รางวัลชมเชย

อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษา

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 1 :KR 1.4.1, KR 1.4.2, KR 1.4.5 อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษา ผู้จัดทำโครงการ​ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัลลภา เฉลิมวงศาเวช วิทยาลัยครูสุริยเทพ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​          ตามหลักการอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษานับเป็นหนึ่งในมาตรฐานหลักของการบริหารหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติรวมไปถึงมาตรฐานของสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย ทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ของมหาวิทยาลัยรังสิตในการพัฒนาสมรรถนะอาจารย์ให้มีความเป็นมืออาชีพทั้งในทางด้านวิชาการ การจัดการเรียนการสอนและการประเมินผล โดยกำหนดไว้ว่าอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษานั้นนอกจากจะต้องเป็นอาจารย์ที่มีคุณภาพสูง มีความสามารถเป็นเลิศในการจัดการเรียนและการสอน และมีผลการประเมินประสิทธิผลการสอนโดยนักศึกษาในระดับ 4.01 ขึ้นไปแล้วนั้น ยังต้องได้รับการพัฒนาทางวิชาการและวิชาชีพ โดยเน้นกระบวนการทำงานและการสร้างมาตรฐานที่นำไปสู่ความสำเร็จตามได้ตามความคาดหมาย         ความสำคัญในการพัฒนาตนเองสู่การเป็นอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาไม่เพียงแต่เป็นการสนองนโยบายหลักของการบริหารหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ มาตรฐานของสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย รวมทั้งกลยุทธ์ของมหาวิทยาลัยรังสิตในการพัฒนาสมรรถนะอาจารย์ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิต ปี พ.ศ.2565-2569 (แผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่) แต่ยังเป็นวิธีการประเมินตนเองอย่างเป็นเป็นรูปธรรมในกระบวนการการทำงานว่าได้ทำสิ่งใดบ้าง อย่างไร และได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่         ดังนั้น ประเด็นสำคัญของการพัฒนาตนเองสู่การเป็นอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษานั้นขึ้นอยู่กับการทบทวนวิธีการและและสะท้อนประสบการณ์ในกระบวนการสร้างและรักษามาตรฐานของการทำงานสู่ระดับการยอมรับในความเป็นมืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาตั้งแต่ในระดับสถาบันจนถึงระดับชาติ ซึ่งรวมถึงการสร้างการยอมรับและความน่าเชื่อถือให้กับวิชาชีพ สาขาวิชา รวมไปถึงหลักสูตรที่รับผิดชอบในทุกๆด้าน ตั้งแต่การจัดการเรียนการสอน การวิจัย การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ตลอดจนการพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไปตามกรอบมาตรฐานฯและสาขาวิชาชีพ ดังนั้นอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาจึงจำเป็นต้องพัฒนาตเองสู่ความเป็นเลิศในการพัฒนา ความรู้ ทักษะและความสามารถที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : เจ้าของความรู้ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : – วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   การพัฒนาตนเองสู่ความเป็นอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาต้องอาศัยการสร้างความเข้าใจในความเป็นตัวตน บทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในฐานะอาจารย์ผู้สอน การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา การทำวิจัย และการบริการวิชาการ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสอบถามความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับอาจารย์ในหลักสูตรและสาขาวิชา เพื่อสร้างความสัมพันธ์และบรรยากาศที่ดีในการการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ซึ่งการปฏิบัติภาระหน้าที่และการวางแผนการพัฒนาตนเองให้เข้ากับเกณฑ์ต่างๆนั้นจำเป็นต้องทำควบคู่กันไป อาทิ การสร้างผลงานด้านการบริหารหลักสูตร ด้าการสอน ด้านการส่งเสริมหรือการให้การสนับสนุนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา โดยพิจารณาเกณฑ์ต่างๆไปทีละประเด็น จัดลำดับความสำคัญของงาน โดยประยุกต์งานประจำให้เหมาะสมกับเกณฑ์เหล่านั้น และดำเนินงานตามแผนการพัฒนาตนเองที่ได้กำหนดไว้ให้สำเร็จลุล่วง โดยวิธีการดำเนินการสามารถแบ่งงานออกเป็นด้านๆ ดังนี้   1. งานด้านการสอน อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาอาจารย์ต้องมีความรู้ความเข้าใจและมีความสามารถในการออกแบบการสอน การวางแผนการสอน การประเมินผลการสอน ตามเกณฑ์ TQF และจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบและวิธีการสอนที่เหมาะสมโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ   2. งานด้านการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาต้องทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ให้แก่นักศึกษา โดยหน้าที่หลักคือการดูแลนักศึกษาตั้งแต่เริ่มต้นทำวิทยานิพนธ์จนเสร็จสิ้นกระบวนการที่นักศึกษาสามารถยื่นจบการศึกษาได้ อาจารย์ต้องวางแผนการทำวิทยานิพนธ์ให้แก่นักศึกษาในความรับผิดชอบอย่างเป็นระบบ มีการให้คำปรึกษา แนะนำ เสนอแนะแนวทาง ตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบวิธีวิจัยที่ถูกต้อง พร้อมทั้งให้คำปรึกษาหรือเสนอแนะแหล่งตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยของนักศึกษา ตลอดจนการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอและการให้ความสำคัญแก่นักศึกษาทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน   3. งานด้านการบริหารหลักสูตร อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาต้องบริหารจัดการ กำกับดูแล ในฐานะผู้อำนวยการหลักสูตร ตลอดจนพัฒนาหลักสูตรในระดับบัณฑิตศึกษาให้มีประสิทธิภาพ โดยศึกษาเกณฑ์ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ให้ชัดเจน รู้แจ้ง ทำความเข้าใจองค์ประกอบของหลักสูตร จัดการเรียนการสอน และมาตรฐานการรับรองหลักสูตรปริญญาโททางการบริหารการศึกษาของคุรุสภา   4. งานด้านการบริการทางวิชาการ อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาต้องมีการบริการทางวิชาการ เป็นส่งเสริมหรือการให้การสนับสนุนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา โดยอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาต้องสละเวลา อุทิศตน สร้างเครือข่ายโดยให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมในการทำงานกับหน่วยงานอื่นทั้งภายในและภายนอกสถาบัน โดยการใช้ความรู้ ความสามารถของตนในการช่วยเหลือ ส่งเสริม และให้การสนับสนุนแก่หน่วยงานต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการพัฒนาศักยภาพการทำงานของตัวอาจารย์เองแล้วนั้น ยังเป็นการสร้างความร่วมมือ และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานภายในและภายนอกอื่นๆ 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    การเป็นอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาที่มีคุณภาพสูง มีความสามารถเป็นเลิศในการจัดการเรียนและการสอน มีผลการประเมินประสิทธิผลการสอนโดยนักศึกษาในระดับ 4.01 ขึ้นไปนั้น จะต้องมีผลงานด้านการบริหารหลักสูตร ด้านการสอน ด้านการส่งเสริมหรือการให้การสนับสนุนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา ด้วยเหตุผลที่ว่าหลักสูตรในระดับบัณฑิตศึกษาเป็นหลักสูตรที่ต้องพัฒนาประสบการณ์ทางวิชาการชีพเฉพาะด้านที่ลุ่มลึก โดยมุ่งหวังให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้ด้วยตนเองจากการศึกษาค้นคว้าวิจัย และสามารถนำองค์ความรู้และผลของการวิจัยไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการประกอบวิชาชีพ ไปจนถึงการพัฒนาเยาวชน และสร้างความเข้มแข็งให้สังคม และประเทศชาติ โดยผลการดำเนินการสามารถแบ่งงานออกเป็นด้านๆ ดังนี้    1. งานด้านการสอน อาจารย์จะต้องมีความรู้ความเข้าใจและมีความสามารถในการออกแบบการสอน การวางแผนการสอน การประเมินผลการสอน และจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบและวิธีการสอนที่เหมาะสมโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยอาจารย์จะต้องกระตุ้นผู้เรียนให้มีความรู้และทักษะที่นำไปใช้ได้จริงในการประกอบวิชาชีพ ผลที่ได้คือนักศึกษาทุกคนสามารถวัดผลการประเมินรายวิธิผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานระดับบัณฑิตศึกษา และอาจารย์มีผลการประเมินประสิทธิผลการสอนโดยนักศึกษาในระดับ 4.01 ขึ้นไป    2. งานด้านการเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา การทำวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาอย่างมีคุณภาพเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในบางกรณีที่นักศึกษามีข้อจำกัดบางประการ ยกตัวอย่างเช่น นักศึกษาชาวจีนที่เข้ามาศึกษาต่อในหลักสูตรจะต้องเรียนและทำวิทยานิพนธ์เป็นภาษาไทย การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งนอกจากจะต้องให้ความรู้ ความเข้าใจ และคอยชี้แนะ แนะนำการทำวิทยานิพนธ์ที่ต้องเขียนเป็นภาษาไทยให้เป็นไปตามมารตฐานการวิจัยแล้วนั้น อาจารย์ที่ปรึกษาจะต้องคอยให้กำลังใจ กระตุ้น และคอยติดตามนักศึกษาอย่างสม่ำเสมอไม่ให้ขาดการติดต่อซึ่งส่งผลให้นักศึกษาสามารถสอบผ่านวิทยานิพนธ์ได้ในระดับดีเยี่ยม สามารถนำบทความไปตีพิมพ์เผยแพร่วิทยานิพนธ์ในฐานข้อมูลที่ได้รับการยอมรับในระดับ TCI 1 จนได้รับรางวัลวิทยานิพนธ์ดีเด่น จากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต ปีการศึกษา 2565 ทำให้นักศึกาสามารถจบการศึกษาตามกำหนดภายในระยะเวลา 2 ปีการศึกษา   3. งานด้านการบริหารหลักสูตร งานสำคัญของการบริหารหลักสูตรนอกเหนือจากการวางแผนการดำเนินงาน การจัดการดูแลหลักสูตรให้สามารถดำเนินงานไปอย่างราบรื่นแล้วนั้น หน้าที่ที่สำคัญคือการเป็นผู้พัฒนาหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ของมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อให้ได้รับการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาจากคุรุสภา ทั้งนี้การได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบพัฒนาหลักสูตรปีปรับปรุงปีการศึกษา 2560 และหลักสูตรปรับปรุงปีการศึกษา 2565 เพื่อให้ได้รับการรับรองอย่างต่อเนื่องถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุด โดยการที่หลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากคุรุสภาเท่านั้นที่จะทำให้นักศึกษาที่เข้าเรียนในหลักสูตร สามารถขอรับใบประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้บริหารการศึกษาได้ เมื่อจบการศึกษาจากหลักสูตร โดยกระบวนการการพัฒนาหลักสูตรทั้งหมดนั้นจะต้องศึกษากฎเกณฑ์ระเบียบและข้อบังคับเพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจแก่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์การขอรับรองหลักสูตรเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพจากคุรุสภา ซึ่งปัจจุบันนี้หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษาได้รับการรับรองหลักสูตรฯ จากคุรุสภาเป็นรอบที่ 2 เป็นที่เรียบร้อย โดยที่รอบที่ 1 เป็นการรับรองหลักสูตรฉบับปรับปรุงปี 2560 (ครอบคลุมปีการศึกษา 2560 – 2564) และรอบที่ 2 หลักสูตรฉบับปรับปรุงปีการศึกษา 2565 (ครอบคลุมปีการศึกษา 2565 – 2569) นั่นหมายถึงมหาบัณฑิตที่จบการศึกษาจากหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา แผน ก ทุกคนจะมีสิทธิ์ได้รับใบประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา/ผู้บริหารการศึกษาจากคุรุสภา เพื่อไปสอบชิงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาในอนาคตอย่างแน่นอน  4. งานด้านการบริการทางวิชาการ การบริการทางวิชาการเป็นการส่งเสริมหรือการให้การสนับสนุนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษา อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาต้องสละเวลา อุทิศตน สร้างเครือข่ายโดยให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วมในการทำงานกับหน่วยงานอื่นทั้งภายในและภายนอกสถาบัน โดยการใช้ความรู้ ความสามารถของตนในการช่วยเหลือ ส่งเสริม และให้การสนับสนุนแก่หน่วยงานต่างๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการพัฒนาศักยภาพการทำงานของตัวอาจารย์เองแล้วนั้น ยังเป็นการสร้างความร่วมมือ และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานภายในและภายนอกอื่นๆ อีกด้วย อาทิ การได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการฝ่ายวิชาการของสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย (ภาคกลาง) เพื่อร่วมมือกันพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาทั้งองค์ ความรู้ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม เป็นการสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาของประเทศไทย การได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา พ.ศ. 2565 ของมหาวิทยาลัยรังสิต การได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร และการได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินรายการงานรังสิตวิชาการ ในการเสวนาเรื่อง นวัตกรรมการศึกษาของครูยุคใหม่ เพื่อพัฒนาผู้เรียนในยุคปัจจุบัน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อส่งเสริม และสนับสนุนผู้ร่วมวิชาชีพให้มีการพัฒนาวิชาชีพและการบริหารงานทางด้านการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาควรจะต้องพัฒนาตนเองให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมวิชาการ ดังนี้    1. การให้บริการวิชาการในฐานะการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในการพิจารณาบทความในวารสารต่างๆ อาทิ การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความของวารสารต่างๆ ในฐาน TCI อาทิ วารสารวิชาการธรรมทรรศน์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (TCI1), วารสารการบริหารและนวัตกรรมการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (TCI1), วารสาร ASEAN Journal of Management & Innovation มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด (TCI2), การประชุมวิชาการและเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สสอท., การนำเสนอผลงานทางวิชาการระดับชาติและระดับนานาชาติและงานบริหารการศึกษาสัมพันธ์ ของสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย    2. การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาโครงร่างการวิจัยเพื่อในการรับรองจริยธรรมการวิจัย     3. การได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตัดสินผลงานทางการศึกษาต่างๆ การตัดสินผลงานของครู เพื่อนำเสนอในงานรังสิตวิชาการ (RSU Academic Expo/Conference) ซึ่งการให้บริการทางวิชาการเหล่านี้นั้นถือเป็นการสร้างความร่วมมือทางวิชาชีพ และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสถาบันและหน่วยงานอื่นๆ อันก่อให้เกิดเครือข่ายทางวิชาชีพที่เข้มแข็ง การให้บริการวิชาการโดยเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อดําเนินแผนงานร่วมทุนสนับสนุนการพัฒนาสุขภาวะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพภายในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์และภารกิจตามมาตรา 5 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 โดยการจัดบริการวิชาการ โครงการโรงเรียนสุขภาวะ ตําบลหลักหก จังหวัดปทุมธานี เพื่อพัฒนาโรงเรียนสุขภาวะ โดยเริ่มต้นพัฒนาจากผู้เกี่ยวข้องหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) กับโรงเรียนก่อน คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชน เป็นใช้องค์ความรู้และความสามารถของอาจารย์ในการพัฒนาและสร้างการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทํางานให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ให้เกิดการเรียนรู้ที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันใน 3 ประเด็นหลักคือ    1) ร่วมสร้างแผนพัฒนาโรงเรียน (School Improvement Plan/ SIP)    2) ร่วมออกแบบกระบวนการทํางานในโรงเรียนให้เกิดความยั่งยืน และ    3) ร่วมเรียนรู้การทํางานเป็นทีมโดยใช้ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community/ PLC) ซึ่งการร่วมมือกันดังกล่าวนี้จะช่วยใหกลุ่มเป้าหมายปรับเปลี่ยนวิธีคิดจากการรอรับนโยบาย และการสั่งการเป็นการมีส่วนร่วมรับผิดชอบการบริหารจัดการด้วยตัวเองมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงพัฒนาโรงเรียนตามสภาพจริง ซึ่งโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะพัฒนาสุขภาวะของประชาชนในจังหวัดปทุมธานีให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ตําบลหลักหก เพื่อพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ให้เป็นโรงเรียนสุขภาวะ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนในพื้นที่ตําบลหลักหก อีกทั้งโครงการดังกล่าวยังมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการที่สถาบันอุดมศึกษาจะเป็นพี่เลี้ยงให้แก่สถานศึกษาขั้นพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ตลอดจนการให้คำแนะนำ ปรึกษา และชี้แนะผู้บริหารสถานศึกษาให้การบริหารสถานศึกษาได้อย่างราบรื่นและมีคุณภาพ เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาของชาติอีกด้วย 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่    สรุปประเด็นสำคัญที่ได้ ดังนี้คือ 1. อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาเป็นอาจารย์ที่มีคุณภาพ มีความทันสมัย ทันเหตุการณ์ และมีการพัฒนาตนเองทางวิชาการและวิชาชีพอย่างสม่ำเสมอ2. อาจารย์มีผลการประเมินประสิทธิผลการสอนโดยนักศึกษาในระดับ 4.01 ขึ้นไป3. อาจารย์มีเครือข่ายความร่วมมือในสาขาวิชาชีพ4. อาจารย์มีคุณสมบัติสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานคุณวุฒิและมีผลงานเป็นไปตามเกณฑ์การประเมินผลประจำปีของมหาวิทยาลัย 5. อาจารย์ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการกำกับดูแลช่วยเหลือนักศึกษาให้สำเร็จการศึกษาอย่างมีคุณภาพ6. อาจารย์ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการกำกับดูแลช่วยเหลือสังคมวิชาการ7. อาจารย์ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการทำโครงการช่วยเหลือครูในชุมชนและพัฒนาสังคมให้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีคุณภาพในการทำงานได้ดีขึ้น8. การได้รับรางวัลนักบริหารการศึกษาดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2565 ของสมาคมพัฒนาวิชาชีพการบริหารการศึกษาแห่งประเทศไทย ประเภทอาจารย์ผู้สอนทางการบริหารการศึกษาดีเด่น ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           การเป็นอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาต้องอาศัยความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่ค่อยๆ สั่งสม และปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง ต้องอาศัยเวลา กำลังกาย กำลังใจ และความอดทน และความเชื่อมั่นว่าอาจารย์ทุกคนจะเป็นอาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษาที่ประสบความสำเร็จได้หากมีความมุ่งมัน ตั้งใจ ขยัน อดทน และอุทิศตน

