รางวัลดีเด่น

การศึกษา พัฒนา ออกแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี: บทบาทในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักศึกษาและมหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.1.2/1 การศึกษา พัฒนา ออกแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี : บทบาทในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักศึกษาและมหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน ผู้จัดทำโครงการ​ นางสาวกัญญ์กานต์ กุญโคจร นายกิตติธัช ช้างทอง นางสาวชวัลรัศมิ์ จตุเทน และ นางสาววิลาวัณย์ แดนสีแก้ว สถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​              ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยรังสิต ที่มุ่งเน้นการพัฒนา สังคม ชุมชน และวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของชุมชนอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม วัตถุดิบท้องถิ่น และความหลากหลายทางวัฒนธรรม อันควรค่าแก่การอนุรักษ์และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน              โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ้าทอพื้นเมืองจากฝ้ายย้อมคราม ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งในด้านลวดลายโบราณ เทคนิคการถักทอด้วยมือ เส้นฝ้ายแท้ และกระบวนการย้อมสีจากพืชธรรมชาติในท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนถึงภูมิปัญญาของชุมชน ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยรังสิตจึงมุ่งมั่น ยกระดับผ้าทอพื้นเมืองให้มีทั้งมูลค่าและคุณค่า พร้อมส่งเสริมให้เป็นอัตลักษณ์สำคัญของชุมชน และต่อยอดสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ได้ เพื่อให้ชุมชนสามารถพัฒนา เศรษฐกิจหมุนเวียน โดยอาศัยทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น                ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ถือเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและความสำคัญในด้านศิลปะวัฒนธรรมการทอผ้า ซึ่งสะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น ของทางภาคอีสาน โดยตั้งแต่ปีการศึกษา พ.ศ. 2558 การศึกษาและพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยรังสิตในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักศึกษาและบุคลากร ผ่านการลงพื้นที่ศึกษากระบวนการผลิตผ้าทอพื้นเมืองของชุมชนอำเภอเขมราฐ โดยเน้นการศึกษาและลงมือปฏิบัติในด้านการพัฒนาลวดลาย การใช้สีธรรมชาติ และเส้นใยธรรมชาติ พืชเศรษฐกิจที่นำใช้ในกระบวนการทอผ้า  จากลวดลายดั้งเดิมสู่นวัตกรรมองค์ความรู้จากนักศึกษาและสาขาวิชาที่มหาวิทยาลัยเปิดสอนไปบูรณาการร่วมกับชุมชน ในการสร้างลวดลาย โทนสี เส้นใยใหม่ เป็นกระบวนการที่สำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองให้ตอบสนองต่อความต้องการและรสนิยมของตลาดในปัจจุบัน โดยการนำลวดลายดั้งเดิมที่สะท้อนถึงความงามและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความทันสมัยและหลากหลายมากยิ่งขึ้น                        การศึกษาและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มต้นขึ้น  เมื่อปี พ.ศ. 2558 โดยการสำรวจพื้นที่เพื่อศึกษาความเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะ วัฒนธรรม และวัตถุดิบที่ใช้ในชุมชน ซึ่งตรงตามจุดประสงค์ของการศึกษาเพื่อสร้างความร่วมมือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองให้มีคุณค่าและสามารถนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับชุมชนในระยะยาว             ช่วงปี พ.ศ. 2559 – 2560 ได้ดำเนินการศึกษาลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องและพัฒนาลวดลายผ้าพื้นเมือง รวมถึงการออกแบบเครื่องแต่งกายที่ใช้ผ้าพื้นเมือง ซึ่งเน้นการประยุกต์ใช้ลวดลายดั้งเดิมให้เข้ากับเทรนด์และความต้องการของตลาดสมัยใหม่ โดยมีการออกแบบที่สามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคคนเมืองให้มีความน่าสนใจในรูปแบบที่ร่วมสมัย การวิเคราะห์และการออกแบบเครื่องแต่งกายจากลวดลายผ้าไทยในกระบวนการนี้มีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม แต่ยังสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และสามารถรักษาคุณค่าและความหมายทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญต่อชุมชนได้อย่างยั่งยืน พร้อมจัดแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าทอพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นครั้งแรกในงานเปิดฤดูกาลการท่องเที่ยวอำเภอเขมราฐ “ฤดูกาลบอกรัก (ษ์) เขมราษฎร์ธานี” โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตร่วมกับชุมชน ภายใต้ความร่วมมือด้านวิชาการและศิลปวัฒนธรรม ระหว่างเทศบาลตำบลเขมราฐและมหาวิทยาลัยรังสิต              ช่วงปี พ.ศ. 2561 สถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ทำการศึกษาและพัฒนาผ้าทอพื้นเมืองเขมราฐ ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ เช่น กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ หมวก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตามวิถีชีวิตชุมชน ได้ถูกออกแบบโดยนักศึกษาให้มีความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงการใช้ผ้าพื้นเมืองอำเภอเขมราฐให้เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการผลิต เพื่อสร้างความหลากหลายในการนำเสนอผ้าพื้นเมืองในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยและมีคุณค่าเชิงวัฒนธรรม สนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมเสริมการท่องเที่ยวเมืองเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยรังสิต             ช่วงปี พ.ศ. 2562 – 2564 การถ่ายทอดกระบวนการทอผ้าพื้นเมืองและการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ในมิติต่างๆ ผ่านการสร้างสรรค์สื่อมัลติมีเดียทางด้านศิลปวัฒนธรรม โดยมีการนำเสนอในมิติการท่องเที่ยวและรูปแบบสารคดี ผ่านช่อง YouTube สถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อมัลติมีเดียที่สร้างขึ้นในปีดังกล่าวได้รวบรวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีการทอผ้าพื้นเมือง ลวดลายผ้าที่มีเอกลักษณ์ กระบวนการผลิตผ้าแบบดั้งเดิมไปถึงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิถีชีวิตชุมชนและการพัฒนาในยุคปัจจุบัน การนำเสนอในรูปแบบสารคดีช่วยให้ผู้ชมเข้าใจถึงกระบวนการทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการทอผ้า และยังเสริมสร้างการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ในพื้นที่อำเภอเขมราฐ ซึ่งถือว่าเป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศิลปะการทอผ้าและวัฒนธรรมท้องถิ่นไปสู่สาธารณะชนในวงกว้าง อีกทั้งได้เสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองสู่ผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการตลาดและการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมในยุคปัจจุบัน             ช่วงปี พ.ศ. 2565 – 2566 การพัฒนา การออกแบบลวดลายผ้าพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ โดยการนำมาประยุกต์เข้ากับแพทเทิร์นที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม ซึ่งได้ศึกษา ทดสอบร่วมกับเทคโนโลยีและวัสดุใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนา คือ การนำหนังแท้จาก ที่ผลิตโดยโรงผลิตในเขตพื้นที่ชุมชนหลักหก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นการสนับสนุนและสร้างความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นโดยรอบมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งชาวชุมชนได้มีส่วนร่วมในการผลิตหนังแท้ที่ใช้ร่วมกับผ้าพื้นเมืองในการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทำให้ผลงานมีความทันสมัยสู่สากล และคงคุณค่าทางวัฒนธรรมสูงสุด             ต่อมาช่วงปี พ.