการจัดกิจกรรมเสมือนจริง ทดแทนการเดินทางไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถทำได้ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 2.3 อุปสรรค์หรือปัญหาในการทำงาน ปัญหาในการบริหารเวลา เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่จัดร่วมกับมหาวิทยาลัยระหว่างประเทศ ซึ่งมีกำหนดการของการเรียนต่างกัน กิจกรรมระหว่างวันที่ 17 และ 26 พฤศจิกายน 2564 และ วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่กำหนดขึ้นเป็นช่วงเวลาที่นักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กำหนดสอบปลายภาค ของปีการศึกษาที่ 1/2564 แต่ก็ต้องกำหนดตามนี้เพื่อให้ตารางเวลาการทำกิจกรรมของทั้ง 3 ประเทศดำเนินการร่วมกันได้ หากนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมติดสอบ ให้นักศึกษาตามงานจากเพื่อนในกลุ่มนอกรอบ เนื่องจากเป็นงานกลุ่ม นักศึกษาสามารถปรึกษาหารือกันนอกรอบได้ตลอด จนกว่ากิจกรรมจะสิ้นสุด ปัญหาการสื่อสารภายใน เนื่องจากมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานและวิทยาลัยที่ไม่ตรงกัน ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเข้าใจผิดในรายละเอียดของกิจกรรม แก้ปัญหาด้วยการสร้างกลุ่ม Admin ผ่าน Line group เพื่อการประสานงานที่ถูกต้อง และรับทราบโดยทั่วกัน แก่นักศึกษาไทยและต่างชาติ ปัญหาผู้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านโปรแกรม Zoom มีจำนวนมากเกินไป แก้ปัญหาด้วยการ Live สดผ่าน Zoom ใช้ Facebook Fanpage: P2A Virtual Mobility ในการ Live  เพื่อรองรับผู้ชมจำนวนมากได้ และสามารถประชาสัมพันธ์กิจกรรมสู่สาธารณะได้ ความสามารถทางด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักศึกษาไทยยังต้องพัฒนาเพิ่มเติม จึงแนะนำให้นักศึกษาไทยสื่อสารกับเพื่อนต่างชาติระหว่างดำเนินกิจกรรมให้มากขึ้น เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์จริง สร้างความคุ้นชินในการใช้ภาษาอังกฤษ และยังเพิ่มทักษะด้านการพัฒนาภาษาอังกฤษ ในเรื่องการฟัง พูด อ่าน และ เขียน ผ่านการสร้างสรรค์และนำเสนอผลงาน 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ จำนวนและความพึงพอใจของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจากทั้ง 3 ประเทศที่เข้าร่วม มหาวิทยาลัยพันธมิตรเห็นควรให้มีโครงการและกิจกรรมดังกล่าวเป็นประจำทุกปีการศึกษา กิจกรรมนี้ตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศ (Internationalization) ในเรื่องของการพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิตไปสู่ความเป็นสากลที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพภาษาอังกฤษของนักศึกษาและบุคลากร ในเรื่องของทักษะภาษาอังกฤษ ได้แก่ การฟัง (Listening) การพูด (Speaking) การอ่าน (Reading) และ การเขียน (Writing) เป็นต้น การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ จากการจัดกิจกรรม P2A Virtual Mobility พบว่านักศึกษาและบุคลากรกล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารมากขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะได้ทดลองใช้ภาษาอังกฤษ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงจากชาวต่างชาติ และยังสามารถนำไปต่อยอดการปฏิบัติงานในอนาคตได้ ทั้งนี้การจัดกิจกรรมออนไลน์เหล่านี้ นอกจากจะได้พัฒนาภาษาอังกฤษแล้วยังช่วยให้นักศึกษาและบุคลากรได้เรียนรู้การปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นและการเข้าสังคมนานาชาติ ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           ควรจะมีระบบมาสนับสนุนในการเก็บข้อมูลการทำกิจกรรมด้านนานาชาติ เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเป็นสากลแก่นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยรังสิต ตามแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ปี 2565-2569

การพัฒนาภาษาอังกฤษจากการบูรณาการเรียนการสอนผ่านกิจกรรม Read More »

การรักษาจุดเด่นของคณะและสร้างการรับรู้สู่สังคม

การรักษาจุดเด่นของคณะและสร้างการรับรู้สู่สังคม ยุทธศาสตร์ที่ 5 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ อ.นัฐวุฒิ สีมันตร คณะดิจิทัลอาร์ต หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           คณะดิจิทัลอาร์ต ได้นำเสนอปัจจัยแห่งความสำเร็จของการรักษาจุดเด่นของคณะและการสร้างการรับนู้สู่สังคม ซึ่งในการปรับปรุงหลักสูตร และจะเปิดหลักสูตรใหม่ของคณะนั้น   คณะได้มองเห็นปัญหาว่าทำอย่างไร จะทำให้นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง ได้เข้าใจภาพรวมของคณะและหลักสูตรที่จะนำเสนอได้มากขึ้น  จึงได้ค้นคิดแนวทางการประชาสัมพันธ์แนวใหม่ขึ้น เพื่อให้เข้าใจแขนงวิชาต่างๆ ของคณะมากยิ่งขึ้น  https://www.youtube.com/watch?v=GSBVL0Q6_aM&list=PLcTvutIKrjekMO78ArSFb0bNdwo4HjVk8&index=9 VDO Credit : สำนักงาน Wisdom Media ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด อาจารย์นัฐวุฒิ สีมันตร  คณะดิจิทัลอาร์ต

การรักษาจุดเด่นของคณะและสร้างการรับรู้สู่สังคม Read More »

การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย

การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชุน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย ยุทธศาสตร์ที่ 5 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ ดร.เริงศักดิ์ แก้วเพ็ชร ฝ่ายพัฒนาสังคมและศิลปวัฒนธรรม หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​            มหาวิทยาลัยรังสิต มุ่งเน้นพัฒนาให้นักศึกษามีพื้นฐานในการรู้จักการใช้ชีวิต เลือกทางเดินชีวิตที่เหมาะสม และมีความสุขได้ เพราะวิชาเหล่านี้อาจเป็นตัวเสริมทักษะชีวิตโดยไม่รู้ตัว มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ และดึงเอาทักษะที่ตัวเองถนัดออกมาและรู้จักการให้ การแบ่งปัน การทำงานร่วมกับผู้อื่น  และรู้จักความรัก รู้จักการแก้ปัญหาในชีวิต รู้หลักของสังคมธรรมาธิปไตย การมีจิตอาสา จิตสาธารณะ ทักษะอาชีพ รู้จักตัวเอง รู้จักเลือกพัฒนาความชอบและความถนัดมาเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักได้   ดังนั้น ฝ่ายพัฒนาสังคมและศิลปวัฒนธรรม จึงได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือดูแลชุมชนในหลายกลุ่มเพื่อศึกษาและ จนกลายเป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นนั้น และคนในท้องถิ่นก็ใช้ความรู้ความสามารถที่มีนำมาพัฒนา ดัดแปลง ต่อยอด สร้างสรรค์ให้เป็นผลิตภัณฑ์ได้ https://www.youtube.com/watch?v=afup6gSE_xw&list=PLcTvutIKrjekMO78ArSFb0bNdwo4HjVk8&index=8&t=73s VDO Credit : สำนักงาน Wisdom Media ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : 🗹 เจ้าของความรู้ /สังกัด เจ้าของความรู้/สังกัด  ดร.เริงศักดิ์ แก้วเพ็ชร  ฝ่ายพัฒนาสังคมและศิลปวัฒนธรรม 

การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย Read More »

Scroll to Top