อาจารย์มืออาชีพในระดับบัณฑิตศึกษา Read More »

เทคนิคการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้น

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 1 : KR 1.1.2, KR 1.1.4, KR 5.2.2 เทคนิคการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้น ผู้จัดทำโครงการ​ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุมามาลย์ ปานคำ วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​          จากวิสัยทัศน์ของหลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม คือ มุ่งสร้างนักเทคโนโลยีสื่อสังคมที่มีคุณภาพเน้นความรู้ ลงมือปฏิบัติจริงและผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี มีการปรับปรุงหลักสูตรทุก ๆ 5 ปี ให้มีความทันสมัย มีความเป็นนวัตกรรม และตอบสนองความต้องการของสังคม          ปัจจุบันเทคโนโลยีสื่อสังคม หรือ โซเชียลมีเดีย (Social Media) ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากสำหรับคนในยุคดิจิทัลกลายเป็นพื้นที่ในการติดต่อสื่อสาร เผยแพร่ และทำกิจกรรมประเภทต่าง ๆ หนึ่งในนั้น คือ การทำงานหรือประกอบอาชีพ สามารถเป็นตัวช่วยในการทำงาน เช่น ผู้ประกอบการใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นพื้นที่ทางการค้าและการตลาด หรือที่เรียกว่า “ตลาดออนไลน์” ซึ่งเจริญเติบโตอย่างมาก ดังนั้น โซเชียลมีเดียจึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานในยุคดิจิทัลของทุกคนง่ายขึ้น          ในปี พ.ศ. 2565 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ติ๊กต็อก, เพจเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และไลน์ออฟฟิศเชียลแอคเคาท์ (Line OA) ดังนั้น ผู้ประกอบในการยุคดิจิทัลควรมีความรู้เกี่ยวกับ Social Media Ads, Content, Search Ads, Google Ads และ SEO (Search Engine Optimization) เป็นต้น ซึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีการปรับเปลี่ยนหลังบ้านอยู่ตลอดเวลา          หลักสูตรจึงร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก จัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้กับบุคคลภายนอกหรือผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ ตอบสนองความต้องการของสังคมต่อไป ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : –ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ    หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม (Social Media Technology: SMT) ร่วมกับ บริษัท ตานี มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นศิษย์เก่าปริญญาโท SMT รุ่น 10 และนักศึกษาปริญญาเอก SMT รุ่น 1 จัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้กับบุคคลภายนอกหรือผู้สนใจ โดยกำหนดจัดเป็นเดือนเว้นเดือน คือ ไม่น้อยกว่า 6 ครั้งต่อปี มีการดำเนินการดังนี้           1. กำหนดวิทยากรและหัวข้อของหลักสูตรระยะสั้นให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหรือตามกระแสที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน           2. กำหนดลำดับของหัวข้อให้เป็นหลักสูตรระยะสั้นแบบต่อเนื่อง เช่น ยิงแอดปังด้วยเฟซบุ๊ก สร้างแบรนด์บน Tiktok รุ่นที่ 1 แล้วเปิดหลักสูตรระยะสั้นต่อไป คือ ระเบิดยอดขาย ยกกำลังสองด้วย Google Ads x LINE OA รุ่นที่ 1 เพื่อวางแผนหลักสูตรการอบรมให้ผู้อบรมกลุ่มเดิมมาอบรมในหลักสูตรระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง           3. กำหนดค่าลงทะเบียนอบรมหลักสูตรระยะสั้น 3,999 – 5,999 บาท โดยมีส่งเสริมการขายใช้กลยุทธ์การตั้งราคา Early Bird เพื่อให้ได้งบประมาณมาใช้ในการยิง Ads โฆษณาประชาสัมพันธ์หลักสูตรระยะสั้นนั้น ๆ           4. กำหนดจำนวนผู้อบรมอย่างน้อย 30 คน และจัดเตรียมห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์           5. ทำหนังสือเชิญวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญตามวัน-เวลาที่กำหนดไว้ และจองสถานที่จัดอบรม รวมถึงประสานงานผู้เกี่ยวข้อง           6. สร้าง Content และรูปภาพ เพื่อประชาสัมพันธ์และยิง Ads โฆษณาบนเพจเฟซบุ๊ก Social Media Technology – ปริญญาโท-เอก ไปยังกลุ่มเป้าหมาย           7. สร้างไลน์ออฟฟิศเชียลแอคเคาท์ (Line OA) ของหลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม เพื่อส่งข้อมูลให้กับผู้สนใจเข้าร่วมอบรมหลักสูตรระยะสั้น  2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน   หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม จัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้กับบุคคลภายนอกหรือผู้สนใจตามแผนที่วางไว้ จำนวนทั้งหมด 7 หลักสูตร ดังนี้    1. ยิงแอดปังด้วยเฟซบุ๊ก สร้างแบรนด์บน Tiktok รุ่นที่ 1 ในวันที่ 25-26 มิถุนายน 2565    2. ระเบิดยอดขาย ยกกำลังสองด้วย Google Ads x LINE OA รุ่นที่ 1 ในวันที่ 27-28 สิงหาคม 2565    3. Creative Ad Design & Content Course เปลี่ยนคุณให้เป็นนักออกแบบมืออาชีพได้ทันที รุ่นที่ 1 ในวันที่ 24-25 กันยายน 2565    4. ยิงแอดบน เฟซบุ๊ก x Tiktok PLUS ONLINE STRATEGY CANVAS รุ่นที่ 2 ในวันที่ 29-30 ตุลาคม 2565    5. นำเข้าและขายสินค้าจากประเทศจีน รุ่นที่ 1 ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565    6. ยิงแอดบนเฟซบุ๊ก x tiktok รุ่นที่ 3 ในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2566    7. ยิงแอดเข้มข้น เฟซบุ๊ก x Tiktok พร้อมเปิด Tiktok Shop รุ่นที่ 4 ในวันที่ 25 มีนาคม 2566 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่    จากแผนการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้กับบุคคลภายนอกหรือผู้สนใจ โดยได้วางแผนและใช้กลยุทธ์ทางด้านทางการตลาดออนไลน์ต่าง ๆ สามารถสรุปผลได้ดังนี้    1. ยิงแอดปังด้วยเฟซบุ๊ก สร้างแบรนด์บน Tiktok รุ่นที่ 1 มีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม 30 คน     2. ระเบิดยอดขาย ยกกำลังสองด้วย Google Ads x LINE OA รุ่นที่ 1 มีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม 35 คน    3. Creative Ad Design & Content Course เปลี่ยนคุณให้เป็นนักออกแบบมืออาชีพได้ทันที รุ่นที่ 1 มีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม 31 คน     4. ยิงแอดบน เฟซบุ๊ก x Tiktok PLUS ONLINE STRATEGY CANVAS รุ่นที่ 2 มีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม 36 คน     5. นำเข้าและขายสินค้าจากประเทศจีน รุ่นที่ 1 มีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม 33 คน     6. ยิงแอดบนเฟซบุ๊ก x tiktok รุ่นที่ 3 มีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม 37 คน     7. ยิงแอดเข้มข้น เฟซบุ๊ก x Tiktok พร้อมเปิด Tiktok Shop รุ่นที่ 4 มีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม 31 คน      ผลการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือ ไม่น้อยกว่า 6 ครั้งต่อปี และจำนวนผู้เข้าอบรม มากกว่า 30 คนต่อหลักสูตร ทั้งนี้ยังมีผู้อบรมหลักสูตรระยะสั้น ให้ความสนใจที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ในปีการศึกษา 2566 จำนวน 10 คน อีกด้วย  ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           1. ควรมีการวางแผนที่ดีเกี่ยวกับ “หลักสูตรที่จะจัดอบรม” ต้องตอบสนองความต้องการและน่าสนใจโดยนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในธุรกิจหรืองานที่ทำในปัจจุบันจึงจะตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น Tiktok Shop, Google Ads, Facebook Ads, Line OA, การนำเข้าและขายสินค้าจากประเทศจีน เป็นต้น         2. วิทยากรต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และถ่ายทอดความรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อให้ผู้อบรมได้รับความรู้ตรงตามที่คาดหวังไว้ และเมื่ออบรมเสร็จแล้วยังมีช่องทางติดต่อเพื่อให้ผู้อบรมสามารถสอบถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อไปทดลองทำได้ เพื่อสร้างความพึงพอใจและการบอกต่อสิ่งดี ๆ ที่ได้รับจากการเข้าอบรมหลักสูตรระยะสั้นนั้น ๆ          3. ควรกำหนดวัน-เวลาที่เหมาะสม เช่น ไม่ตรงกับวันหยุดยาว หรือวันสำคัญต่าง ๆ และไม่ควรจัดอบรมในเดือน เมษายน ของทุกปี          ดังนั้น ในปีการศึกษา 2566 หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม ได้วางแผนว่าจะจัดอบรบหลักสูตรระยะสั้นเดือนละ 1 ครั้ง คือ ไม่น้อยกว่า 12 ครั้งต่อปี มีจำนวนผู้เข้าอบรมไม่น้อยกว่า 30 คน

เทคนิคการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้น Read More »

ขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 2.5.2 ขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน ผู้จัดทำโครงการ​ นายวุฒิศักดิ์ อยู่จำนงค์ สำนักงานจริยธรรมการวิจัย หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​         จริยธรรมการวิจัยในคน ตามหลักการที่บัญญัติไว้ในรายงานเบลมองต์ (Belmont Report) ประกอบไปด้วยหลักสำคัญ 3 ประการ คือ1. หลักความเคารพในบุคคล (Respect for person) เป็นการเคารพในศักดิ์ศรีความคนของผู้เข้าร่วมโครงการวิจัย2. หลักคุณประโยชน์ (Benefit) ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการวิจัยกับผู้เข้าร่วมโครงการวิจัย ชุมชนหรือสังคมในภาพรวม3. หลักความยุติธรรม (Justice) การพิจารณาคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการวิจัยด้วยวิธีการที่เป็นธรรมไม่อคติรวมทั้งการกระจายผลประโยชน์และความเสี่ยงจากการดำเนินโครงการวิจัยอย่างเท่าเทียมกัน จากหลักการและเหตุผลดังที่กล่าวนั้นงานวิจัย งานสร้างสรรค์ และ/หรือนวัตกรรม จึงจำเป็นต้องขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน ในด้านศิลธรรม เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดได้ในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคน ไม่ว่าจะเป็นอันตรายทางกาย จิตใจ สถานะทางสังคม ฐานะทางการเงิน และอันตราจากกฎหมาย ทางด้านวิชาการ เป็นหลักฐานแนบ ในการส่งบทความตีพิมพ์ในวารสารชั้นนำ (สำหรับงานวิจัยที่เกี่ยวกับคน) เป็นหลักฐานแนบในการขอตำแหน่งวิชาการ (สำหรับงานวิจัยที่เกี่ยวกับคน) ตามประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ. 2564 ข้อที่ (6) หากผลงานทางวิชาการมีการใช้ข้อมูลการทำการวิจัยในคนหรือสัตว์ ผู้ขอจะต้องยื่นหลักฐานแสดงการอนุญาตจากคณะกรรมการจริยธรรมของสถาบันที่มีการดำเนินการ       ดังนั้นเพื่อการดำเนินการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ผลงานวิจัย งานสร้างสรรค์ และ/หรือนวัตกรรม ได้รับการรับรองจริยธรรมการวิจัยในคนอย่างถูกต้อง รวดเร็วทำให้ผลงานคุณภาพ สามารถเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ สำนักงานจริยธรรมการวิจัยจึงได้จัดทำ การจัดการความรู้ (KM) เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเรื่อง  “ขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน มหาวิทยาลัยรังสิต”  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) :ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University (https://hrd.rsu.ac.th/km/), ระเบียบวิธีดำเนินการมาตรฐาน (Standard Operating Procedures) มหาวิทยาลัยรังสิตความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน มหาวิทยาลัยรังสิต มีขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้             1. ขั้นเตรียมเอกสารเพื่อขอรับรอง และส่งเอกสารของรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน 2. ขั้นตอนการพิจารณาประเภทของโครงการ และส่งกรรมการประเมินโครงการ 3. ขั้อตอนการพิจารณาโดยกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน 4. ขั้นตอนการส่งผลการพิจารณาให้นักวิจัย และแก้ไขตามผลการพิจารณาจากผู้ประเมิน 5. ขั้นตอนการออกหนังสือรับรอง และติดตามผลหลังจากการได้รับหนังสือรับรอง    1. ขั้นเตรียมเอกสารเพื่อขอรับรอง และส่งเอกสารของรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน       ขั้นตอนเตรียมเอกสารเพื่อขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน โดยจัดเตรียมเอกสาร ดังต่อไปนี้ จัดส่งเอกสารต้นฉบับ (Hard copy) จำนวน 1 ชุด และสำเนา 1 ชุด มาที่สำนักงานจริยธรรมการวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต และแนบไฟล์ Word & PDF ทั้งหมดส่ง Email: rsuethics@rsu.ac.th โดยระบุชื่อโครงการวิจัย และรายละเอียดขอให้ส่งทั้งเอกสารและรายละเอียดของผู้จัดส่ง (ชื่อ-นามสกุล , ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้, E-Mail สำหรับติดต่อกลับ)สำนักงานจริยธรรมการวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต ห้อง 504 ชั้น 5 อาคารอาทิตย์อุไรรัตน์ติดต่อประสานงาน :  นายวุฒิศักดิ์ อยู่จำนงค์ รองผู้อำนวยการสำนักงานจริยธรรมการวิจัย                                    เลขานุการคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนT. 02 791 5728 / 086 890 6621E-mail: rsuethics@rsu.ac.th   2. ขั้นตอนการพิจารณาประเภทของโครงการ และส่งกรรมการประเมินโครงการ       การขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน และส่งกรรมการประเมินโครงการ มหาวิทยาลัยรังสิต แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้       2.1 Exemption process โครงการวิจัยในคนที่มีความเสี่ยงทางด้านจริยธรรมการวิจัยในคนอยู่ในระดับที่ไม่มีความเสี่ยงถึงความเสี่ยงต่ำมาก ประธานฯ/รองประธานฯ พิจารณาส่งโครงการวิจัยให้กรรมการ 1 คน ระยะเวลาในการพิจารณา 7 วันทำการ      2.2 Expedited process โครงการวิจัยในคนที่มีความเสี่ยงทางด้านจริยธรรมการวิจัยในคนอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงต่ำถึงความเสี่ยงปานกลาง ประธานฯ/รองประธานฯ พิจารณาส่งโครงการวิจัยให้กรรมการ จำนวน 2 คน ระยะเวลาในการพิจารณา 10 วันทำการ      2.3 Full board process โครงการวิจัยในคนที่มีความเสี่ยงทางด้านจริยธรรมการวิจัยในคนอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงถึงความเสี่ยงสูง ประธานฯ/รองประธานฯ พิจารณาส่งโครงการวิจัยให้กรรม 2 คน ระยะเวลาในการพิจารณา 14 วันทำการจัดประชุมพิจารณาเดือนละ 1 ครั้ง โดยต้องมีกรรมการภายนอก อย่างน้อย 1 คน และ Lay person อย่างน้อย 1 คน   3. ขั้นตอนการพิจารณาโดยกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน       กรรมการผู้ประเมินต้องเขียนอธิบายรายละเอียดการประเมินตามหัวข้อต่างให้ครบถ้วน โดยต้องเขียนอธิบายการประเมินในแต่ละหัวข้ออย่างละเอียด (ไม่ควรเขียนเพียง ดี ดีมาก เพียงพอ เป็นต้น) และต้องลงนามกำกับการประเมิน โดยมีประเด็นที่พิจารณา ดังนี้       1. ผู้วิจัยมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการทำโครงการวิจัย       2. ผู้วิจัยชี้แจงเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest; COI) ชัดเจน       3. ผู้เข้าร่วมวิจัย (Participants) ว่าอยู่ในกลุ่มใด และนักวิจัยปกป้องสิทธิของผู้เข้าร่วมวิจัยชัดเจน       4. การออกแบบการทดลอง ระเบียบวิธีวิจัยที่ถูกต้อง เหมาะสม       5. โครงงานวิจัยมีความเสี่ยงอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร เหมาะสมที่จะทำวิจัยหรือไม่อย่างไร กรณีที่มีความเสี่ยงมีการระบุการรักษา ดูแล กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยหรือไม่       6. Inform Consent มีความถูกต้องหรือไม่ อย่างไร       7. การปกปิดความลับให้ผู้เข้าร่วมวิจัย เหมาะสม หรือไม่อย่างไร       8. เนื้อความและภาษาที่ใช้ใน Inform Consent เหมาะสมหรือไม่อย่างไร       9. ผู้เข้าร่วมงานวิจัยมีอิสระ เพียงพอในการเข้าร่วมโครงการ หรือไม่อย่างไร      10. มีการแนบ Consent/Assent forms       11. มีการชดเชยการเสียเวลาของผู้เข้าร่วมวิจัยอย่างเหมาะสม หรือไม่       12. มีการระบุวิธีการเข้าถึงผู้เข้าร่วมวิจัยและวิธีการได้รับ Inform Consent forms    4. ขั้นตอนการส่งผลการพิจารณาให้นักวิจัย และแก้ไขตามผลการพิจารณาจากผู้ประเมิน       เมื่อกรรมการประเมินผลส่งกลับมาที่สำนักฯ แล้ว เลขานุกรรมกรรมการจะเป็นผู้รวบรวมข้อมูล และสรุปส่งให้นักวิจัยทาง Email โดยให้นักวิจัยมีเวลาการแก้ไข ประมาณ 14 วันมีผลการประเมิน 4 ประเภทดังนี้    รับรอง    รับรองหลังจากปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้ว    ปรับปรุงแก้ไข และนำเข้าพิจารณาใหม่    ไม่รับรอง        เมื่อนักวิจัยได้รับผลการประเมินแล้ว จะต้องดำเนินการแก้ไขให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาโดยนักวิจัยต้องแก้ไขทุกประเด็นที่ผู้ประเมินเสนอแนะมา โดยปรับแก้ไขโครงการวิจัยตามรูปแบบ ดังนี้       1. ขอให้ท่านจัดทำบันทึกข้อความซึ่งมีการระบุรหัสโครงการวิจัยและชื่อเรื่องพร้อมระบุรายละเอียดการปรับแก้ไขโครงการวิจัยลงในตารางข้างล่างนี้ และขอให้หัวหน้าโครงการวิจัยลงนามทั้งในบันทึกข้อความและในแบบเสนอโครงการวิจัยฯ หน้าสุดท้าย       2. ขอให้ท่านทำ highlight หรือขีดเส้นใต้ในเอกสารที่ปรับแก้ไขแล้วมาด้วย จำนวน 1 ชุด พร้อมแนบสำเนาเอกสารอีก จำนวน 1 ชุด ซึ่งไม่มีการ highlight เพื่อจะได้ประทับตราสำนักงานคณะกรรมการจริยธรรมฯ ให้ท่านนำไปดำเนินการวิจัยต่อไป (รวมทั้งหมด 2 ชุด)   5. ขั้นตอนการออกหนังสือรับรอง และติดตามผลหลังจากการได้รับหนังสือรับรอง       เมื่อแก้ไขตามผลการประเมิน และประธานฯ / รองประธานฯ พิจารณาความถูกต้อง และออกหนังสือรับรอง 2 แบบ ดังนี้       1. เอกสารรับรองโครงการวิจัย (Certificate of Approval) สำหรับโครงการวิจัยประเภท Expedited Review หรือ Full Board Review       2. เอกสารยืนยันการยกเว้นการรับรอง (Documentary Proof of Exemption) สำหรับโครงการวิจัยประเภท Exemption Review       การติดตามผลหลังจากได้รับหนังสือรับรองแล้ว หรือ การรายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัย (Progress Report) ผู้วิจัยจะต้องรายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัยเกี่ยวกับจำนวนผู้เข้าร่วมวิจัยและการถอนตัวออกจากโครงการวิจัยปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการวิจัยและเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กำหนดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือมากกว่าขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของโครงการวิจัยเพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามโครงการวิจัยและต่ออายุการรับรอง (หากจำเป็น) เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใน ICH-GCP ข้อ3.1.4 ที่ระบุว่า ERB/IEC ควรพิจารณาทบทวนการวิจัยที่ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะตามความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงต่ออาสาสมัครอย่างน้อยปีละครั้ง       เพื่อให้ขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในแต่ละปีจะมีการจัดฝึกอบรมให้นักวิจัย เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนได้ถูกต้องตามหลักการขอรับรอง โดยจัดฝึกอบรม หัวข้อ “เทคนิคการกรอกแบบฟอร์มเพื่อยื่นขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน”   2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    ผลการดำเนินการ โดยนำไปใช้ และการลงมือปฏิบัติจริง ทั้ง 5 ขั้นตอน 1. ขั้นเตรียมเอกสารเพื่อขอรับรอง และส่งเอกสารของรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน 2. ขั้นตอนการพิจารณาประเภทของโครงการ และส่งกรรมการประเมินโครงการ 3. ขั้อตอนการพิจารณาโดยกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน 4. ขั้นตอนการส่งผลการพิจารณาให้นักวิจัย และแก้ไขตามผลการพิจารณาจากผู้ประเมิน และ 5. ขั้นตอนการออกหนังสือรับรอง และติดตามผลหลังจากการได้รับหนังสือรับรอง     ส่งผลให้เกิดอุปสรรค และปัญหาในการทำงานอยู่บ้าง เช่น ขั้นเตรียมเอกสารเพื่อขอรับรอง และส่งเอกสารของรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน เนื่องจากเอกสารแบบฟอร์มต่างๆ มีเยอะทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดทำเอกสาร และการจัดส่งเอกสารจะต้องส่งทั้งไฟล์เอกสาร และเอกสารต้นฉบับตัวจริง จึงจะสามารถดำเนินการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคนต่อไปได้ และการติดต่อสื่อสารกันระหว่างคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน กับนักวิจัย ซึ่งเวลาอาจจะไม่ตรงกันจึงทำให้การติดต่อสื่อสารต้องติดต่อกันหลายๆ ช่องทางทั้งท่าง Email / Line / โทรศัพท์ ในเวลานอกราชการ เป็นต้น      เพื่อให้การดำเนินการตามขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคนมีประสิทธิภาพ และเป็นการกำจัดอุปสรรคหรือปัญหาในการดำเนินงานขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในค คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย ในคนจึงมีการจัดฝึกอบรมให้นักวิจัย หัวข้อ “เทคนิคการกรอกแบบฟอร์มเพื่อยื่นขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน” เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนได้ถูกต้องตามหลักการขอรับรองและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่    จากผลการดำเนินการ สรุปได้ว่า ขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน มหาวิทยาลัยรังสิต 5 ขั้นตอน และการจัดฝึกอบรมให้นักวิจัย ดังเสนอมานั้น ส่งผลให้นักวิจัยขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน ได้อย่างมีความเข้าใจในการขอรับรองและเกิดรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งคณะกรรมการฯ และนักวิจัย สามารถดำเนินการตามหน้าที่ของต้นเองได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้งานวิจัยที่เกียวข้องกับคนมีประสิทธิภาพ สามารถเผยแพร่ได้ทั้งในระดับชาติ และนานาชาติได้     การจัดทำการจัดการความรู้ (KM) ในหัวข้อ “ขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน มหาวิทยาลัยรังสิต” ทำให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง จากข้อเสนอแนะจากนักวิจัย กรรมการฯ มาจัดทำเป็นขั้นตอนในการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคนที่เข้าใจง่าย ปฏิบัติได้จริงถูกต้องตามหลักการของรับรองจริยธรรมการวิจัยในคนทุกประการ  ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice          การขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการผลงานวิจัย งานสร้างสรรค์ และ/หรือนวัตกรรม จึงจำเป็นต้องจัดอบรมขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน มหาวิทยาลัยรังสิต โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1 . อาจารย์ นักวิจัย 2. นักศึกษา ที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกันคน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้สามารถขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคนได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และผลงานดังกล่าวสามารถเผยแพร่ได้ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ

ขั้นตอนการขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในคน Read More »

ทุนวิจัยภายนอกสายศิลปะ

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 2.1.3, KR 2.2.1, KR 2.2.2, KR 2.3.1 ทุนวิจัยภายนอกสายศิลปะ ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ธรรมศักดิ์ เอื้อรักสกุล คณะดิจิทัลอาร์ต หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​          การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไปตามเทคโนโลยี ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีการติดต่อเชื่อมโยงกันมากขึ้น เรียกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างรวดเร็วชนิดทวีคูณจนยากจะคาดการณ์ได้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น การศึกษาในยุคนี้จำเป็นต้องมีการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วคราวหากแต่ต้องมีการดำเนินการให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ดังเช่น วิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 อันส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนของทุกสถาบันการศึกษาทั่วโลกจนต้องทำให้มีการปรับตัวคือ ได้มีการนำการเรียนการสอนแบบออนไลน์เข้ามาใช้อย่างจริงจัง สถานศึกษาหลายแห่งแม้ยังไม่เคยใช้ต่างพยามดำเนินการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบทั้งห้องเรียนการศึกษาทั่วไปและห้องเรียนการศึกษาพิเศษ สื่อการสอนด้านศิลปะส่วนใหญ่ส่งเสริมเป็นการสอนสำหรับเด็กปกติ ขณะที่เด็กพิการและผู้ด้อยโอกาสจำนวนมากยังขาดสื่อการเรียนรู้ด้านศิลปะ จากปัญหาและความสำคัญดังกล่าว การออกแบบสื่อการสอนออนไลน์และการผลิตสื่อการสอนแอนิเมชันเพื่อพัฒนาทักษะสำหรับเด็กพิการและด้อยโอกาส จึงนับเป็นการส่งเสริมให้ประชากรทุกคนควรได้รับการสนับสนุนทางการศึกษา “การศึกษาไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” (ครูกัลยา. ๒๕๖๓)        ที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อปรับปรุงคุณภาพหลายครั้ง แต่ยังมีสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการพัฒนาต่อไปคือ การเสริมสร้างพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นให้ได้ผลดังที่ควรจะเป็น เพราะทุกความสำเร็จจะเกิดผลได้หากมีพื้นฐานที่ชำนาญมั่นคง การศึกษาในยุคนี้ได้มีนักวิชาการหลายท่านให้ความเห็นร่วมกันว่า ต้องสามารถสร้างและพัฒนาคนให้มีทักษะหลายด้าน มีความพร้อมที่จะเผชิญต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีปกติสุข        “เป้าหมายการศึกษาควรกว้างกว่าเพื่อการทำมาหากิน” การศึกษามักจะเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความรู้ทักษะทำงานหาเงินมาบริโภค การจัดการศึกษาซึ่งเป็นการลงทุนพัฒนาคนที่สำคัญที่สุด ควรมีเป้าพัฒนาพลเมืองให้ฉลาดทางปัญญา ทางอารมณ์ และสังคม เป็นทั้งคนมีความสุข ความพอใจ และเป็นพลเมืองที่ดีมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่มีเป้าแคบๆ แค่ให้เก่งในแง่ทำงานที่ประสบความสำเร็จมาก มีรายได้สูง แต่อาจเป็นคนเห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม ไม่มีความสุข ความพอใจอย่างแท้จริง และไม่ได้ช่วยสร้างให้สังคมดีขึ้นด้วย (รศ.วิทยากร เชียงกูร. ๒๕๖๒. กรุงเทพธุรกิจ.)  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : โครงการวิจัยความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   1. เสนอรับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ สำนักงานบริหารงานการศึกษาพิเศษ กระทรวงศึกษาธิการ   2. เสนอแผน/กิจกรรมการทำงาน ส่วนงานผลิตสื่อการสอนศิลปะ สื่อเเอนิเมชันเสริมทักษะศิลปะ สื่อเสมือนจริง    3. จัดกิจกรรมภาคสนามด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล/สื่อเสมือนจริงในรูปชุดแบบเรียนวาดระบายสี AR Painting กลุ่มเป้าหมายโรงเรียนที่มีห้องเรียนการศึกษาพิเศษจำนวน 10 แห่ง   4. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทางศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ RSU Cyber    5. ดำเนินงานผ่านสถาบันวิจัย มรส.   2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    การดำเนินการ / การนำไปใช้– จัดทำสื่อการสอนศิลปะ สื่อแอนิเมชัน ชุดแบบเรียนวาดระบายสีสื่อเสมือนจริง พร้อมแอปพลิเคชัน– จัดส่งมอบครุภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ให้สถานศึกษาจำนวน 10 แห่ง– จัดกิจกรรมภาคสนาม การสอนศิลปะสำหรับเด็กพิเศษ อุปสรรตและปัญหาในการทำงาน    1. ระยะเวลาในการดำเนินงานยังคงเป็นช่วงที่สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ยังมีความรุนแรง หน่วยงานในมรส.ส่วนใหญ่ปิดทำการ ทำให้การติดต่อ เกี่ยวกับเอกสาร การเบิกจ่ายมีความล่าช้า    2. คณะทำงานบางท่านตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 ต้องเข้ารับการรักษาตัวทำให้การดำเนินงานส่วนผลิตสื่อแอนิเมชันเกิดความล่าช้า และต้องแก้ไขหลายครั้ง    3. เนื่องจากเป็นช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 การติดต่อโรงเรียนในกลุ่มเป้าหมายเป็นไปด้วยความลำบาก และไม่สามารถจัดกิจกรรมภาคสนามตามกรอบระยะเวลาเดิมได้ ทำให้ต้องเลื่อนระยะเวลาใหม่    4. เนื่องจากเป็นทุนวิจัยแรกของมรส. ที่ได้รับจากแหล่งทุนนี้ ซึ่งมีข้อระเบียบปฏิบัติไม่เหมือนกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น การเบิกจ่าย แหล่งทุนโอนเงินเข้าบัญชีโครงการ และต้องการให้ มรส.ออกใบเสร็จรับเงิน ซึ่งมรส.ไม่สามารถออกใบเสร็จได้เนื่องจากเงินไม่ได้โอนเข้าบัญชีของมรส. ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากสถาบันวิจัยและสำนักงานฝ่ายการเงิน ให้เจ้าของโครงการโอนเงินเข้าบัญชีมรส.เพื่อให้มรส.ออกใบเสร็จ และมรส.จะดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้ทางโครงการ (ซึ่งมีความล่าช้ามาก และตรงกับช่วงที่มรส.ปิดทำการ) 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่    1. การจัดการเรียนการสอนศิลปะโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอาร์ต สื่อเสมือนจริงไปช่วยจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กพิเศษในระดับชั้นประถมศึกษา    2. ผลงานสื่อการสอนของโครงการได้รับการตอบรับในระดับดีมากจากกลุ่มเป้าหมาย     3. ประสบการณ์การดำเนินการติดต่อ/การนำเสนองานด้านการศึกษาพิเศษ ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice            1. งานวิจัยที่สนับสนุนด้านการศึกษาพิเศษยังมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับการศึกษาทั่วไป         2. จุดเด่นของโครงการคือเน้นไปใช้จริงในห้องเรียนการศึกษาพิเศษ          3. ได้รับผลสัมฤทธิ์เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้          4. ได้รับคำชมเชยจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากแหล่งทุน ดูรูปภาพ/กิจกรรมเพิ่มเติมที่นี่

ทุนวิจัยภายนอกสายศิลปะ Read More »

สร้างนวัตกรรมงานวิจัย (Innovative Research and Development)

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 2.2.1 สร้างนวัตกรรมงานวิจัย (Innovative Research and Development) ผู้จัดทำโครงการ​ อ.กัญจนพร โตชัยกุล ผศ.ดร นัฐพงษ์ มูลคำ คณะรังสีเทคนิค หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ แนวทางการสร้างนวัตกรรมวิจัยและขออนุสิทธิบัตร (นวัตกรรมทางด้านวัสดุป้องกันรังสี)         อุปกรณ์กันรังสีที่มีจำหน่ายในท้องตลาด เป็นวัสดุที่ผลิตจากตะกั่วและมี Density ที่สูง ทำให้มีคุณสมบัติในการป้องกันรังสี มักใช้ในห้อง General X-ray, CT Scan, Cath Lab, X-ray C-arm, Operation Room หรือใช้ประกอบกับประตูกันรังสี ฉากกันรังสีภายในห้อง ตลอดจนฉากเลื่อนกันรังสีต่างๆ แต่เนื่องจากด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงและตะกั่วมีความเป็นพิษ จึงต้องการศึกษาคุณสมบัติของส่วนผสมสารทึบรังสีที่มีไอโอดีนเป็นองค์ประกอบ (Iodine contrast media) และ epoxy resin ที่สามารถขึ้นรูปได้อย่างอิสระ รวมถึงศึกษาคุณสมบัติการในการดูดกลืนรังสีและพัฒนาไปสู่วัสดุที่ช่วยป้องกันรังสี          โดยสารทึบรังสีหมายถึงสารที่ใช้ในการตรวจทางรังสีวิทยาเพื่อให้เกิดความแตกต่างในการดูดกลืนรังสีระหว่างอวัยวะที่ต้องการตรวจกับอวัยวะหรือโครงสร้างอื่นที่อยู่ใกล้เคียง และสารทึบรังสีที่ใช้กันทางรังสีวินิจฉัยเป็นสารทึบรังสีที่มีไอโอดีนเป็นส่วนประกอบ มีคุณสมบัติในการดูดกลืนรังสี ซึ่งสามารถนำไปผสมในส่วนประกอบต่างๆ เพื่อขึ้นรูปสำหรับเป็นอุปกรณ์ป้องกันรังสี โดยเฉพาะผสมกับ epoxy resin ที่มีคุณสมบัติขึ้นรูปง่ายและส่วนผสมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นวัสดุกันรังสีดังกล่าวจะสามารถป้องกันรังสีในระดับพลังงานต่ำได้ และมีข้อดีในการลดค่าใช้จ่ายในการผลิต น้ำหนักเบา ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสามารถประยุกต์ขึ้นรูปในการสร้างเป็นอุปกรณ์ป้องกันรังสีในส่วนต่างๆของร่างกายได้ และผลลัพธ์สุดท้ายจะสามารถนำไปจดขออนุสิทธิบัตรที่ว่าด้วย เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีไม่สูงมาก หรือเป็นการประดิษฐ์คิดค้นเพียงเล็กน้อยและมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : –ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   1) อาจารย์ภายในคณะร่วมกันวางแผนดำเนินการต่างๆ สำหรับการแนวทางการเขียนขอทุนนวัตกรรมและสร้างผลงานนวัตกรรมที่สอดคล้องกับวิชาชีพรังสีเทคนิค   2) อาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เตรียมสร้างผลงานนวัตกรรมรวมถึงขออนุสิทธิบัตร   3) เริ่มเตรียมบทความฉบับสมบูรณ์ (manuscripts) สำหรับส่งตีพิมพ์บทความ   4) อาจารย์ที่ได้รับการตีพิมพ์บทความและได้เลขอนุสิทธิบัติ จะมีการเปิดโอกาสให้อาจารย์ภายในคณะสามารถอภิปราย แลกเปลี่ยน ซักถาม ได้ 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงานประโยชน์ต่อบุคลากร    1) เพื่อให้เป็นแนวทางการสร้างนวัตกรรมวิจัยและขออนุสิทธิบัตร    2) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาผลงานทางวิชาการในรูปแบบต่างที่หลากหลายประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย    1) คณาจารย์คณะรังสีเทคนิคมีคุณภาพและสามารถพัฒนาผลงานทางวิชาการในรูปแบบนวัตกรรมวิจัย ร่วมถึงยกระดับคุณภาพมหาวิทยาลัยรังสิตให้เป็นที่รู้จักกว้างขว้างมากขึ้น    2) คณาจารย์คณะรังสีเทคนิคมีความรู้ด้านงานวิจัย และสอดคล้องกับแนวคิดงานวิจัยของมหาวิทยาลัย  3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่    การพาณิชย์: องค์ความรู้และเทคโนโลยีนี้ก่อให้เกิดการสร้างนวัตกรรมทางอุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวกับการป้องกันอันตรายจากรังสี ทำให้เกิดต้นแบบผลิตภัณฑ์ (Prototype) ในทางพาณิชย์ รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนหรือหน่วยงานร่วมดำเนินการวิจัย    ภายในมหาวิทยาลัย: ความรู้เกี่ยวกับวัสดุป้องกันรังสีชนิดที่ปราศจากตะกั่ว ทำให้ได้วัสดุที่ผลิตจากสารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถป้องกันรังสีได้เทียบเท่าตะกั่ว ซึ่งนำไปสู่นวัตกรรมการสร้างวัสดุกันรังสีภายในประเทศและองค์ความรู้สามารถต่อยอดในงานวิจัยได้หลายด้านและสามารถตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับ ความรู้ทาง radiation protection ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice          ประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยและคณะรังสีเทคนิคในทางด้านวิชาการ: ความรู้เกี่ยวกับวัสดุป้องกันรังสีชนิดที่ปราศจากตะกั่ว ผลการศึกษาจะทำได้ได้วัสดุที่ผลิตจากสารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถป้องกันรังสีได้เทียบเท่าตะกั่ว ซึ่งนำไปสู่นวัตกรรมการสร้างวัสดุกันรังสีภายในประเทศและองค์ความรู้สามารถต่อยอดในงานวิจัยได้หลายด้าน และสามารถตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารที่เกี่ยวข้องกับ ความรู้ทาง radiation protection         ประโยชน์ในนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม: วัสดุป้องกันรังสีดังกล่าวเป็นชนิดที่ปราศจากตะกั่ว ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงการสร้างแนวคิดทางนวัตกรรม เพื่อพัฒนาไปใช้ในระดับคลินิกและเพิ่มประสิทธิภาพของนวัตกรรมของไทย โดยกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ได้แก่ ทีมผู้วิจัย, ภาคเอกชน, สหวิชาชีพที่อยู่ในสาขารังสีวิทยา รวมถึงสถานที่มีการใช้อุปกรณ์กันรังสี ดูรูปภาพ/กิจกรรมเพิ่มเติมที่นี่