ศ. 2566 ได้มีการสร้างสรรค์พัฒนารูปแบบจากผ้าพื้นเมืองลวดลายโบราณสู่ลวดลายผ้าขาวม้า ที่ปรับเปลี่ยนตามบริบทของสังคมให้มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงในเรื่องของ concept การถักทอด้วยมือ ลวดลายและสีธรรมชาติ จากชุมชน ลงพื้นที่ ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสตรีพัฒนาบ้านโพธิ์เมือง “เฮือนชูฮัก โฮมสตังค์” บ้านโพธิ์เมือง ตำบลนาแวง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อร่วมศึกษาผลิตภัณฑ์ที่มาจากวิถีชีวิตชุมชนสะท้อนผ่านบนพื้นผ้าผ้าขาวม้าทอมือ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจากกระบวนการ การเลือกใช้วัตถุดิบ การใช้สี  ใช้เส้นใย การถักทอผ้า จนถึงขั้นตอนการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งครั้งนี้มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าร่วมโครงการ eisa อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จัดขึ้นโดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัทประชารัฐรักสามัคคีวิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) เตรียมพร้อมสนับสนุนผ้าขาวม้าทอมือทั่วประเทศไทย เพื่อการส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่ความยั่งยืน ภายใต้โครงการ Creative Young Designers Season 3 เข้าผนึกกำลังช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า พร้อมการจัดกิจกรรม Workshop ต่าง ๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อนักศึกษาและชุมชน ก่อนไปสู่กระบวนการความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบตัดเย็บชุดแฟชั่นจากผ้าขาวม้า ให้มีความเป็นสากล เข้าถึงคนเมืองมากขึ้น จนได้โมเดลผลงานสร้างสรรค์ต้นแบบชุดแฟชั่นจากผ้าขาวม้าส่งมอบให้แก่ชุมชน  อีกทั้งเพื่อส่งเสริม  การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากผ้าทอมือของชุมชน และการสร้างโอกาสในการขยายตลาดประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากผ้าทอมือให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับชุมชน และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานี สู่การผลิตสื่อจากโครงการ eisa  ผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่มาร่วมลงพื้นที่และบันทึกเทปการถ่ายทำสื่อวิดีโอ ประชาสัมพันธ์เผยแพร่โครงการผ่านสื่อต่างๆ อาทิ รายการบันทึกไทยเบฟ และ ช่อง Amarin TV 34HD สุดท้ายทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้มอบลวดลายสร้างสรรค์ผ้าขาวม้าอำเภอเขมราฐให้กับชุมชนได้ไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ต่อไป       ในเทศกาลเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวอำเภอเขมราฐ ตลาดบกสืบสานวัฒนธรรมไทย สัมผัสวิถีชุมชนเขมราษฎร์ธานี ดินแดนแห่งความสุข ประจำปี 2566                จากกิจกรรม “10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย” โดยกระทรวงวัฒนธรรม  กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ 2566 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน จากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม และความร่วมมือด้านทางวิชาการ           ช่วงปี พ.ศ. 2567 – ปัจจุบัน การออกแบบ ผลิตภัณฑ์กางเกง “บอกรักษ์เขมราฐ” จากลวดลายวิถีชีวิตเขมราฐได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายผ้าพื้นเมือง วิถีชีวิต สถาปัตยกรรม และประติมากรรมที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่มีความโดดเด่นชุมชนอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี และสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ภายใต้กระบวนการออกแบบที่ได้รับการพัฒนาผ่านการวาดลายเส้นอย่างละเอียด โดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งได้ศึกษา คิดค้นและออกแบบลวดลาย การผสมผสานระหว่างการออกแบบลวดลายผ้าด้วยเทคนิค  การพิมพ์สกรีนสี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย ทำให้ผลงานมีความหลากหลายและทันสมัยมากขึ้น  คงรักษาคุณค่าและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชุมชน และมอบลวดลายผ้าที่ออกแบบนี้ให้กับชุมชน เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในอำเภอเขมราฐ และยังเป็นการสร้างการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างภาคการศึกษาและชุมชนในการอนุรักษ์และส่งเสริมการใช้วัสดุพื้นบ้านที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืน              การศึกษานี้ ถือเป็นการช่วยเสริมสร้างความเข้าใจลึกซึ้งกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติ และเป็นการรวบรวมข้อมูลสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอที่สามารถพัฒนาต่อยอดนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า ในด้านของเรื่องราววิถีชีวิตชุมชน ความงาม และคุณภาพของวัตถุดิบชุมชน โดยการผสมผสานเทคนิคดั้งเดิมเข้ากับการออกแบบร่วมสมัย การลงพื้นที่ศึกษาและปฏิบัติพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกับชุมชนตลอดระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2558 – พ.ศ.2568) จึงเป็นกระบวนการที่เสริมสร้างการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของนักศึกษา บุคลากร และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างมหาวิทยาลัยและชุมชน ตลอดจนสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน  ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้                การใช้ความรู้ในการพัฒนาและออกแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองนั้น โดยเริ่มต้นจากการเข้าใจและศึกษาลักษณะเฉพาะของวัสดุท้องถิ่นและภูมิปัญญาของชุมชน การออกแบบลวดลายผ้าเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีความงดงามและสะท้อนเอกลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่น การศึกษาและวิจัยลวดลายดั้งเดิมของชุมชนอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี มีบทบาทสำคัญในการรักษาและสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าให้คงอยู่ ลวดลายเหล่านี้มักมีความหมายทางสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ของชุมชน ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาต่อเป็นลวดลายที่ทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความหมายและเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างสรรค์ลวดลายผ้าให้คงเอกลักษณ์ของชุมชน ทั้งด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมและการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบที่ทันสมัยและมีความหมายทางสังคม โดยกระบวนการศึกษาลงมือปฏิบัติ  มีการพัฒนาองค์ความรู้สำคัญ ดังนี้                1.องค์ความรู้ด้านการออกแบบลวดลายผ้า                การศึกษาและเข้าใจลวดลายดั้งเดิมของชุมชน โดยลวดลายและสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญ  ในวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ความเชื่อ และประวัติศาสตร์ของชุมชน รวมถึงคำนึงการใช้สีธรรมชาติในการออกแบบ เรียนรู้การใช้สีจากธรรมชาติที่ได้จากพืช แร่ธาตุในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งมีผลต่อลวดลายผ้า สีที่ได้จากธรรมชาติมักจะมีเอกลักษณ์และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากสีสังเคราะห์ รวมถึงการผสมผสานระหว่างลวดลายดั้งเดิมและการออกแบบสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดความสวยงามร่วมสมัย ซึ่งแนวทางการออกแบบ ที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ลวดลายผ้าได้ นักศึกษาและบุคลากรได้เรียนรู้และนำโมเดลมาปรับใช้ครั้งนี้  ดังนี้                         Design Thinking                กระบวนการออกแบบที่มุ่งเน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง โดยประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ  มีกระบวนการดังนี้ การเข้าใจปัญหา, การกำหนดปัญหา, การระดมความคิด, การสร้างต้นแบบ  และการทดสอบ                Sustainable Design Model                การออกแบบที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืนในการใช้วัสดุและกระบวนการผลิต                Modular Design                การออกแบบที่สามารถนำส่วนต่างๆ มาเชื่อมโยงและใช้งานร่วมกันได้ โดยมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนและพัฒนา                Cultural Design Model                การออกแบบที่ใช้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมและประเพณีของท้องถิ่น ซึ่งช่วยในการสื่อสารเรื่องราวและความเป็นเอกลักษณ์                Innovation Design Model                เน้นการคิดสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในการออกแบบเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากเดิม                The Four Pillars of Sustainability                การนำ เศรษฐกิจ, สังคม, สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม มาเชื่อมโยงกัน องค์ความรู้ด้านกระบวนการทอผ้า                การเรียนรู้เทคนิคการทอผ้าแบบดั้งเดิมในชุมชน เกี่ยวกับเทคนิคการทอ ซึ่งกี่ทอผ้าของแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน การถ่ายทอดเทคนิคเฉพาะตัวของมันจะช่วยให้สามารถสร้างลวดลายที่สวยงามและคงความเอกลักษณ์ของชุมชนไว้ได้ และต้องคำนึงถึงการคัดสรรวัสดุที่ใช้ในการทอผ้า การเลือกวัสดุทอผ้าที่มีความเหมาะสม เช่น ไหม ฝ้าย หรือใยจากธรรมชาติพืชท้องถิ่น อีกทั้งการพัฒนาเทคนิคการทอให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ ปรับปรุง พัฒนาเทคนิคการทอในรูปแบบใหม่ๆ โดยการผสมผสานระหว่างเทคนิคดั้งเดิมกับเทคโนโลยีใหม่เพือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นักศึกษาและบุคลากรได้เรียนรู้และนำโมเดลมาปรับใช้ครั้งนี้ ดังนี้                        Biomimicry Design                การนำแนวคิด Biomimicry มาประยุกต์ในการออกแบบการทอผ้า ในการศึกษาธรรมชาติในการทอรวมถึงการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับธรรมชาติ                Sustainability Design                การออกแบบที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในทุกด้าน โดยเฉพาะการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  การออกแบบที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากร การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติหรือการใช้เทคนิคการทอที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดการปล่อยสารพิษ  องค์ความรู้ด้านการใช้สีธรรมชาติ                การเรียนรู้วิธีการสกัดและใช้งานสีจากธรรมชาติ เช่น คราม, ฝาง, ครั่ง, ใบไม้กิ่งไม้ และอื่นๆ ที่เป็นธรรมชาติในการย้อมสีผ้า โดยเลือกใช้สีที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผลกระทบต่อธรรมชาติและวิธีการย้อมที่เป็นมิตรต่อโลก นักศึกษาและบุคลากรได้เรียนรู้และนำโมเดลมาปรับใช้ครั้งนี้ ดังนี้                     Color Wheel Model                โมเดลวงล้อสีเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการเลือกสี                Cultural Color Significance                การเลือกใช้สีในแต่ละวัฒนธรรมท้องถิ่นนั้น ๆ                Pantone Matching System                การจับคู่สีมาตรฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรมการพิมพ์และการออกแบบ องค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์                การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้จริง การนำผ้าที่ทอมาออกแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า และสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ที่มีความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย  รวมไปถึงการรักษาคุณภาพและความคงทนของผ้า โดยผ่านการทดสอบและพัฒนาเทคนิคการทอและการย้อมสีเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง นักศึกษาและบุคลากรได้เรียนรู้และนำโมเดลมาปรับใช้ครั้งนี้ ดังนี้                Sustainable Design Framework (การออกแบบที่ยั่งยืน)                การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยใช้วัสดุ ที่ยั่งยืนและกระบวนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งการใช้แนวทางนี้ ช่วยให้กระบวนการผลิตสีธรรมชาติ  มีความยั่งยืน                Cradle to Cradle Design (C2C)                โมเดลการออกแบบนี้ มุ่งเน้นการผลิตที่ไม่มีขยะโดยใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านวัสดุหรือในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะการใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ การใช้สีจากธรรมชาติที่ไม่ทิ้งสารพิษและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในกระบวนการผลิตอื่น ๆ                Brand Identity Model                มุ่งเน้นการสร้างและการจัดการภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สะท้อนถึงคุณค่าหลักและเอกลักษณ์ของแบรนด์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถจดจำและเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้   องค์ความรู้ด้านความยั่งยืน                การเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน โดยการเลือกใช้วัสดุที่มีความยั่งยืน เช่น วัสดุธรรมชาติที่สามารถผลิตและใช้ใหม่ได้และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม องค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์เอกลักษณ์ชุมชน                การให้ความสำคัญกับการเรียนรู้จากนักปราชญ์ในชุมชน การสัมภาษณ์ผู้มีประสบการณ์ในการทอผ้าและการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สำคัญ โดยร่วมมือกับชุมชนให้มีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบ การผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้การสร้างสรรค์งานยังคงสะท้อนอัตลักษณ์ เอกลักษณ์ ความคิดของชุมชน นักศึกษา และบุคลากรได้เรียนรู้และนำโมเดลมาปรับใช้ครั้งนี้ ดังนี้                Community-Based Sustainable Development                การพัฒนาโดยมีการมีส่วนร่วมจากชุมชนในการตัดสินใจและดำเนินการ โดยให้ชุมชนเป็นเจ้าของกระบวนการพัฒนาและการอนุรักษ์สิ่งที่มีค่าในท้องถิ่น                Cultural Heritage Preservation                การอนุรักษ์และปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมของเป็นวัตถุและที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น จัดการและดูแลมรดกทางวัฒนธรรมให้มีความยั่งยืนในด้านการศึกษาและการปกป้อง                Cultural Capital Model                ทุนทางวัฒนธรรม ที่มีค่าของชุมชน                Cultural Identity Model                ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตามประเพณีท้องถิ่นและการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมเพื่อสร้างอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับค่านิยมและวิถีชีวิตของชุมชน                Heritage and Legacy Model                การสร้างอัตลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์และการถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อให้คงอยู่ในเยาวชนไทยรุ่นหลัง                7.องค์ความรู้ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน                การจัดการด้านของจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ถือเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์จากชุมชนสามารถเข้าถึงตลาดทุกมิติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่น นักศึกษา  และบุคลากรได้เรียนรู้และนำโมเดลมาปรับใช้ครั้งนี้ ดังนี้                  ทฤษฎีเศรษฐกิจฐานราก        โดยมุ่งเน้นให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองและสร้างรายได้ผ่านการผลิตและจำหน่ายสินค้าของตนเอง โดยช่องทางการจัดจำหน่ายที่ใช้เครือข่ายในท้องถิ่น ถนนคนเดินสายวัฒนธรรมประจำทุกสัปดาห์ ตลาดชุมชน ศูนย์สินค้า OTOP หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ซึ่งได้เน้นแนวคิด “การตลาดเพื่อชุมชน” ที่ช่วยให้ชุมชนสามารถแข่งขันในตลาดได้ ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) เจ้าของความรู้/สังกัด ทีมอาจารย์และบุคลากรสถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับชาวบ้าน นักปราชญ์ชุมชนอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี                                       อื่น ๆ (ระบุ) หนังสือ ตำรา บทความวิจัย วิชาการ ด้านศิลปะการออกแบบ ศิลปวัฒนธรรม และคติชนสร้างสรรค์ วิธีการดำเนินการ                ระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2558 – พ.ศ.2568) ได้ถอดบทเรียนจากการศึกษา พัฒนา ออกแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี บทบาทในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แก่นักศึกษา บุคลากร และมหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน โดยเริ่มต้นจาก  การศึกษาคุณค่าและเอกลักษณ์ของผ้าท้องถิ่น                การศึกษากระบวนการทอผ้าเริ่มต้นด้วยการเข้าใจถึงเอกลักษณ์ของผ้าท้องถิ่นในแต่ละชุมชน เช่น การศึกษาลวดลาย เทคนิคการทอ วัสดุที่ใช้ และการเล่าเรื่องราวที่ผ้าสื่อถึง ผ้าไหม ผ้าฝ้ายในแต่ละท้องถิ่น รวมถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สะท้อนผ่านลวดลายผ้า สำรวจและเก็บข้อมูลจากชุมชน                การที่นักศึกษาและบุคลากรลงพื้นที่ไปเยี่ยมชมพร้อมศึกษาเรียนรู้ชุมชนที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีเรื่องเล่าและตำนาน ทอผ้าและมีประวัติศาสตร์ทอผ้าอันยาวนาน โดยใช้กระบวนการสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลจากชาวบ้านหรือช่างทอผ้า ปราชญ์ชวบ้าน ผู้มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการทอผ้าและลวดลายเฉพาะของชุมชนท้องถิ่นนั้น ๆ  ศึกษาลวดลายและสัญลักษณ์       การศึกษาเกี่ยวกับลวดลายที่สำคัญของชุมชน เช่น ลายดอกไม้, ลายสัตว์, ลายธรรมชาติ หรือสัญลักษณ์ที่มีความหมายทางศาสนา วัฒนธรรม หรือประเพณีของชุมชน ให้สามารถรักษาความหมายและความสำคัญของลวดลายในผืนผ้า ซึ่งผ้าฝ้ายทอเมืองเขมราษฎร์ธานี อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี มีเรื่องเล่าและตำนานผ่านลวดลายบนผืนผ้าทอจำนวน 14 ลวดลาย ดังนี้ 1) ลายช่อเทียน                   เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 5 ของเมืองสยาม ชาวบ้านโคกกงพะเนียงอยู่ในศีลกินในธรรมมาโดยตลอด ผู้ชายก็ออกรบอยู่ไม่ขาด ถ้าทางราชการต้องการก็จะส่งคนที่เก่งฟันดาบคาถาอาคมไปช่วยอยู่มิขาด เมื่อนางนวลตั้งท้องได้ 3 เดือน สามีของนางถูกส่งไปช่วยเหลือราชการแดนไกล เมื่อไปแล้วถูกส่งไปเรื่อย ๆ จนถึงเมืองหลวง เพราะสามีนางเก่งกาจวิชาอาคมบู๊บุ๋น นางสวดมนต์ภาวนาเสมอ นางเป็นผู้นำชาวบ้านลงวัดผู้นำขึ้นบทสวด ผู้นำร้องสรภัญญะ เสียงของนางไพเราะ ใสเหมือนระฆัง นางเลี้ยงลูกได้ 9 – 10 ปี มีทหารขี่ม้าส่งข่าวสารเขียนว่า “ข้าสบายดี จะได้กลับบ้านเราแล้ว ให้นำข่าวไปบอกญาติๆ ข้าด้วย คิดถึงทุกชั่วทุกยาม” ข้าคำหาญ นางดีใจจนสุดที่จะบรรยาย นางได้จุดเทียนสวดมนต์ด้วยน้ำตาและตั้งใจว่าจะมัดหมี่ลายช่อเทียนเป็นครั้งแรก โดยจำลองเอาเทียนที่ตนไหว้พระสวดมนต์มาทำแนวลายมัดหมี่ นางมัดหมี่เพื่อจะใส่อวดสามีตอนกลับมา นางมัดเวลาพลบค่ำจนถึงไก่ขันจึงเสร็จ แสงเทียนนางสว่างทั้งคืน นางมัดเสร็จภายในคืนเดียว ตื่นเช้ามานางย้อมคราม นางมีเจตนาว่าถ้าผู้ใดได้ใส่ผ้ามัดหมี่ลายนี้ นางขออวยพร 2) ลายดาวเคียงเดือน                   เมื่อราวรักสามเศร้าที่ไม่สมหวัง เมื่อชายหนุ่มหลงรักหญิงสาวคือนางเดือนเต็มและนางแสงดาวลูกสาวเศรษฐี พ่อแม่ฝ่ายชายจะยกขันหมากไปสู่ขอนางเดือนเต็มให้ แต่ด้วยความกลัวว่าทั้งสองนางจะเสียใจชายหนุ่มจึงเข้าไปขวางขบวนขันหมาก ฝ่ายพ่อโมโหมาก จึงเนรเทศลูกออกจากเมืองด้วยกลัวเสียหน้าจึงยกขบวนขันหมากไปสู่ขอลูกสะใภ้เช่นเดิม แต่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเจ้าบ่าว ฝ่ายหญิงจึงคิดค่าปรับเป็นทองคำ 10 บาท  วันหนึ่งขณะที่สองนางไปเที่ยวป่าของชายทุ่ง ชายหนุ่มได้เขียนจดหมายไปบอกลาว่าเขาไม่สามารถที่จะแต่งงานกับใครได้เลย เพราะทั้งคู่ต่างดีกับเขา ไม่อยากให้ใครต้องมาทุกข์ใจ เขาจึงขอบวชตลอดชีวิตเพื่อชดเชยความผิดในครั้งนี้ 3) ลายนาคน้อย                   เกิดขึ้นพร้อมกับมีชาววงศ์ปัดสาสร้างวัดกลางเมื่อนานมาแล้ว ข่าวเล่าขานกันอยู่มิขาดระยะ คือชาวบ้านโคกกงพะเนียงได้พบเห็นนางสองนางมายืมฟืม ในเวลาบ่ายคล้อยเกือบค่ำ วันศีล 5 พอดี วันนั้นมีลมพัดโชยมาเยือกเย็นผิดปกติ นางฟางนั่งทอผ้าอยู่ใต้ถุนบ้าน นางทั้งสองสวยผิวขาวเหลือง มีปิ่นปักผม 3 ช่อ ข้างหูทั้งสองข้าง ผมยาวกลางหลัง นางยิ้มและพูดว่า “ข้ามาขอยืมฟืมเจ้าไปทอผ้าสัก 5 – 6 วันแล้วจะเอามาส่งคืน” นางฟางตอบว่า “ทำไมเร็ว จะทออะไรถึงได้ทอ 5 – 6 วัน” นางบอกว่า “ข้าจะทอผ้ามัดหมี่ลายนาคน้อย” “เจ้าให้ยืมเถิด ข้าจะทอลายนาคน้อยมาให้เจ้าดู” แล้วนางฟางก็ถามว่า บ้านเจ้าอยู่ที่ใด นางตอบ “อยู่ฝั่งห้วยใกล้ นี่เอง” นางฟางคิดว่าเป็นชาวบ้านท่าปัดซุมฝั่งลาวนั่งเรือมายืมจึงให้ไป โดย 5 วันต่อมาอากาศอึมครึม ลมเย็น ๆ เช่นเดิม เวลาเดิม นางทั้งสองเดินเข้ามา “ข้าเอาฟืมมาส่งแล้ว” นางก็อวดผ้าซิ่น นางฟางรีบเดินมาขอดูใกล้ ๆ  ก็ตกใจ ลายผ้าเป็นตัวนาคน้อยจริงๆ นางบอกว่า “เจ้าทอลายนี้นะ ข้าจะอวยพร ใส่แล้วชาวบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุข” ถ้าเจ้าเห็นบั้งไฟผุดขึ้นเหนือน้ำ เจ้าอย่าพากันตกใจ คือพญานาคท่านมาอวยพรให้เจ้าอยู่เย็นเป็นสุข อายุมั่นขวัญยืน แล้วนางก็เดินจากไป นางฟางคิดว่าทำไมจึงอวยพรอย่างนี้ จึงรีบชวนนางจันนางยืนแอบตามไปส่องทางดูว่า จะกลับไปบ้านใด นางย่องไปจนถึงฝั่งโขงเห็นสองนางโบกมือลา นางฟางตกใจว่ากูอยู่ในป่ากล้วยแท้ ๆ ทำไมนางถึงได้เห็น ภาพที่นางฟางได้เห็นคือ นางเดินลงน้ำ   เห็นแต่เส้นผมฟูน้ำหายไป…ฯ” 4) ลายเม็ดข้าวสาร                    ลายนี้กล่าวถึงพิธีกรรมไหว้ผีนา หรือที่อีสานเรียนกว่าผีตาแฮก จะกระทำในวันแรกที่จะเริ่มเพาะปลูกข้าวพร้อม ๆ กับพิธีแรกนาขวัญ เชื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ข้าวกล้าบริบรูณ์ดี ได้ข้าวเม็ดงาม แม้หากใครได้สวมใส่จะมีกินมีใช้ไม่ขาดมือ 5) ลายดอกหญ้า                    อัญญาวังวงศ์ปัดสา เห็นชาวกรุงเดินผ่านชาวบ้าน พวกเขาแต่งตัวสวยงาม วาจาไพเราะ ขณะที่ชาวบ้านแต่งตัวธรรมดา ๆ และรู้สึกขัดเขินเมื่อต้องพูดจากับชาวกรุง จึงเกิดความน้อยใจ และเปรียบว่าชาวเขมราฐเป็นเหมือนเช่น “ดอกหญ้า” แต่ดอกหญ้าสามารถออกดอกผลิบานได้ทุกหนแห่ง คนอีสานก็มีดีเช่นกัน  มีที่ดินไร่นามากมาย มีข้าวกล้าอุดมสมบรูณ์ สักวันหนึ่งคนทั้งหลายจะได้พึ่งพาชาวอีสานขอให้ชาวอีสานได้ภูมิใจในตนเองเถิด นางหนึ่งเกิดเป็นลมล้มลง แล้วลุกขึ้นมาฟ้อนรำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชาวบ้านจึงถามว่า รำอะไรสวยงามมาก นางจึงตอบว่า รำตุ้มพาง 7) ลายหมี่เอื้อสองคอง                   กาลครั้งนั้นในทุก ๆ ปีของฤดูการเก็บเกี่ยวข้าว ผู้นำชุมชนหรือหมู่บ้านจะตีกลองเรียกประชุมที่ลานวัดเพื่อถามสารทุกข์ความเป็นอยู่ในแต่ละครอบครัว อัญญา บุญทอง วงศ์ปัดสา ได้พบว่า มีครอบครัวผู้หนึ่ง ไม่มีที่ดินทำนา ต้องอาศัยรับจ้างทำนาช่วยผู้อื่น ท่านจึงแบ่งปันที่ดินให้ประมาณ 5 ไร่ เป็นบริเวณชายป่าเพื่อใช้ทำนา โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนใด ๆ หลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าวขึ้นลาน ผู้นำชุมชนจะตีกลองประชุมที่ลานวัด เพื่อไต่ถามทุกข์สุขของคนในหมู่บ้าน ครอบครัวของผู้ยากไร้ที่ได้รับการช่วยเหลือได้ทอผ้ามัดหมี่มามอบให้ท่าน ท่านจึงถามว่า “มันคือผ้าอะไร”เจ้าของผ้าจึงตอบว่า “ข้าน้อยได้มัดหมี่เอื้อสองคองมามอบให้ท่าน คองที่หนึ่ง คือ บุญบารมีผู้สูงส่ง คองที่สอง การให้ทานโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ข้าน้อยจึงตั้งชื่อว่า หมี่เอื้อสองคอง” คือที่มาของหมี่เอื้อสองคอง จึงมีความหมายว่า ถ้าใครชื่นชอบผ้าลายนี้จะเป็นผู้มีบุญบารมีสูงส่งจะให้ทานโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ผู้มีจิตใจประเสริฐงดงาม 8) ลายพญานาคคู่                    เป็นเรื่องราวของความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ผู้ดูแลความสงบสุขของดินแดนสองฝั่ง ลำน้ำโขง ชาวเขมราฐมีความเชื่อเรื่องพญานาคเป็นอย่างมาก และนำมาทำเป็นลายผ้าซิ่นมงคล มีคำทำนายเกี่ยวกับคนที่ชอบนุ่งผ้าซิ่นลายนาคคู่ว่า หญิงที่เลือกผ้าลายนี้แสดงว่าเป็นคนที่รักในศักดิ์ศรี หากตนเองไม่ได้ทำผิดสิ่งใดแล้วมีผู้มากล่าวหาก็จะสู้อย่างถึงที่สุด 9) ลายพานไหว้ครู                   อัญญาวัง วงศ์ปัดสา ได้จำลองเอาพานไหว้ครูที่ปั้นด้วยดินเหนียวเสียบด้วยดอกรัก และดอกจำปี ธูปเทียน ดอกเข็ม เพื่อให้ลูกชายนำไปไหว้ครู ท่านจึงมัดขึ้น 2 ผืน ให้บุตรชายอาจารย์ไพศาล วงศ์ปัดสานำไปไหว้ครู ซึ่งก่อนท่านเสียชีวิต บุตรสาวถามว่าข้าน้อยอยากได้ผ้ามัดหมี่ผืนนี้เพื่อนำไปใส่จะได้ไหม แม่ตอบว่า “ลูกใส่มิได้ดอก ลูกมิคู่ควรแม่ตั้งใจมัดให้ผู้มีวิชาความรู้ เป็นครูบาอาจารย์ สั่งสอนผู้อื่นได้เท่านั้น” ผู้เป็นลูกได้ยินจึงเกิดความรักผ้ามัดหมี่ลายนี้เอาไว้ว่า ตัวเองมิคู่ควร จึงยกให้น้องชายผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์ จึงมีความหมายว่า หากผู้ใดชอบผ้าลายนี้เกิดมาจะเป็นผู้มีความรู้แตกฉานสามารถอบรมสั่งสอนผู้อื่นได้ด้วยสติปัญญา 10) ลายฮั้วอ้อมบ้าน/ลายรั้วล้อมบ้าน  

การศึกษา พัฒนา ออกแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี: บทบาทในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักศึกษาและมหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน Read More »

บริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชุน เพื่อสร้างชื่อเสียง ให้กับมหาวิทยาลัย ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ดร.สุมามาลย์ ปานคำ วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           จาก KM Rangsit University ปี พ.ศ. 2562 หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม (Social Media Technology: SMT) ได้ส่งการจัดการความรู้ ประเด็นการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ เรื่อง เทคนิคการบริหารหลักสูตรสู่ความเป็นเลิศด้วย SMT Model ซึ่ง S : Scanning ค้นหาจุดเด่นของหลักสูตรฯ, M : Marketing ทำการตลาดออนไลน์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก และ T : Teaching-Learning Process วางแผนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพนั้น  โดยหลักสูตรฯ กำหนดวิสัยทัศน์ คือ สร้างนักเทคโนโลยีสื่อสังคมที่มีคุณภาพเน้นความรู้ ลงมือปฏิบัติจริงและผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี           ในปีการศึกษา 2561 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 20 คน ได้ตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI1 จำนวน 5 บทความ TCI2 จำนวน 11 บทความ การประชุมวิชาการระดับนานาชาติ จำนวน 2 บทความ และการประชุมวิชาการระดับชาติ จำนวน 2 บทความ นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 2 คน ได้แก่ นายกีรติ แย้มโอษฐ รหัสนักศึกษา 6102332  และนางสาวสุดาทิพย์ สันทนาประสิทธิ์ รหัสนักศึกษา 6102314           ในปีการศึกษา 2562 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 29 คนและตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI 1 จำนวน 7 บทความ TCI 2  จำนวน 19 บทความ และการประชุมวิชาการระดับชาติ จำนวน 3 บทความ นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 1 คน ได้แก่ ร้อยโทศุภสัณห์ เกิดสวัสดิ์ รหัสนักศึกษา 6202892          ในปีการศึกษา 2563 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 32 คนและตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI1 จำนวน 15 บทความ TCI2 จำนวน 22 บทความ  นอกจากนี้ นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 5 คน ได้แก่  นางสาวนงนภัส ชัยรักษา รหัสนักศึกษา 6302966, นายกิตติธัช ช้างทอง รหัสนักศึกษา 6304047, นายกฤษฎา ฟักสังข์ รหัสนักศึกษา 6304277, นางสาวกัญญ์กานต์ กุญโคจร รหัสนักศึกษา 6303580 และนางสาวกัญญานีน์ กุลกนก รหัสนักศึกษา 6303041           จากการบริหารหลักสูตรฯ ที่มีประสิทธิภาพ เน้นความรู้ ลงมือปฏิบัติจริง และวางแผนการเรียนการสอนที่ดีทำให้ผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี และมีผลงานตีพิมพ์ที่สูงกว่าเกณฑ์การสำเร็จการศึกษาปกติ ในส่วนของการจัดการความรู้ครั้งนี้ ผู้ให้ความรู้ขอถอดความรู้เกี่ยวกับการบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อหลักสูตรอื่นฯ และมหาวิทยาลัยต่อไป ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)🗹 ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University      (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase) ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)🗹 เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.สุมามาลย์ ปานคำ วิธีการดำเนินการ การบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ สามารถเขียนเป็นแผนภาพเพื่อให้เห็นขั้นตอนกระบวนการที่ชัดเจน รวมถึงระบุช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับแต่ละกระบวนการตั้งแต่วันที่รับนักศึกษาเข้ามาศึกษาจนจบการศึกษา ดังภาพที่ 1 การบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ สามารถเขียนเป็นแผนภาพเพื่อให้เห็นขั้นตอนกระบวนการที่ชัดเจน รวมถึงระบุช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับแต่ละกระบวนการตั้งแต่วันที่รับนักศึกษาเข้ามาศึกษาจนจบการศึกษา ดังภาพที่ 1 จากภาพที่ 1 แสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนการสอนของหลักสูตร เน้นให้มีวิชาการวิจัย 2 วิชาในแต่ละเทอม เพื่อใช้สําหรับถ่ายทอดความรู้และติดตามการทําวิจัยควบคู่ไปกับการเรียนการสอนหรือเรียกว่า เรียนรู้ไปพร้อมกับการปฏิบัติจริง 2.Prototype testing in an operational environment – DO  หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม (Social Media Technology: SMT) ได้ปฏิบัติตามกระบวนการตามแผนที่วางไว้ ดังภาพที่ 1 รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินการ  ดังนี้ คลังข้อมูลวิจัย: ผู้สอนสร้างคลังความรู้เกี่ยวกับงานวิจัยของศิษย์เก่า หรือ มหาวิทยาลัยอื่นๆ ใน Google Drive ตามความต้องการของผู้เรียน เช่น บทความวิจัย, เล่มวิจัย, PPT ของศิษย์เก่าในการสอบปกป้องวิทยานิพนธ์/การศึกษาค้นคว้าอิสระ เป็นต้น  ไลน์กลุ่มวิจัย: นักศึกษาส่งชื่อเรื่องวิจัยในไลน์กลุ่มเพื่อตรวจสอบไม่ให้หัวข้อวิจัยของนักศึกษาซ้ำกันในรุ่น และซ้ำกับรุ่นพี่ที่ทำวิจัยเสร็จสิ้นไปแล้ว สร้างแรงจูงใจและเป้าหมายร่วมกัน: ผู้สอนวางแผนร่วมกันกับนักศึกษาทุกคน โดยสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาว่าตั้งใจเรียนจบ 1 ปีหรือไม่ ซึ่งนักศึกษาทุกคนจะตอบว่า “จะเรียนให้จบ 1 ปี” เป็นการสร้างแรงจูงใจและคำสัญญาระหว่างผู้สอนกับนักศึกษา แผนปฏิบัติการวิจัย: ผู้สอนอธิบายกระบวนการทำวิจัยและส่งแผนการทำวิจัยที่จะทำให้นักศึกษาสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี ให้นักศึกษาทุกคนทราบ และ ดำเนินการวิจัยตามขั้นตอนในภาพที่ 1 จนถึงนักศึกษาสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ / การศึกษาค้นคว้าอิสระ  5. การจัดสรรเวลาให้คำปรึกษา: สิ่งสำคัญในการดำเนินการ คือ ผู้สอนต้องจัดสรรเวลาให้คำปรึกษาออฟไลน์หรือออนไลน์กับนักศึกษานอกเหนือจากเวลาเรียนเสาร์-อาทิตย์ เช่น วันจันทร์ เวลา 9.00 – 16.00 น. หรือวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK           จากปัญหาและอุปสรรคที่พบ หลักสูตรพยายามแก้ปัญหานักศึกษาที่ไม่ทำตามแผนปฏิบัติการวิจัยโดย ผู้สอนจัดทำตารางตรวจสอบผลการดำเนินงานวิจัยของนักศึกษาทุกคน เพื่อติดตามความก้าวหน้าของงานวิจัยในแต่ละเดือน จะพบว่ามีนักศึกษาบางคนทำวิจัยไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด ดังนั้น ผู้สอนจะดำเนินการแก้ไขในทันที โดยให้เพื่อนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม (เด็กเก่ง) ที่ทำวิจัยสำเร็จในขั้นตอนนั้นๆ แล้ว ไปช่วยให้คำแนะนำ สอนวิธีการ เพื่อให้งานวิจัยเสร็จสิ้นตามเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ได้ผู้สอนจะไปช่วยเหลือนักศึกษาด้วยตนเองว่าติดปัญหาอะไรและดำเนินการช่วยเหลือ นอกจากนี้ ผู้สอนยังสร้างแรงจูงใจให้หัวหน้ากลุ่มและเพื่อนๆในกลุ่มที่จะรับปริญญาพร้อมกันทุกคนในเดือนธันวาคมของทุกปี หากนักศึกษารู้สึกท้อให้นักศึกษาคิดถึงรูปเพื่อนๆ ในรุ่นใส่ชุดครุยวิทยฐานะ 2 แถบ ถ่ายรูปพร้อมกันทุกคน ให้นักศึกษาทุกคนมองความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นความสำเร็จร่วมกันไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ทุก ๆ คนพยายามที่จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดี และพยายามที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อให้ทุกคนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้           สิ่งสำคัญในการดำเนินการ คือ ต้องแก้ไขในทันทีไม่ให้นักศึกษาหลุดลอยจากแผนที่วางไว้ เนื่องจากเมื่อหลุดลอยไปแล้วจะทำให้ตามเพื่อนๆ ไม่ทันส่งผลให้เกิดความท้อไม่อยากทำวิจัยและทิ้งวิจัยไปในที่สุด           บทสรุปความรู้ คือ ผู้สอนวางแผนและติดตามผลการดำเนินการวิจัยของนักศึกษาทุกคนในทุกขั้นตอนเป็นระยะ นอกจากนี้ยังสร้างแรงจูงใจให้นักศึกษาทุกคนช่วยเหลือเพื่อนเพื่อจะได้รับปริญญาพร้อมกันทุกคน ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ต้องมีการวางแผนที่ดี รู้ว่าปัจจัยของความสำเร็จอยู่ที่ใด ซึ่งในการศึกษาระดับปริญญาโท คือการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงาน ดังนั้นหลักสูตรจึงให้ความสำคัญกับกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตั้งแต่การกำหนดวิชาวิจัยให้มี 2 วิชา และจัดในแต่ละเทอม การกำหนดหัวข้อวิจัยในขอบเขตที่ไม่กว้างจนเกินไป เพื่อที่จะให้นักศึกษาทุกคนรวมถึงผู้สอน สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ซึ่งการวางแผนดังกล่าว ทำให้การทำวิจัย ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่มเติมหรือต้องทำหลังจากเรียนทุกวิชาครบ แต่สามารถทำได้ในขณะที่เรียน จุดนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้นักศึกษาสามารถเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยได้ สร้างผู้นำทีมของนักศึกษาในการทำวิจัย เนื่องจากนักศึกษาจะไม่กล้าขอคำแนะนำจากผู้สอนเพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิเมื่อวิจัยล่าช้า 3. สร้างทีมผู้สอน โดยดึงสมรรถนะของผู้รับผิดชอบหลักสูตรมาใช้ให้ตรงตามความสามารถของแต่ละบุคคล เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมชาย เล็กเจริญ ช่วยแนะนำวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติให้นักศึกษาส่งบทความวิจัยเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ต่อไป และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุมามาลย์ ปานคำ ช่วยแนะนำวิธีการเขียนบทความวิจัยตามแบบฟอร์มของแต่ละวารสารวิชาการต่างๆ เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ต่อไป

บริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ Read More »

การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival”

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival” ผู้จัดทำโครงการ​ อ.สุรัตน์ ทองหรี่ วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ด้วยเครือข่ายนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ (Communication Consortium) 18 สถาบัน ตระหนักถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันสร้างกลไกเพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์และการเผยแพร่ผลงานของอาจารย์ในระดับนานาชาติ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาตามตัวบ่งชี้ สกอ. และได้เล็งเห็นว่าผลงานสร้างสรรค์ประเภทภาพถ่าย เป็นงานที่อยู่ในหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิตทุกสถาบัน จึงมีโครงการจัดกิจกรรมการเผยแพร่ผลงานภาพถ่ายนานาชาติของอาจารย์ในเครือข่ายนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ โดยกำหนดจัดโครงการประมาณเดือนเมษายนของทุกปี ทั้งนี้ผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจัดแสดงต้องผ่านการประเมินจากนักวิชาการ นักวิชาชีพ และศิลปินแห่งชาติ โดยมีผู้ส่งผลงานจากประเทศนอกอาเซียนอย่างน้อย 5 ประเทศ โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการพัฒนาอาจารย์และการประกันคุณภาพการศึกษาอีกด้วย           ในปี พ.ศ. 2565 เครือข่ายนิเทศศาสตร์ ได้จัดนิทรรศการภาพถ่ายนานาชาติในหัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival’ โดยได้เชิญชวนผู้สนใจส่งภาพถ่ายเข้าประกวดเพื่อคัดเลือกผลงานนำไปจัดแสดง ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในการนี้ผู้เล่าเรื่องได้ส่งผลงานภาพถ่ายเข้าร่วมประกวดและได้รับคัดเลือกภาพถ่ายที่ทำขึ้นภายใต้ชื่อ ‘Give Alms to a Buddhist Monk : ตักบาตรเช้า’ ให้แสดงในนิทรรศการในครั้งนี้           นิทรรศการภาพถ่าย ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ เป็นพื้นที่ของการสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ สะท้อนผ่านมุมมองที่หลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจัยแวดล้อมในปัจจุบัน การแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับตัวตนของมนุษย์ต่อคำถาม เราคือใคร เป็นอยู่อย่างไร การดำเนินชีวิตอย่างไรที่สร้างความหวังเพื่อความอยู่รอดท่ามกลางความรวนเรแปรปรวนของระบบคุณค่าทั้งเชิงชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม ปรัชญา ศาสนา สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 เราค้นพบวิถีปรับตัวสู่ชีวิตในวิถีใหม่อย่างสร้างสรรค์ในลักษณะใดบ้าง อะไรคือความหวังและความอยู่รอด เครือข่ายนิเทศศาสตร์เล็งเห็นว่า ภาพถ่ายในช่วงรอดต่อของภัยคุกคามสู่สภาวะความเป็นปกติใหม่นี้ จะเป็นสื่อเตือนใจให้ผู้คนตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท ดำรงชีวิตอย่างมีความหวังเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป            ภาพถ่ายเป็นสื่อประเภทหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ในการถ่ายนทอดเรื่องราว ความคิด ในการสื่อสารความหมาย เรื่องราว เหตุการณ์ สถานที่ ช่วงเวลา รวมถึงความหมายที่ผู้รับสารเกิดการรับรู้ด้วยการสัมผัสทางสายตา การสื่อสารด้วยภาพจึงเป็นวิธีการแสดงออกทางความคิดที่ง่ายตรงไปตรงมา ภาพถ่ายยังเป็นสื่อที่ช่วยสร้างความสนใจ การจดจำและการตีความหมายเนื้อหาและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นนามธรรมออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมและภาพถ่ายยังเป็นการสื่อสารความคิดของมนุษย์ผ่านภาษาภาพไปยังผู้ที่ต้องการสื่อสารด้วย           ภาพถ่ายเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิต เปรียบเสมือนสาร (Message) ที่ผู้ส่งสาร (Sender) ส่งไปยังผู้รับสาร (Receiver) ผ่านช่องทาง (Channel) ต่าง ๆ ภาพถ่ายเป็นสื่อที่สำคัญในการบันทึกความรู้สึก เหตุการณ์ ความทรงจำ รวมถึงค่านิยมเพื่อก่อให้เกิดสิ่งใหม่ผ่านการนำเสนอมุมมองทางความคิด ประสบการณ์ จินตนาการ ในการสะท้อนการรับรู้ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่อวิถีชีวิตของทุกสรรพสิ่ง            จากที่มาของแนวคิดข้างต้น จึงเกิดแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดมุมมองที่จะสะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ ผ่านมุมมองหลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมทั้งเชิงชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม ปรัชญา ศาสนา สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ผู้คนค้นพบวิถีปรับตัวสู่ชีวิตในวิถีใหม่อย่างสร้างสรรค์ในลักษณะใดบ้าง อะไรคือความหวังและความอยู่รอด ส่งผ่านความคิดมุมมองต่อการดำเนินชีวิตความหวังเพื่อความอยู่รอดของคนรุ่นต่อ ๆ ไป ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ ผู้เล่าเรื่อง ได้ศึกษาทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นองค์ความรู้ในการกำหนดแนวทางในการสร้างสรรค์ อันประกอบด้วย แนวคิดศิลปะแห่งการภาพถ่าย แนวคิดการสื่อความหมายด้วยภาพ และแนวคิดการถ่ายภาพแนว Life Photography จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้เล่าเรื่องกำหนดแนวคิดการสร้างสรรค์ภาพถ่าย ได้แก่ แนวคิดการสร้างสรรค์ กระบวนการสร้างสรรค์ และขั้นตอนการสร้างสรรค์ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ แนวคิดการสร้างสรรค์ ประกอบด้วย 1.1 แนวคิดหลัก (Main Idea) คือ ‘ภาพสะท้อนความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ผ่านมุมมองหลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ 1.2 การพัฒนาแนวคิดหลัก ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดหลักมาเป็นหัวใจหลักของ           การสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography โดยเน้นการนำเสนอเรื่องราวของสรรพสิ่งที่มีชีวิตกระทำต่อกันที่สะท้อนความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีการจัดฉากเหตุการณ์ โดยสร้างสรรค์ผ่านความรู้ ประสบการณ์และแรงบันดาลใจของผู้เล่าเรื่อง กระบวนการสร้างสรรค์ ผู้เล่านำแนวคิด ‘ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ เป็นประเด็นสำคัญในการสื่อสารสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยมีเนื้อหาที่ต้องการสื่อความหมายให้รับรู้ถึงความงดงามที่ก่อตัวขึ้นเป็นธรรมชาตินั่นเกิดจากสรรพสิ่งที่มีชีวิตที่ให้และแบ่งปันซึ่งกันและกันเพื่อความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ เป็นเพียงสื่อที่นำพาไปสู่ความรู้สึกทางจิตใจทั้งของผู้ให้และผู้รับ และผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดการจัดวางองค์ประกอบทางศิลปะ โดยหลอมรวมเนื้อหาให้เป็นหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงสัมพันธ์กันเพื่อนำไปสู่จุดเด่นในภาพที่เกิดจากการเชื่อมโยงความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ3. ขั้นตอนการสร้างสรรค์ ผู้เล่าเริ่มจากการสำรวจสถานที่ โดยการนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้และเตรียมพร้อมบันทึกภาพเหตุการณ์นั้น ๆ โดยที่ภาพเหตุการณ์จะต้องปราศจากการจัดฉากหรือการปรุงแต่งใด ๆ เพียงแต่การเฝ้ารอจังหวะให้เหตุการณ์นั้นดำเนินเรื่องราวของมันไป โดยกำหนดและค้นหาฉากหลังที่ตรงกับการสื่อความหมายที่วางไว้ จากนั้นเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ ประกอบด้วย กล้อง เลนส์ ขาตั้งกล้อง เมมโมรีการ์ด ปรับตั้งค่าโหมด รูรับแสง สปีดชัตเตอร์ รวมถึงความยาวโฟกัสให้มีความพร้อม จากนั้นเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จินตนาการไว้ ผู้เล่าเรื่องอดทนรอจน Subject ที่ต้องการปรากฏตามตำแหน่งขององค์ประกอบภาพที่จินตนาการไว้ รวมถึงอากัปกิริยาของ Subject ที่ต้องการ แล้วลงมือกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ☑ ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University      (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase)       เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.