สร้างนวัตกรรมงานวิจัย (Innovative Research and Development) Read More »

“คนต่างรุ่นในสังคมสูงวัย” สู่งานวิจัยกระดาษสาผักตบชวา

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 2.3.2 “คนต่างรุ่นในสังคมสูงวัย” สู่งานวิจัยกระดาษสาผักตบชวา ผู้จัดทำโครงการ​ ดร.เริงศักดิ์ แก้วเพ็ชร นางสาวกัญญ์กานต์ กุญโคจร นางสาวชวัลรัศมิ์ จตุเทน นายกิตติธัช ช้างทอง สถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม ฝ่ายพัฒนาสังคมศิลปวัฒนธรรมและสิทธิประโยชน์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​          มหาวิทยาลัยรังสิตจัดตั้งรายวิชาเรียน RSU184 คนต่างรุ่นในสังคมสูงวัย ทางสถาบันศิลปวัฒนธรรม และพัฒนาสังคม ร่วมกับสถาบัน GEN.ED. มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยรังสิต โดยมุ่งเน้นให้นักศึกษาเรียนรู้การเตรียมตัวสำหรับคนต่างรุ่น ในการเข้าสู่วัยสูงอายุ และสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ของประเทศไทย และสังคมโลก เข้าใจแนวคิดสูงวัยเชิงรุก (Active Aging) ซึ่งเป็นกรอบแนวนโยบายที่สร้างโดยองค์การอนามัยโลก ที่มุ่งเน้นในด้านสุขภาพกายและจิตที่ดี การมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและครอบครัว และการมีส่วนร่วมในสังคมเพื่อให้ผู้สูงอายุและคนต่างรุ่นได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคมสูงวัยและสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในอนาคต พร้อมมีพื้นฐานในการเตรียมตัวทำธุรกิจ การเป็นผู้ประกอบการ มุ่งเน้นให้เกิดความรู้ ความเข้าใจด้านกระบวนการคิด วิเคราะห์ การออกแบบธุรกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์ สามารถเชื่อมโยงประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม นำไปประกอบการใช้งานได้จริง และมีเข้าใจในปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและสามารถมีการจัดการการวางแผนอย่างเป็นระบบได้ดี แม้ท่ามกลางกระแสขอความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมแย่ลง รวมทั้งปัญหาโรคระบาดโควิค 19 โดยภาครัฐบาล มีมาตรการควบคุมการระบาดทั้งมาตรการปิดเมือง มาตรการรักษาระยะห่าง และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซายาวนาน ผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยรวมไปถึงพ่อค้ารายเล็กรายน้อยประเภทหาบเร่แผงลอยต้องเลิกขาย เนื่องจากขายไม่ได้เหตุเพราะกำลังซื้อไม่มี และส่วนหนึ่งต้องเลิกกิจการไปส่งผลกระทบหนักต่อกลุ่มคนเปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่ขาดทักษะและผู้มีรายได้น้อย ขาดเงินออม มีภาระหนี้สูง จึงทำให้คนกลุ่มนี้ซึ่งโดยปกติมีรายได้น้อยอยู่แล้วก็ขาดรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงวิธีการรับมือกับวิกฤติและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงมากกว่ากลุ่มอื่นๆ และไม่มีความพร้อมในด้านเทคโนโลยี         ผลการสำรวจจำนวนคนจนในปทุมธานี “คนจนเป้าหมาย” ในปทุมธานี คือ คนจนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคนที่ได้รับการสำรวจว่าจน (survey-based) จาก ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และยังมาลงทะเบียนว่าจนอีกด้วย (register-based) จากข้อมูลผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงการคลัง สำหรับข้อมูลปี 2565 เป็นการบูรณาการข้อมูลระหว่าง จปฐ 2564 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 จะพบว่า ความยากจนสามารถวัดได้ 5 มิติ ความยากจนสามารถวัดได้จากดัชนีความยากจนหลายมิติ หรือ ดัชนี MPI (Multidimensional Poverty Index) ที่พิจารณาจาก 5 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และด้านการเข้าถึงบริการรัฐ ซึ่งจะพบว่า ปัญหาของชุมชนตำบลหลักหก ยังคงเป็นเรื่องสุขภาพ และรายได้ คณะทำงานเร่งเห็นในการสร้างเสริม อาชีพ รายได้ ให้แก่ชุมชน โดยเริ่มจากชุมชนหลักหก จากการสำรวจปัญหา และวัตถุดิบรอบๆ ชุมชน คณะทำงานนักศึกษา มีความสนใจในกลุ่มชุมชนหลักหก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่รอบมหาวิทยาลัยรังสิต ปัญหาส่วนหนึ่งที่ค้นพบคือ ผักตบชวาในลำคลองของชุมชนตำบลหลักหกมีเป็นจำนวนมาก จนทำให้น้ำเกิดปัญหา น้ำเน่าเสีย มลภาวะทางอากาศ ชาวบ้านสูดดมเข้าไปทุก ๆ วัน ทำให้มีปัญหาในระบบการหายใจได้ คณะทำงานนักศึกษาจึงมุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤติครั้งนี้ ฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ส่งเสริม อาชีพ รายได้ การกระจายโอกาสให้กับชุมชนหลักหก ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงด้านอาชญากรรมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งการทำกระดาษสาจากผักตบชวาปลอดสารเคมี สีธรรมชาติ เพื่อใช้ในงานประดิษฐ์ ตกแต่งและงานฝีมือ จากการทำกระดาษสาผักตบชวาปลอดสารเคมีที่มีคุณภาพต่องานประดิษฐ์ มีความเหนียว ขนาดไม่บางหรือหนามาก เนื่องจากการขึ้นรูปเป็นดอกไม้ในการประดิษฐ์ จะต้องมีความเหนียว และขนาดพอดี ต่อยอดมาเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่สามารถสร้างรายได้ และสร้างแนวคิดเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสร้างสุขภาวะ สามารถดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤติครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นทิศทางของการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ของแต่ละท้องถิ่นให้มีคุณภาพและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : รายวิชา RSU184 คนต่างรุ่นในสังคมสูงวัยความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   1. ทีมอาจารย์ผู้สอนและนักศึกษาร่วมระดมความคิดดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับเป้าประสงค์ของรายวิชาเรียนและให้สามารถเป็นโครงการที่ใช้งานได้จริง เกิดผลสัมฤทธิ์ระยะยาว จึงเริ่มต้นศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นจากรอบข้าง จึงได้เล็งเห็นปัญหาของชุมชนที่อยู่โดยรอบมหาวิทยาลัยรังสิต คือ ชุมชนหลักหก ได้เกิดปัญหา ผักตบชวาล้นคลอง ตามบทนำที่กล่าวไว้ข้างต้น การดำเนินงานของกลุ่มนักศึกษาได้เริ่มปรึกษาหารือเรื่องการจัดหาแกนนำชุมชนหลักหก โดยแกนนำนักศึกษาต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง แกนนำชุมชนหลักหกมีคุณสมบัติเบื้องต้นอย่างไรบ้าง คณะทำงานนักศึกษาได้กำหนดคุณสมบัติดังนี้ แกนนำนักศึกษาและแกนนำชุมชนหลักหก ต้องมีคุณสมบัติพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ดี และสามารถทำงานกับแกนนำของชุมชนได้ และต้องพร้อมที่จะเสืยสละเวลาทำเพื่อสังคมส่วนร่วมให้เกิดผลดีต่อชุมชนเป้าหมายได้อย่างสำเร็จ    2. จัดตั้งกลุ่มแกนนำ นำทีมนักศึกษา และกลุ่มแกนนำชุมชนหลักหกคณะทำงานนักศึกษาปรึกษาหารือเรื่องการคัดเลือกแกนนำนักศึกษา และแกนนำชุมชนหลักหก เพื่อที่จะดำเนินโครงการต่อเนื่อง    3. ลงพื้นที่ศึกษาปัญหาจากผักตบชวาร่วมกันระหว่างคณะทำงานกับชุมชน จากนั้นอาจารย์ผู้สอนและนักศึกษานำปัญหามาวิเคราะห์ว่าอยากจะทำอะไร แก้ไขปัญหานี้อย่างไร จึงได้เกิดเป็นแนวคิด “กระดาษสาจากผักตบชวา” เนื่องจากกระดาษสาเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ง่าย และมีต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำ หาได้ง่าย และยังสามารถต่อยอดจากกระดาษสาได้หลากหลาย    4. เริ่มประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับนักศึกษาและชุมชนหลักหกให้เป็นวงกว้างในมหาวิทยาลัยรังสิต คณะทำงานลงมติในการจัดทำโปสเตอร์ เพื่อเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับนักศึกษาและชุมชนหลักหก โดยการจัดหาคนในวิชาเรียนออกแบบโปสเตอร์เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแกนนำนักศึกษาและแกนนำชุมชนหลักหก    5. คณะทำงานกลุ่มนักศึกษากำหนดบทบาทหน้าที่ของกลุ่มแกนนำนักศึกษาและแกนนำชุมชนหลักหก มีการพูดคุยถึงความถนัดของแต่ละแกนนำนักศึกษาและแกนนำชุมชนหลักหก ความพร้อม ความสนใจในการดำเนินโครงการ และตอบข้อซักถามและทำการทดสอบในการทำกระดาษสาผักตบชวาของกลุ่มแกนนำทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อวางกรอบการทำงาน ออกแบบกิจกรรมร่วมกับ    6. คณะทำงานกลุ่มนักศึกษาและแกนนำชุมชนหลักหก ร่วมศึกษาดูงานขั้นตอนการจัดทำกระดาษสาผักตบชวา พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างแกนนำนักศึกษา แกนนำชุมชน ณ ศูนย์ฝึกอาชีพมีชีวิต กศน. ต.หนองน้ำใจ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำมาทดลองทำกระดาษสาผักตบชวา และทำการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนหลักหกต่อไป    7. คณะทำงานกลุ่มนักศึกษา เข้ารับการการอบรมการให้องค์ความรู้ในด้านที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ระหว่างนักศึกษาและแกนนำชุมชนเบื้องต้น เพื่อนำมาปฏิบัติและถ่ายทอดต่อให้แก่ชุมชน โดยการอบรมการต่อยอดงานประดิษฐ์จากกระดาษสาผักตบชวา ให้เป็นดอกไม้ที่สวยงาม และมีความเป็นธรรมชาติปลอดสารพิษ พร้อมทั้งอบรมการจัดทำแผนธุรกิจเบื้องต้น ในการคำนวนหาต้นทุนของวัตถุดิบ อาทิ อุปกรณ์ที่จัดทำกระดาษสาผักตบชวา ค่าแรงต่างๆ จากการอบรม เรื่องการประดิษฐ์ดอกไม้จากกระดาษสาผักตบชวา กลุ่มแกนนำนักศึกษาและแกนนำชุมชนหลักหก    8. จัดทำกระดาษสาผักตบชวา หัวหน้าโครงการทำการชี้แจงการจัดทำกระดาษสาผักตบชวา โดยอธิบายถึงขั้นตอนการทำกระดาษสาผักตบชวา รวมถึงการแบ่งหน้าที่การดำเนินงานตามขั้นตอนการจัดทำกระดาษสาผักตบชวาร่วมกัน คณะทำงานนักศึกษา แกนนำชุมชน ชี้แจงขั้นตอนการทำกระดาษสาผักตบชวาให้ทุกคนได้รับทราบขบวนการแล้วนั้น ได้ทำการแบ่งหน้าที่ และลงมือทำ   9. การขึ้นรูปกระดาษสาจากผักตบชวาสำเร็จไปได้ด้วยดี ผลเป็นที่นักศึกษาและแกนนำชุมชนตั้งเป้าหมายไว้ เมื่อได้รูปร่างของกระดาษสาจากผักตบชวาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจารย์ผู้สอนและนักศึกษาหารือร่วมกันถึงข้อเสนอแนะ ข้อบกพร่องต่างๆ ในขั้นตอนการทำ รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ผสมในการขึ้นเป็นรูปกระดาษสาจากผักตบชวา ผลสรุปว่าทุกคนพอใจกับกระบวนการขั้นตอนการทำ รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ ทำให้การทดลองครั้งนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง    10. กลุ่มนักศึกษาร่วมกันประสานงานกับแกนนำชุมชนหลักหก ทำการประสานงานร่วมกับภาคท้องถิ่นในการจัดอบรมวิธีการทำกระดาษสาผักตบชวา การหารือร่วมกับตัวแทนชุมชนท้องถิ่นในการจัดอบรม ตามแผนการดำเนินงาน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ การใช้อุปกรณ์ สถานที่ และสร้างอาชีพ รายได้ให้กับท้องถิ่นจากการอบรม การหาภาคีเครือข่าย ประสานงานร่วมกับวัดบริเวณพื้นที่โดยรอบมหาวิทยาลัยรังสิต โดยมีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก    11. อาจารย์ผู้สอน กลุ่มนักศึกษา แกนนำชุมชน สรุปผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการดำเนินโครงการ พร้อมส่งมอบโมเดลต้นแบบ กระดาษสาจากผักตบชวา พร้อมอุปกรณ์การขึ้นรูปกระดาษให้แก่ชุมชนได้ดำเนินงานต่อเป็นการสร้างสรรค์งานทางด้านงานวิจัยอีกทั้งสร้างสุขภาวะที่ดีแก่ชุมชนให้มีความยั่งยืนต่อไป 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    จากการดำเนินงานโครงการการแก้ปัญหา ร่วมสร้างรายได้ แก่ชุมชนหลักหก ขับเคลื่อนโดยกลุ่มแกนนำนักศึกษาจากรายวิชาเรียน RSU184 คนต่างรุ่นในสังคมสูงวัย และกลุ่มแกนนำชุมชนหลักหก ผลการดำเนินการ นักศึกษาได้เรียนการทำงานร่วมกันของกลุ่มคน 3 วัย ซึ่งได้ผลสัมฤทธิ์ตรงตามวัตถุประสงค์ของรายวิชาเรียนเป็นอย่างมาก นักศึกษาและคนในชุมชนส่วนใหญ่มีความถนัดในสิ่งประดิษฐ์ รวมทั้งมีความสนใจในการต่อยอดธุรกิจต่างๆ จึงมีความเข้าใจและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ในการจัดทำกระดาษสาผักตบชวา มีการสังเกตุ และการอยากทดลอง ในรูปแบบต่างๆ มีความคิดสร้างสรรค์    จากการทดลองกระดาษสาผักตบชวาประสบผลสำเร็จ แกนนำชุมชนหลักหก มีความสนใจในการประดิษฐ์ดอกกุหลาบ มากกว่าการจัดทำกระดาษสาผักตบชวา ตามความสนใจและความถนัดของตัวบุคคล โดยภาพรวมแกนนำนักศึกษา และแกนนำชุมชนหลักหก สามารถผลิตกระดาษสาผักตบชวาได้ในคุณสมบัติที่ต้องการ อาทิ ความเหนียว สี และลวดลายของกระดาษสา สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการผลิตกระดาษผักตบชวาจากการสังเกตุ การหาข้อบกพร่องต่างๆ จนสามารถทำกระดาษสาผักตบชวาสำเร็จสมบูรณ์พร้อมที่จะนำองค์ความรู้สู่ชุมชนท้องถิ่นต่อไป คณะทำงานกลุ่มนักศึกษาทำการลงภาคสนามเพื่อทำการอบรมให้แก่ชาวบ้านชุมชนหลักหก ให้มีความรู้ความเข้าใจทุกขั้นตอน ให้ได้มาตรฐานกระดาษตามที่ต้องการ ได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และสื่อต่าง ๆ อย่างมากมาย ด้านของปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินโครงการ คือระยะเวลาในการดำเนินโครงการน้อยเกินไปเนื่องจากรายวิชาเรียนในภาคการศึกษาที่ 1 มีระยะเวลาการเรียนการสอนเพียง 4 เดือน ทำให้ระยะเวลาการดำเนินโครงการขาดความต่อเนื่องในระยะยาวนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินโครงการต่อได้ อีกทั้งความร่วมมือภาคท้องถิ่น ในเรื่องของผลประโยชน์ซับซ้อนในชุมชน 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่การเรียนรู้ของผู้เล่าเรื่องจากประสบการณ์ความสำเร็จดังกล่าว    การค้นคว้า ศึกษาการทำกระดาษสาจากผักตบชวาได้ผลสัมฤทธิ์ตรงตามวัตถุประสงค์ นักศึกษาและชุมชนสามารถแปรรูปผักตชวาที่เป็นปัญหาของชุมชนหลักหกออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เมื่อดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นักศึกษาได้มองเห็นวัตถุดิบของชุมชนอีกอย่างหนึ่งคือ ต้นกล้วย ที่มีจำนวนมากในชุมชนหลักหก เมื่อนักศึกษามีความรู้ในการผลิตกระดาษสาแล้ว จึงได้ทำการทดลองนำเยื่อกล้วยมาเป็นกระดาษสาจากเยื่อกล้วยเพื่อสามารถเสร้างสรรค์ป็นงานประดิษฐ์ต่อไปได้ ผลสรุป ต้นกล้วย เยื่อกล้วย สามารถทำเป็นกระดาษสาได้ นักศึกษาจึงค้นพบองค์ความรู้ใหม่จากการทำวิจัยครั้งนี้คือ กระดาษสาจากเยื่อกล้วย ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice       โครงการสร้างสรรค์ของนักศึกษาที่เกิดขึ้นจากรายวิชาเรียนควรได้รับความร่วมมือการสนับสนุนเริ่มจาก อาจารย์ บุคคลากรในคณะ/วิทยาลัย จนไปถึงระดับมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรม เพื่อการดำเนินกิจกรรมนักศึกษาให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลต่อการพัฒนานักศึกษา และมหาวิทยาลัยสามารถนำผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาในด้านต่าง ๆ ต่อไป ดูรูปภาพ/กิจกรรมเพิ่มเติมที่นี่