สำราญ แสงเดือนฉาย วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)☑ เจ้าของความรู้/สังกัด อาจารย์คมศร สนองคุณ วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิธีการดำเนินการ ผู้เล่าเรื่องกำหนดขั้นตอนการดำเนินการภาพถ่ายไว้ โดยมีขั้นตอนคือ การบ่งชี้ความรู้ เครือข่ายนิเทศศาสตร์ จัดประกวดภาพถ่ายนานาชาติ ในหัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ โดยผู้เล่าสนใจส่งภาพถ่ายเข้าประกวด โดยผู้เล่าได้สนใจสร้างสรรค์ภาพถ่ายในประเด็นที่ทุกชีวิตล้วนมีความหวังเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้อย่างไรบ้าง  การสร้างและแสวงหาความรู้ เมื่อกำหนดประเด็นการสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ ผู้เล่าดำเนินการแสวงหาประเด็นที่จะใช้ในการถ่ายภาพโดยให้เกี่ยวข้องกับ “สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด” โดยเน้นไปที่วิถีชีวิตของมนุษย์ที่ปรับตัวให้อยู่กับบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงแสวงหาเทคนิคการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography เพื่อที่ทำให้สามารถถ่ายทอดเรื่องได้ตรงกับโจทย์มากที่สุด การจัดการความรู้ให้เป็นระบบ ผู้เล่าเรื่องมีขั้นตอนการจัดการความรู้โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ – Background : กลุ่มเครือข่ายนิเทศศาสตร์จัดประกวดภาพถ่ายนานาชาติ หัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ เพื่อสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Objective Communication : เพื่อสร้างการตระหนักรู้ต่อวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Target Audience : บุคคลที่มีต้องการความหวังเพื่อความอยู่รอด – What to Say Concept : ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Mood and Tone : ความหวัง ความอยู่รอด วิถีชีวิต และธรรมชาติ การประมวลและกลั่นกรองความรู้ ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิด ‘ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ เป็นประเด็นสำคัญในการสื่อสารสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยมีสาระสำคัญด้าน 1) เนื้อหา (Content) ผู้เล่าเรื่องกำหนดเนื้อหาที่ต้องการสื่อความหมายให้รับรู้ถึงความงดงามที่ก่อตัวขึ้นเป็นธรรมชาตินั่นเกิดจากสรรพสิ่งที่มีชีวิตที่ให้และแบ่งปันซึ่งกันและกันเพื่อความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ เป็นเพียงสื่อที่นำพาไปสู่ความรู้สึกทางจิตใจทั้งของผู้ให้และผู้รับ 2) รูปทรง (Form) ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดองค์ประกอบทางศิลปะมาหลอมรวมเพื่อประกอบสร้างความหมายตามประเด็นเนื้อหาที่กำหนดไว้ คือ การจัดวางองค์ประกอบทางศิลปะ (Composition Art) ในแบบเอกภาพ (Unity) โดยหลอมรวมเนื้อหาให้เป็นหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงสัมพันธ์กันของส่วนประกอบอื่น นำไปสู่จุดเด่นในภาพที่เกิดจากการเชื่อมโยงความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ  การเข้าถึงความรู้ สถานที่ ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นดินแดนอีสานใต้ ที่มีความงดงามทางด้านวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม ที่น่าสนใจ โดยมีจุดเด่น เป็นพื้นที่ที่มีแม่น้ำมูลไหลผ่าน ด้านล่างติดเทือกเขาพนมดงรักและชายแดนกัมพูชา ผู้คนมีหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันมานานนับพันปี จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมที่หลากหลาย ‘ตักบาตรข้าวเหนียว’ ก็เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ที่ทุกเช้าจะมีชาวบ้านจะมานั่งรอพระสงฆ์ที่เดินเรียงแถวกันมาเพื่อตักบาตรข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ ที่สืบทอดกันมายาวนานของวิถีชีวิตที่สงบ เรียบง่าย และงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทุกคนต้องเว้นระยะห่างในการตักบาตรเพื่อความปลอดภัยทั้งพระสงฆ์และชาวบ้าน การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ผู้เล่าได้เข้าไปศึกษาข้อมูลที่มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ในคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University เพื่อนำมาใช้เป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายในครั้งนี้ การเรียนรู้ ผู้เล่าได้เรียนรู้ดังนี้ 7.1 การสำรวจสถานที่ โดยการนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้และเตรียมพร้อมบันทึกภาพเหตุการณ์นั้น ๆ โดยที่ภาพเหตุการณ์จะต้องปราศจากการจัดฉากหรือการปรุงแต่งใด ๆ เพียงแต่การเฝ้ารอจังหวะให้เหตุการณ์นั้นดำเนินเรื่องราวของมันไป 7.2 การเลือกฉาก ผู้เล่าเรื่องค้นหาฉากหลังที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ต้องการสื่อความหมาย ระหว่างนั้นเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ ประกอบด้วย กล้อง Mirrorless Sony A5100  เลนส์ 18-55 mm และขาตั้งกล้อง โดยปรับตั้งค่าโหมด AV รูรับแสง F2.8 สปีดชัตเตอร์ 1/250 ISO 200 รวมถึงกำหนดความยาวโฟกัสให้เก็บภาพได้เต็มตัว ให้มีความพร้อม จากนั้นเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จินตนาการไว้ 7.3 การบันทึกภาพ ผู้เล่าเรื่อง เฝ้ารอเหตุการณ์จน Subject ที่ต้องการปรากฏตามตำแหน่งขององค์ประกอบภาพที่จินตนาการไว้ รวมถึงอากัปกิริยาของ Subject ที่ต้องการ แล้วลงมือกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ โดยบันทึกภาพหลาย ๆ ภาพเพื่อนำมาคัดเลือกภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้ง แสง สี ฉาก และอากัปกิริยาของ Subject 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน * 2.1 ผลงานการสร้างสรรค์ภาพถ่าย  ชื่อผลงาน : ‘Give Alms to a Buddhist Monk : ตักบาตรเช้า’ 2.2 อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน                    1) การเลือกสถานที่ สถานที่ถ่ายภาพเป็นสถานที่จริงที่มิได้มีการจัดฉากหรือองค์ประกอบใด ๆ ดังนั้นผู้ถ่ายทำต้องเลือกมุมและจัดองค์ประกอบภาพให้ภาพออกมาสมบูรณ์ในการสื่อความหมายมากที่สุด                    2) การเลือกฉาก ด้วยการเป็นชุมชนชนบท ฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าจะส่งให้ภาพมีความน่าสนใจมากกว่าที่จะเป็นบ้านเรือนหรือต้นไม้ในชุมชน                    3) การบันทึกภาพ ก่อนกดชัตเตอร์ผู้ถ่ายภาพต้องรอจังหวะเวลาที่ดีที่สุดเพราะเหตุการณ์นั้นจะเกิดเพียงเสี้ยววินาที หรืออาจต้องใช้การบันทึกภาพแบบต่อเนื่องเพื่อสามารถนำมาเลือกภาพที่ดีที่สุด 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           ผู้เล่าเรื่อง สรุปข้อค้นพบองค์ความรู้ใหม่ของการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life photography โดยสาระสำคัญ ดังนี้                    3.1 การถ่ายภาพแนว Life Photography เป็นการถ่ายภาพวิถีชีวิตที่สะท้อนมุมมองความคิด เรื่องราว สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เน้นเรื่องความเป็นจริงของสภาพที่เป็นไปในสังคม ไม่มีการจัดฉาก จะอยู่บนท้องถนน ในที่ใดก็ตาม มันก็คือภาพชีวิตจริง ไม่ได้จำกัดสถานที่และเวลา แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไป ต้องเว้นระยะห่าง ต้องใส่หน้ากาก จึงทำให้ผู้เล่าเรื่องต้องมีการจัดวางองค์ประกอบภาพให้เหมาะสมกว่าปกติเพื่อการถ่ายภาพให้สมบูรณ์ที่สุด                    3.2 ฉากหน้าฉากหลัง ผู้เล่าเรื่องได้ใช้การองค์ประกอบภาพฉากหลังด้วยกฎสามส่วน โดยแบ่งเป็นพื้นดินสองส่วนท้องฟ้าหนึ่งเพื่อให้ฉากหลังกับวัตถุอยู่ในโทนสีข้างเคียงดูแล้วกลืนกันมีมิติที่น่าสนใจในการสื่อความหมายของภาพ                    3.3 เทคนิคการใช้กล้องและอุปกรณ์ต่าง ๆ ผู้เล่าเลือกถ่ายภาพแนวตั้งเพื่อจะได้บันทึกภาพแบบเต็มตัว ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดได้ใกล้และชัดเจนกว่าการถ่ายภาพแนวนอน อีกทั้งลดพื้นที่ด้านข้างของภาพแนวนอน จึงทำให้สามารถเน้นสิ่งที่ถ่ายได้ชัดเจนขึ้น