“คนต่างรุ่นในสังคมสูงวัย” สู่งานวิจัยกระดาษสาผักตบชวา Read More »

การทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและต้านมะเร็งในหลอดทดลองของสมุนไพรไทยสูตรผสม

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 2.5.2 การทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและต้านมะเร็งในหลอดทดลองของสมุนไพรไทยสูตรผสม ผู้จัดทำโครงการ​ อ.ดร.ภญ. นลินี ประดับญาติ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ บริบทหรือความเป็นมาของเรื่องที่เล่า          ในปัจจุบันด้วยสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 หรือภาวะมลพิษจากการกระจายของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (particulate matters 2.5; PM 2.5) ซึ่งทั้งสองปัจจัยทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งในระยะเฉียบพลันและในระยะยาว ในระยะเฉียบพลันการติดโรคโควิด-19 มีผลกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันหลายอย่างที่เป็นสาเหตุให้เกิดกระบวนการอักเสบและเป็นเหตุให้การทำงานของอวัยวะหลายระบบล้มเหลวได้ ส่วนฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ กระตุ้นปฏิกิริยาการอักเสบ รวมทั้งมีผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าฝุ่นนี้เป็นปัจจัยต่อการเจริญของเซลล์ที่ผิดปกติและเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง พืชสมุนไพรไทยหลายชนิด ได้แก่ มะนาว ใบหญ้านาง ข่า พริกไทย ใบกัญชา ฯลฯ มีประวัติการใช้ตามภูมิปัญญาโดยใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารตลอดจนใช้สำหรับดูแลสุขภาพตลอดจนรักษาโรค ซึ่งมีผลการศึกษาในหลอดทดลองหลายการศึกษาที่สนับสนุนว่าพืชสมุนไพรเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน ลดกระบวนการอักเสบได้ ในบทบาทของการเป็นอาจารย์ผู้สอนทางด้านเภสัชวิทยาและพิษวิทยาที่จะต้องมีภาระทั้งการสอน และการทำวิจัยควบคู่ไปด้วย ได้เล็งเห็นประโยชน์และความสำคัญของภูมิปัญญาไทยต่อการใช้พืชสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ในการบำรุง ดูแล รักษาและฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งนี้ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา โดยบริษัทนารีฟาร์มา กรุ๊ป ที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ที่ผลิตออกมาในรูปแคปซูลที่สะดวกต่อการรับประทาน ดังนั้นเพื่อสนับสนุนความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงได้มีการทำการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองเป็นเบื้องต้น ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : ความรู้ที่เกิดจากกระบวนการศึกษาวิจัยความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   วิธีการ/ขั้นตอน หรือกระบวนการที่ทำให้งานนั้นประสบความสำเร็จ        1. รวบรวมข้อมูล และทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ        2. ออกแบบการศึกษาที่รัดกุม ครอบคลุมวัตถุประสงค์การวิจัยที่สามารถวัดและประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรม        3. ดำเนินการวิจัยจนเสร็จสิ้น และจัดทำรายงานการวิจัย        4. เผยแพร่ผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ        5. นำผลการศึกษาที่ได้พัฒนาต่อยอดเพื่อศึกษาวิจัยต่อในระดับคลินิก และวางแผนถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงานเทคนิคหรือกลยุทธ์ที่ทำให้เกิดความสำเร็จ    – กำหนดหัวข้อวิจัยที่ชัดเจน    – สร้างทีมวิจัย โดยชักชวนนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกันพัฒนางานวิจัยที่สนใจ    – ขอทุนวิจัย และดำเนินการวิจัยจนเสร็จสิ้นตามสัญญาทุน หากเกิดปัญหาหรืออุปสรรคจะขอคำปรึกษาจากทีมวิจัย และที่ปรึกษาโครงการวิจัยเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้    – เตรียมข้อมูลความพร้อมและทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ    – กำหนดของเขตการวิจัยที่ชัดเจ    – เลือกเครื่องมือในการดำเนินงานวิจัยที่เหมาะสม    – ดำเนินงานวิจัยตามกรอบแนวคิด และมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ละเอียดรอบคอบ    – เขียนบทความวิจัยเพื่อส่งตีพิมพ์ โดยเลือกวารสารวิชาการระดับนานาชาติคุณภาพสูงและอยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับเป็นอันดับแรก หากถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ จะนำข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิมาแก้ไขบทความวิจัย และส่งตีพิมพ์ในวารสารใหม่ที่คุณภาพลดหลั่นลงมาผู้ที่มีส่วนร่วมทำให้เกิดความสำเร็จ และบทบาทของบุคคลนั้น    – คณะนักวิจัยที่ร่วมดำเนินงาน    – ผู้บริหารของวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยรังสิต และบริษัทนารีฟาร์มา กรุ๊ป เป็นผู้สนับสนุนและให้โอกาสในการทำวิจัยอุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน และแนวทางในการแก้ปัญหา/อุปสรรคดังกล่าว     การศึกษาวิจัยนี้ใช้เซลล์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของมนุษย์เป็นแบบจำลองในการศึกษา ปัญหาที่พบคือเซลล์เจริญเติบโตช้า ต้องเลี้ยงให้มีคุณลักษณะที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลการทดลองที่สอดคล้องกันในแต่ละวิธีการศึกษาและแปลผลไปสู่การประยุกต์ใช้ในทางคลินิกผลลัพธ์หรือความสำเร็จที่เกิดขึ้น     ดำเนินการศึกษาวิจัยแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลา ผลการวิจัยได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ เผยแพร่ผลงานผ่านสื่อสังคมและเตรียมความพร้อมสำหรับดำเนินการวิจัยทางคลินิก 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่การเรียนรู้ของผู้เล่าเรื่องจากประสบการณ์ความสำเร็จดังกล่าว      เรียนรู้บริบทการดำเนินการวิจัยที่เน้นการทำงานเป็นทีม ที่ประกอบด้วยนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ สาขา เพื่อให้งานวิจัยสัมฤทธิ์ผลดีและประหยัดเวลาในการดำเนินงาน ดังนั้นการสร้างทีมวิจัยและเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้การดำเนินงานวิจัยในปัจจุบันต้องเน้นผลลัภย์ที่สร้างผลิตภัณฑ์และมูลค่าจากกวิจัย รวมทั้งการตีพิมพ์บทความวิจัยในปัจจุบันจะเน้นการศึกษาในเชิงลึกและเชิงบูรณาการศาสตร์หลายแขนง ทำปรับเปลี่ยนจากการดำเนินงานวิจัยในแนวกว้างเป็นการทำงานเชิงลึกและบูรณาการมากขึ้น เพื่อให้บทความวิจัยไม่ถูกปฏิเสธการตีพิมพ์สมรรถนะ (ความรู้ ทักษะ หรือทัศนคติ) ของผู้เล่าเรื่อง      เกิดความเข้าใจแนวทางการดำเนินการวิจัยที่เน้นการสร้างทีมวิจัยที่มีคุณภาพ เน้นการดำเนินงานวิจัยที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สร้างผลิตภัณฑ์และเพิ่มมูลค่าแทนที่แนวทางการวิจัยแบบเดิมที่สร้างองค์ความรู้เพียงมิติเดียว ตลอดจนการตีพิมพ์บทความวิจัย เกิดการเรียนรู้ความหลากหลายทักษะการทำวิจัยระหว่างผู้ร่วมวิจัย ทำให้เกิด การสั่งสมประสบการณ์การทำวิจัยในเชิงลึก บูรณาการองค์ความรู้และการมีบทความตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ จึงได้รับเชิญให้พิจารณาบทความวิจัยจากวารสารต่าง ทำให้เป็นแนวทางในการสร้างงานวิจัยเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตได้ ผลงานเชิงประจักษ์ของผู้เล่าเรื่อง คือ      ผลการวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ BMC Complementary Medicine and Therapies ซึ่งอยู่ใน quartile 1 มีค่า impact factor 2.83 มีการแถลงข่าวเผยแพร่ผลงานวิจัย เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการศึกษาวิจัย และเตรียมโครงการวิจัยต่อยอดในระดับคลินิกต่อไป ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice          การดำเนินงานวิจัย สิ่งสำคัญที่สุดคือทำงานศึกษาข้อมูลให้มากสุดก่อนเริ่มต้นดำเนินการ การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบนอกจากจะทำให้นักวิจัยมีองค์ความรู้ที่กว้างแล้วยังทำให้สามารถค้นพบช่องว่างของงานวิจัยหรือข้อจำกัดของงานวิจัยอื่น ๆ ที่ผ่านมา (identify research gap) และทำให้ตั้งคำถามงานวิจัยที่เหมาะสมได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในกระบวนการเริ่มดำเนินโครงการวิจัยและออกแบบการทดลองที่สามารถตอบคำถามงานวิจัยได้ ในการดำเนินการวิจัยต้องมองภาพประโยชน์ของงานวิจัยที่จะเกิอดขึ้นว่าคืออะไร เพราะการมองเห็นคุณค่าที่ชัดเจน จะเป็นปัจจัยที่ทำให้นักวิจัยมีแรงขับเคลื่อนให้ก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมั่นคงคือ เกิดการเรียนรู้อย่างสูงสุด นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมในการดำเนินการวิจัยและคณะผู้ร่วมงานวิจัยก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่จะส่งเสริมให้เกิดแนวคิดและการสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดจากกระบวนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การอภิปราย การตั้งคำถามที่สมเหตุสมผลที่ทำให้เกิดการค้นคว้าเพิ่มเติมการวิเคราะห์และสังเคราะห์ผลที่ได้จากการดำเนินการวิจัยที่จะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน ดูรูปภาพ/กิจกรรมเพิ่มเติมที่นี่

การทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและต้านมะเร็งในหลอดทดลองของสมุนไพรไทยสูตรผสม Read More »

การพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยระดับนานาชาติอย่างมืออาชีพ

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 2.5.1, KR 2.5.3 การพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยระดับ นานาชาติอย่างมืออาชีพ ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ. ดร. คณิตศร เทอดเผ่าพงศ์ คณะบัญชี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​        ในการพัฒนาการร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างประเทศ จำเป็นต้องมีความรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้การทำงานในแต่ละขั้นตอนของแผนการดำเนินงาน รวมถึง Plan, Do, Check และ Action ประสบความสำเร็จ มีดังนี้       1. ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อวิจัยหรือประเด็นการวิจัยน่าสนใจ (Research knowledge) รวมถึงเข้าใจสภาวะปัจจุบันของการวิจัยในสาขานั้น ๆ การระบุช่องว่างการวิจัย และการกำหนดคำถามวิจัยที่ต้องการคำตอบ ความรู้นี้จะช่วยนำไปสู่ขั้นตอนการวางแผนและตรวจสอบว่าโครงการมีความเกี่ยวข้องและมีผลกระทบหรือไม่อย่างไร       2. ความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพระหว่างทีมงาน (Efficient collaboration between team members) การทำงานในโครงการวิจัยในระดับนานาชาติ ต้องการบุคคลที่มีความรู้เกี่ยวกับการวิจัย รวมถึงเข้าใจพื้นหลัง ความเชี่ยวชาญ และเข้าใจถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมเนื่องจากเป็นการทำงานร่วมกันหลายฝ่ายและหลายประเทศ ความรู้นี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ สร้างความไว้วางใจ และสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการ      3. ความสามารถในการใช้ซอฟต์แวร์ (Software and application knowledge) เพื่อการทำงานร่วมกันและใช้เครื่องมือการจัดการโครงการในการแบ่งปันข้อมูล หลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อน นอกจากควรสามารถเขียนหรือกำหนดโปรโตคอลในการสื่อสารและการตัดสินใจเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกในทีมทุกคนทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ      4. ทักษะการบริหารโครงการ (Project management skill) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยระดับนานาชาติให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งรวมถึงทักษะต่างๆ เช่น การวางแผน การจัดระเบียบ การมอบหมายงาน การติดตามความคืบหน้า และการปรับเปลี่ยนตามข้อเสนอแนะและข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากขั้นตอนการตรวจสอบ ทักษะเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโครงการจะเป็นไปตามแผนและทีมสามารถบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการวิจัยได้ ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : จากการทำงานในโครงการวิจัยร่วมกับต่างประเทศความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ขั้นตอนการวางแผนมีความสำคัญต่อความสำเร็จของความร่วมมือด้านการวิจัยระดับนานาชาติ เริ่มต้นด้วยการกำหนดขอบเขตของโครงการให้ชัดเจน รวมถึงเป้าหมายการวิจัย ระยะเวลา และงบประมาณ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาความเชี่ยวชาญที่จำเป็นสำหรับโครงการและกำหนดผู้ทำงานร่วมกันที่มีศักยภาพ ซึ่งควรเป็นบุคคลที่สามารถนำเสนอมุมมองและมีทักษะทางการวิจัยที่จำเป็น เมื่อระบุผู้ทำงานร่วมกันที่มีศักยภาพแล้ว ให้ประเมินความเชี่ยวชาญและผลงานของผู้ร่วมงานนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ร่วมงานเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมกับโครงการ สร้างช่องทางการสื่อสารที่ชัดเจน เช่น การประชุมทางวิดีโอ อีเมล หรือซอฟต์แวร์การทำงานร่วมกัน และกำหนดโปรโตคอลสำหรับการแบ่งปันข้อมูล ผู้เขียน และการกำหนดเครดิต    นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบของสมาชิกในทีมแต่ละคน สุดท้าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนในทีมตระหนักถึงเป้าหมาย ลำดับเวลา และความคาดหวังสำหรับโครงการ ตลอดจนความรับผิดชอบของแต่ละคน 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    เมื่อวางแผนเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มดำเนินการ โดยเริ่มต้นด้วยการกำหนดการประชุมออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเวลาและวันที่ที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย ใช้การประชุมเหล่านี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค์ และวิธีการแก้ไขที่เป็นไปได้ กำหนดเนื้องาน กำหนดเวลา และกำหนดบุคลากรสำหรับงานแต่ละงาน เพื่อและให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจหน้าที่ของตนเองได้อย่างชัดเจน ใช้ซอฟต์แวร์สำหรับการสร้างสรรค์และเครื่องมือจัดการโครงการเพื่อติดตามความคืบหน้าและสื่อสารกับสมาชิกในทีม นอกจากนี้ การตั้งตารางการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอกับสมาชิกในทีมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกในทีมได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอในการดำเนินงานของตน นอกจากนี้ การกำหนดโปรโตคอลสำหรับการสื่อสารและการตัดสินใจเพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกในทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ขั้นตอนตรวจสอบ      หัวหน้าโครงการวิจัยทำการตรวจสอบความคืบหน้าของโครงการอย่างสม่ำเสมอและการประเมินว่าโครงการกำลังเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายหรือไม่ กำหนดตารางการรายงานอย่างสม่ำเสมอและใช้รายงานเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการติดตามความคืบหน้า และหากพบปัญหาหรือส่วนที่ต้องให้ความสนใจพิเศษเพิ่มเติม ควรให้การแนะนำเพื่อแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว และเปิดรับข้อเสนอแนะและคำแนะนำจากสมาชิกในทีม ใช้ข้อเสนอแนะเหล่านี้ในการปรับปรุงโครงการตามความจำเป็น และให้แน่ใจว่าทุกคนในทีมรับทราบถึงการเปลี่ยนแปลง       นอกจากนี้ การประเมินว่าโครงการบรรลุเป้าหมายและทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญด้วย หากเนื้องานตามโครงการไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ให้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้โครงการสามารถกลับมาเดินหน้าได้ต่อไป ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice          ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการดำเนินการจากข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากขั้นตอนการตรวจสอบและใช้เพื่อขับเคลื่อนโครงการไปข้างหน้า ควรมีการปรับวิธีการหรืออาจปรับทีมงานตามความจำเป็น มีการติดตามความก้าวหน้า พร้อมทั้งเขียนรายงานความคืบหน้าและข้อเสนอแนะ ในขั้นตอนนี้ผู้วิจัยควรมีทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าโครงการจะสามารถบรรลุเป้าหมายการวิจัยและวัตถุประสงค์ที่วางไว้ และมีการวิเคราะห์หรือสังเคราะห์ผลลัพธ์ และเรียนรู้จากปัญหาอุปสรรค หรือความล้มเหลวที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ทีมงานควรมีการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานระหว่างประเทศต่อไปอย่างสม่ำเสมอ โดยมองหาโอกาสในการแบ่งปันสิ่งที่ค้นพบและหาโอกาสในการทำงานร่วมกันในโครงการในอนาคต         นอกจากนี้ ควรมีการบันทึกผลลัพธ์ของโครงการและแบ่งปันกับสมาชิกในทีม โดยรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมของสมาชิกในทีมแต่ละคน เอกสารนี้มีประโยชน์ในการประเมินโครงการและการสร้างความร่วมมือสำหรับโครงการในอนาคต ดูรูปภาพ/กิจกรรมเพิ่มเติมที่นี่

การพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยระดับนานาชาติอย่างมืออาชีพ Read More »

การดำเนินงานวิจัยและนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 1.3.7, KR 2.1.1, KR 2.1.2, KR 2.1.3, KR 2.1.4,KR 2.2.2, KR 2.2.3, KR 2.4.3, KR 2.5.1, KR 2.5.4 การดำเนินงานวิจัยและนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง ผู้จัดทำโครงการ​ 1) อ.ทพ. ณัฐวุฒิ ศุภชวโรจน 2) อ.ทพ. สิรวิชฐ์ เลิศชาตรีพงษ์ วิทยาลัยทันตแพทยศาสตร์ ผู้จัดทำโครงการ​​ 1) ผศ.ทญ.ดร. อุมาพร วิมลกิตติพงศ์ 2) ผศ.ทญ.จิรัฏฐ์ ศรีหัตถจาติ วิทยาลัยทันตแพทยศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           – ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : –ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : – วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   การทำวิจัยจะทำงานร่วมกันเป็นทีม 2 คน โดยจะมีการแบ่งภาระงานกันชัดเจน เพราะถ้าทำวิจัยคนเดียวอาจทำให้ไม่สามารถส่งผลงานวิจัยตีพิมพ์ต่อเนื่องได้   – มีการสลับกันเป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยผู้ร่วมวิจัยจะคอยช่วยเหลือและเป็นที่ปรึกษา ทำให้แบ่งเบา และดูแลทีมงานวิจัยได้อย่างทั่วถึง    – มีการวางโครงการวิจัยที่เหมาะสม และเป็นไปได้ โดยจะพิจารณาศักยภาพของทีมวิจัย เพื่อสร้างกรอบเป้าหมาย หัวข้อ ให้เหมาะสม และมีการดูแลความสัมพันธ์ในทีม เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อการทำวิจัย   – พิจารณาวารสารที่สนใจตีพิมพ์ตั้งแต่ต้น เพื่อให้มีเนื้อหา และรูปแบบงานวิจัยที่สอดคล้อง เพิ่มโอกาสในการได้รับการตีพิมพ์   – มีการแบ่งงานในทีมวิจัย โดยเฉพาะนักศึกษา โดยนักศึกษาโดยจะเป็นกำลังสำคัญในการที่จะช่วยดำเนินการทดลอง และทำให้เกิดผลขึ้นมา แต่ส่วนหลักของงานวิจัยเช่น การสรุปผลหรือการอภิปรายผล ทีมอาจารย์จะเป็นแกนหลัก 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    เนื่องจากนักศึกษาที่ร่วมทำการวิจัยเป็นชั้นปีที่เริ่มทำคลินิก มีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่าง ไม่ได้ทำวิจัยเป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถทุ่มเทได้อย่างเต็มที่     อุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้ เป็นเครื่องมือทดลองทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้มีอยู่ในมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องทำเรื่องขอใช้อุปกรณ์ ของสถาบัน ต้องวางแผนเพื่อจะให้นักศึกษาใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุดและเสียเวลาที่จะใช้ในคลินิกของตัวเองที่จะต้องทำงานอยู่แล้วให้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ    การระบุปัญหาให้ได้อย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งสำคัญ โดยทำให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนการวิจัย เพื่อให้แผนงานวิจัย ดำเนินได้เนื่อง และสำเร็จลุล่วงได้ 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่    การพิจารณาผลงานที่ได้ และมีการปรึกษากันในทีม เพื่อต่อยอดในการเผยแพร่ผลงาน หรือส่งแข่งขันประกวดทั้งในงานวิจัย และนวัตกรรมในระดับอุดมศึกษา โดยจะพิจารณาถึงความตั้งใจของนักศึกษาร่วมด้วย จะมีการกระตุ้นทีมให้นำเสนอผลงานที่ตั้งใจทำ โดยในหลาย ๆ ครั้งพบว่า นักศึกษามีศักยภาพที่จะทำ และสามารถทำได้อย่างดี โดยทั้งนี้ความสัมพันธ์และทัศนคติที่ดี เป็นสิ่งสำคัญ ที่ทำให้มีความภูมิใจในผลงาน และพร้อมที่จะนำเสนอผลงาน เพื่อสร้างชื่อเสียงต่อไป ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice         – ควรพิจารณาการจัดสรรเวลาที่ชัดเจน โดยหากสามารถจัดช่วงเวลาของงานวิจัยอยู่ในช่วงที่นักศึกษาไม่ได้มีภาระหนักมาก สามารถให้ความสำคัญกับงานวิจัยได้เต็มที่ น่าจะทำให้ได้ผลงานตามที่ตั้งเป้าไว้        – การสนับสนุนด้านเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ จะช่วยอำนวยความสะดวก และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงต้นทุนการวิจัยที่จะลดลงอย่างมาก        – การมีสถาบันร่วมวิจัยที่เป็นทางการ อาจจะช่วยเพิ่มช่องทาง ในการติดต่อ หรือเพิ่มศักยภาพของงานวิจัยได้มากขึ้น 

การดำเนินงานวิจัยและนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง Read More »

เทคนิคการของทุนยุววิสาหกิจเริ่มต้น (Youth Startup Fund)“Prove of Concept”

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 2 : KR 2.1.1, KR 2.1.3, KR 2.2.1, KR 2.2.2, KR 2.2.3, KR 2.4.2, KR 2.5.2 เทคนิคการของทุนยุววิสาหกิจเริ่มต้น (Youth Startup Fund)“Prove of Concept” จาก กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม : โครงการพัฒนาสกูตเตอร์ไฟฟ้าโมเดลใหม่ชื่อ Momen Mini Bike ผู้จัดทำโครงการ​ อาจารย์ศุภณัฐ จินตวัฒน์สกุล วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​         หลายปีมานี้ยานพาหนะไฟฟ้ากำลังได้รับความสนใจอย่างมากทั้งในประเทศไทยหรือในตลาดโลก เห็นได้จากจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในพาหนะทุกขนาด ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า,รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า, รวมถึงสกูตเตอร์ไฟฟ้า และในปัจจุบันยานยนต์ไฟฟ้าได้แสดงให้เห็นถึงข้อดีที่เหนือกว่าเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิมทั้งในแง่ของการลดมลพิษ, ประสิทธิภาพของรถ,การประหยัดค่าใช่จ่ายทั้งในแง่การบำรุงรักษาและการชาร์จเทียบกับการเติมน้ำมัน      เป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่บริษัท Thai Frostech ได้พัฒนาและจำหน่ายสกูตเตอร์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ Momen ได้เล็งเห็นการเติบโตของตลาด รวมถึงการเก็บเสียงสะท้อนจากผู้ใช้งานจริงเพื่อนำมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์จนเป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้งานในกลุ่มผู้ใช้งาน สกูตเตอร์ไฟฟ้าแบบยืนสมรรถนะสูง อย่างไรก็ตาม Momen ได้เล็งเห็นตลาดในกลุ่มของสกูตเตอร์ไฟฟ้าแบบนั่ง ซึ่งในปัจจุบันยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถสมรรถนะสูง ทั้งในแง่ของกำลังขับ ระบบความปลอดภัย ระยะทางสูงสุดต่อการชาร์จ รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นโจทย์ใหม่ที่ทาง Momen ต้องการเข้าไป      จากปัจจัยข้างต้น Momen จึงได้นำเสนอโครงการเพื่อขอเสนอรับทุน ยุววิสาหกิจเริ่มต้น (Youth Startup Fund)“Prove of Concept” จาก กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยกำลังดำเนินโครงการพัฒนาสกูตเตอร์ไฟฟ้าโมเดลใหม่ชื่อ Momen Mini Bike ซึ่งจะเป็นสกูตเตอร์สมรรถนะสูง ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่รักกิจกรรม โดยเรามีเป้าหมายที่จะสร้างรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าแบบนั่งที่มีระบบขับเคลื่อนดีเยี่ยม มีความปลอดภัย ระยะทางสูงสุดต่อการชาร์จ สามารถถอดชิ้นส่วน เคลื่อนย้ายสะดวกใส่ในรถเก๋งได้ ปัจจุบันโครงการ Momen Mini Bike อยู่ในขั้นตอนการเตรียมผลิตต้นแบบ (Prototype) เพื่อนำไปทดสอบและปรับปรุง ก่อนผลิตและจำหน่ายจริง  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : https://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebaseความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ    1. ศึกษาทุนด้านนวัตกรรม ยุววิสาหกิจเริ่มต้น (Youth Startup Fund)“Prove of Concept” จาก กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม         1.1 ตรวจสอบคุณสมบัติ : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข้าเงื่อนไขและคุณสมบัติตามที่กำหนดในการสมัครโปรแกรม Prove of Concept” (POC) ดังกล่าวข้างต้น        1.2 พิจารณาผลงานปัจจุบันว่ามีความคล้องกับเงื่อนไขทุน และเจตนารมณ์ของโครงการหรือไม่ ซึ่ง Momen Mini Bike มีความสอดคล้องและเข้าเกณฑ์เพื่อรับทุนจากกองทุน TED FUND ในหลายด้าน ดังนี้ :              1)  “Prove of Concept (POC)”: Momen Mini Bike เป็นต้นแบบใหม่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาและนำไปสู่ตลาดในเชิงพาณิชย์ สอดคล้องกับความต้องการของ TED FUND ในการสนับสนุน POC โครงการ            2) นวัตกรรมและเทคโนโลยี: Momen Mini Bike ใช้วัสดุอลูมิเนียม 7075, ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ, แบตเตอรี่ลิเธียม NMC, และระบบกล่องคอนโทรล Signwave ซึ่งเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอด            3) ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม: Momen Mini Bike ช่วยลดการใช้พลังงานทดแทน ลดมลพิษที่เกิดจากการขับขี่ และส่งเสริมการนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมขนส่งที่สะอาด เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ รวมถึงส่งเสริมการสร้างผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม    2. เตรียมนำเสนอผลงาน        2.1 ทบทวนข้อมูลและเอกสาร: ตรวจสอบและทบทวนข้อมูลและเอกสารที่คุณมีอยู่ให้ครบถ้วนและถูกต้อง เช่น แผนธุรกิจ, แผนงานวิจัยและพัฒนา, ข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง        2.2 จัดเตรียมสไลด์นำเสนอ: สร้างสไลด์นำเสนอ (PowerPoint หรือเครื่องมือนำเสนออื่น ๆ) เพื่อสื่อสารข้อมูลที่สำคัญในแต่ละด้านของโครงการ ให้เน้นความกระชับ ชัดเจน และมีประสิทธิภาพ        2.3 เนื้อหาสำคัญในการนำเสนอ :               • แนะนำทีมงานและความสามารถ: แสดงความสามารถของทีมงาน ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความกระตือรือร้นในการทำงาน             • อธิบายปัญหาที่โครงการต้องการแก้ไข: ชี้แจงปัญหาและความต้องการของตลาด และวิธีที่ Momen Mini Bike สามารถตอบสนองความต้องการนี้             • นำเสนอแนวความคิดของโครงการ: อธิบายวิธีการทำงานของ Momen Mini Bike และประโยชน์ที่มีต่อผู้ใช้             • แสดงผลการวิจัยและพัฒนา: นำเสนอผลของการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง  2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    2.1  อธิบายปัญหาอยางชัดเจน           ในกรณีของ Momen Mini Bike นั้นกำหนดปัญหาของสกูตเตอร์ในปัจจุบันไว้คือ         – Performance ประสิทธิภาพ เช่น ระบบขับเคลื่อน high performance มีน้อย, high end มีน้อย         – Design and Manufacturing การออกแบบและงานประกอบ         – Mobility การพกพาลำบาก         – ใช้ระยะเวลานานในการชาร์จไฟ         – ระยะทางในการขับขี่น้อย ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (distance per charge)     2.2 นำเสนอแนวความคิดของโครงการเพื่อแก้ปัญหา           1. Performance : พิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการพัฒนาสกูตเตอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงและตรงกับความต้องการของผู้ใช้           2. Design and Manufacturing : ปรับปรุงการออกแบบและกระบวนการผลิตให้มีความเป็นระบบ ควบคุมคุณภาพสูง และให้สามารถประกอบและผลิตได้อย่างรวดเร็วและประหยัด           3. Mobility : พิจารณาการออกแบบให้สามารถพกพาได้ง่ายขึ้น อาจจะมีการใช้วัสดุที่น้ำหนักเบาและมีความแข็งแรง รวมถึงการออกแบบที่สามารถปรับขนาดหรือพับเก็บได้           4. การชาร์จไฟ : พิจารณาการพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือนำเสนอวิธีการชาร์จที่เร็วขึ้น เช่น ใช้แหล่งจ่ายพลังงานที่มีความเร็วในการชาร์จเพิ่มขึ้น หรือวิธีการชาร์จแบบใหม่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยขึ้น           5. ระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จ : พิจารณาการพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้น เพื่อให้สามารถขับขี่ได้ระยะทางที่มากขึ้นต่อการชาร์จ 1 ครั้ง2.3 แสดงผลการวิจัยและพัฒนาในปัจจุบัน     ในการนำเสนอโครงการในรอบ POC ผู้นำเสนอควรมีตัวอย่างงาน ผลการวิจัยและพัฒนา ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อแสดงให้คณะกรรมการเห็นความเป็นไปได้ในการพัฒนาต่อ  3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่    โครงการได้รับคำชื่นชมในการนำเสนอที่โดดเด่น และเจ้าของโครงการมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง Momen Minibike อาจได้รับคำชมเรื่องการออกแบบเนื่องจากหลายปัจจัยดังต่อไปนี้ :    – ดีไซน์ที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์: Momen Mini Bike อาจมีการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร โดดเด่น และน่าสนใจ ทำให้คนสนใจ    – ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม: Momen Mini Bike นำเสนอความคิดใหม่ๆ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการออกแบบ ทำให้มีความน่าสนใจและความคิดสร้างสรรค์    – ความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ: การออกแบบของ Momen Mini Bike อาจสะท้อนถึงความสะดวกสบายในการขับขี่ ประสิทธิภาพในการใช้งาน และความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่    – การพิจารณาเชิงตัวอย่างผู้ใช้: การออกแบบของ Momen Mini Bike นำเสนอโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้ต่างๆ รวมถึงการพิจารณาเรื่องขนาด น้ำหนัก และรูปร่างของผู้ขับขี่    – การใช้วัสดุและส่วนประกอบที่มีคุณภาพ: การใช้วัสดุคุณภาพสูงและส่วนประกอบที่ทำงานได้ดี อาจทำให้ Momen Mini Bike ดูแล้วมีคุณภาพ และน่าเชื่อถือ      อย่างไรก็ตามคณะกรรมการพิจารณาทุนได้ให้คำแนะนำ และชูจุดเด่นที่เรามีมากขึ้นได้แก่       – นำ Data ที่ได้จากเซ็นเซอร์ของรถ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น       – กรรมการพิจารณาตัดงบ จึงทำให้ไม่ได้งบเต็มจำนวนตามที่ขอ ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice • Momen minibike ได้เพิ่มเติมจุดเด่นจากคำแนะนำของคณะกรรมการ เพื่อเพิ่มจุดเด่นและความแตกต่าง• โดยการเพิ่ม iOS, Android Application เพื่อใช้เช็คสถานะต่างๆของรถ• Testing & Quality Assurance• ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ• ขอมาตรฐานอุตสาหกรรมและความปลอดภัย• เพื่อไม่ให้โครงการถูกตัดงบประมาณ ผู้เสนอโครงการควร• วิเคราะห์ความต้องการของโครงการ : สำรวจความต้องการที่จำเป็นในการพัฒนาและส่งเสริมโครงการ Momen Mini Bike ให้สำเร็จลุล่วง• วางแผนงบประมาณและต้นทุน : หาค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการดำเนินโครงการ โดยคำนึงถึงต้นทุนวัสดุ ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการทดสอบ การตลาด และการดำเนินงานอื่นๆ ให้สอดคล้องและไม่เกินวงเงินแต่ละหมวดหมู่• จัดทำงบประมาณเสนอขอทุน : จัดทำงบประมาณโครงการในรูปแบบที่เข้ากันได้กับข้อกำหนดของกองทุน TED FUND โดยแยกเป็นรายได้และรายจ่าย และคำนวณยอดขอรับทุน• ประเมินความเสี่ยงในงบประมาณ : วิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับปรุงงบประมาณ และวางแผนในการจัดการความเสี่ยงเหล่านั้น• ตรวจสอบความสอดคล้องกับเกณฑ์และข้อกำหนดของกองทุน : ตรวจสอบว่างบประมาณและข้อมูลที่เสนอในการขอทุนสอดคล้องกับเกณฑ์และข้อกำหนดของกองทุน TED FUND รวมถึงการให้ความชัดเจนและครอบคลุม

เทคนิคการของทุนยุววิสาหกิจเริ่มต้น (Youth Startup Fund)“Prove of Concept” Read More »

Scroll to Top