เต็มตามากขึ้น ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           ผู้เล่าเรื่อง สรุปข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคตของการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography เพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice โดยสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ด้านสถานที่ การนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้อาจยุ่งยากเพราะด้วยจังหวะเวลา และปรากฏการณ์นั้นอาจเกิดเพียงเสี้ยววินาที ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดี ในการสำรวจช่วงเวลาและสถานที่ก่อนบันทึกภาพเพื่อให้ได้ภาพที่ตรงกับการสื่อความหมายมากที่สุด การเลือกฉากหลัง ก่อนกดบันทึกภาพ สิ่งที่ผู้เล่าเรื่องต้องคำนึงถึงคือฉากหลังและองค์ประกอบภาพที่ผู้รับสารจะสัมผัสได้ผ่านภาพถ่ายนั้น ซึ่งบางครั้งการถ่ายภาพมีมุมจำกัดในการบันทึกภาพ ผู้ถ่ายภาพอาจต้องเตรียมอุปกรณ์ ทั้ง กล้อง เลนส์ ฯลฯ ให้ตรงกับภาพที่จะบันทึก การบันทึกภาพ ผู้เล่าเรื่องควรบันทึกภาพหลากหลายมุม หลากหลายองค์ประกอบ เพราะภาพที่เป็นธรรมชาติ อาจมีอากรับกิริยา อาการ อารมณ์ สีหน้า ท่าทาง ที่แตกต่างกันไปทุกเสี้ยววินาที การบันทึกภาพหลากหลายมุมและองค์ประกอบจะทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด

การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival” Read More »

การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน ผู้จัดทำโครงการ​ รศ.นันทชัย ทองแป้น วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ปัจจัยที่สาคัญที่ทาให้มหาวิทยาลัยรังสิตมีความเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วจนเติบโตเป็นมหาวิทยาลัยระดับต้นๆของประเทศและก็ติดอยู่ในระดับโลกถึงแม้อันดับจะไม่สูงมากนักก็คือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นามหาวิทยาลัยที่เป็นผู้กาหนดวิสัยทัศน์และเป็นที่รวมจิตวิญญาณของทุกอย่างของมหาวิทยาลัยรังสิต ทิศทางการการดาเนินงานที่ชัดเจน บุคลากร            ในส่วนของระดับคณะหรือวิทยาลัยก็เช่นเดียวกัน สาหรับในส่วนของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาอย่างต่อเนื่อง ในทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้นยุทศาสตร์ซึ่งถือว่าเป็น Road Map ที่สาคัญที่ทาให้สามารถเดินได้มาจุดในปัจจุบัน          อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นก่อนที่จะทาการกาหนดยุทธศาสตร์ จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยรังสิตอยู่ตรงไหน? ภารกิจหลักของคณะ/วิทยาลัยคืออะไร ? คาตอบในเชิงยุทธศาสตร์ก็คือ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไปสู่เป้าหมาย โดยใช้การจัดการเป็นฐาน สาหรับวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นมีเป้าหมายคือ มหาวิทยาลัยรังสิตติด Top1000/โลกและ Top 10/ประเทศไทย รวมทั้งต้องการให้มหาวิทยาลัยรังสิตสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพึ่งพาตนเองของประเทศไทยได้ ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้          การบริหารจัดการ คือกระบวนการในการวางแผน การจัดการองค์การ การสั ่งการ การควบคุมการใช้ทรัพยากรเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางเอาไว้โดยที่คณะ/วิทยาลัยเป็นหน่วยงานที ่มีหน้าที ่โดยตรงในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไปสู่เป้าหมายโดยใช้การจัดการเป็นฐาน ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริหารและบุคลากรในทุกระดับจะต้องรู้และเข้าใจตรงกันก็คือ ความจริงของปัจจุบันและอนาคตและสิ่งที่ต้องพิจารณาในการนำพาคณะ/วิทยาลัยว่า ภูมิทัศน์ของโลกในศัตวรรษที่ 21 ในทุกมิตินั้นจะเป็นมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เป็นแบบเชิงเส้นอีกต่อไป ส่งผลทำให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะในทุกด้านไม่เหมือนเดิม รวมทั้งทักษะในการดำรงชีวิตก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผู้บริหารจำเป็นต้องรู้ถึงสภาพความจริงดังกล่าว รวมทั้งต้องศึกษาและวิเคราะห์ถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์ และทิศทางของมหาวิทยาลัยให้ชัดเจนและลึกซึ้งว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่ส าคัญจะต้องศึกษาถึงสภาพปัจจุบันของมหาวิทยาลัย คณะ/วิทยาลัยรวมไปถึงอัตราการเติบโตในมิติต่างๆ ขององค์ประกอบที่สำคัญในระดับโลก ระดับภูมิภาค หรือระดับประเทศถึงสภาพอย่างลึกซึ้ง เพื่อนำไปใช้การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน          วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ได้รับการยกระดับจากสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ เป็นคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 และในวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 มหาวิทยาลัยรังสิต ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ยกระดับจากคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ โดยท่านอธิการบดีให้นโยบายและทิศทางการด าเนินงานในด้านต่างๆของวิทยาลัยว่าให้คณะ/วิทยาลัยในแนวใหม่ที่สร้างนวัตกรรม ไม่ต้องยึดติดกับกรอบงานเอกสารแบบเดิม ไม่ว่านักศึกษาที่เข้ามาเป็นอย่างไร แต่จบออกไปให้มีคุณภาพ สอนให้นักศึกษามีจิตวิญญาณผู้ประกอบการ สอนให้นักศึกษามีความคิดสร้างสรรค์ และมีนวัตกรรม เน้นให้ทั้งบุคลากรและบัณฑิตที่จบออกไปเป็นคนที่มีสมรรถนะสูงทั้งในด้านวิชาการ วิชางานและวิชาคนทางวิทยาลัยได้นำเอาดำริทางด้านนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานของวิทยาลัยจากท่านอธิการบดีมาจัดทำเป็นโมเดลของรูปแบบของการบริหารจัดการแบบครบวงจรได้ดังรูป            พิจารณาจากรูปสามารถอธิบายโดยสรุปได้ดังนี้ วงจรของการบริหารจัดการวิทยาลัยหรือแม้แต่ มหาวิทยาลัยนั้น ถ้ามองแบบครบวงจรจะสามารถเขียนเป็นรูปแบบได้ดังรูปข้างบน โดยที่ปัจจัยสิ่งที่สำคัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเอกชนให้เกิดขึ้นนั้น ต้องมาจากงบประมาณ ซึ่งก็คือรายได้ซึ่งมาจาก 2 แนวทางคือจากผู้เรียนหรือนักศึกษา และจากรายได้จากแหล่งอื่นได้แก่ ทุนวิจัย การแต่งตำราหรือเอกสารทาง วิชาการ การนำผลงานวิจัยดำเนินการในเชิงพาณิชย์ หรือบริการวิชาการในรูปแบบต่างๆ จากรายได้ดังกล่าวก็จะนำไปใช้ในการจัดสรรในด้านต่างๆ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งบุคลากรที่เก่งๆ และมีสมรรถนะสูง ทำให้ สามารถสร้างเครือข่ายในเชิงวิชาการ วิชางาน ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นปัจจัยที่จะดึงดูด นักศึกษาเข้ามาได้มากทั้งจำนวนและคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพงานในทุกมิติรรวมทั้งได้บัณฑิตที่มีคุณภาพที่ดี สิ่งที่ตามมาคือ ชื่อเสียงของวิทยาลัยก็จะถูกเผยแพร่ออกไปทั้งในระดับในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผล ย้อนกลับทำให้ค่านิยมในการเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัย/มหาวิทยาลัยมีจำนวนมากขึ้น ถ้าสามารถทำให้การพัฒนา ของวงจรดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ก็จะส่งผลต่อการพัฒนาของของวิทยาลัย/ มหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างยั่งยืน ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ วิธีการดำเนินการ           ทางวิทยาลัยได้นำนโยบายและทิศทางการพัฒนาดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการกาหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ในการนำพาวิทยาลัยโดยเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ SWOT ในทุกมิติทั้งด้านคุณภาพและปริมาณทั้งในส่วนของงานสอน งานวิจัย งานบริการวิชาการและงานทานุบารุงศิลปวัฒนธรรมรวมทั้งศึกษาอัตราการเติมโตในด้านต่างๆ ดังกล่าวทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาคและระดับประเทศ โดยในระดับประเทศได้นำเอาหลักเกณฑ์ในระดับประเทศมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา โดยมุ่งที่จะพัฒนาให้อัตราการเจริญเติบโตในแต่ละปีให้มากกว่าเกณฑ์ดังกล่าวไม่ต่ากว่า 10-15เปอร์เซ็นต์          โดยทางวิทยาลัยได้ คิดคาขวัญประจาวิทยาลัยคือการเติบโตแบบก้าวกระโดด “Quantum Leap to the Innovation & Entrepreneurship Faculty” ด้วยปรัชญา (Philosophy) “นวัตกรรม จิตวิญญาณผู้ประกอบการ และ ความเป็นสากล ชนะทุกสิ่ง และนามาซึ่งความสาเร็จ” โดยมีปณิธาน (AIM)ว่า “มุ่งผลิตวิศวกรชีวการแพทย์สากลที่มีจิตวิญญาณผู้ประกอบการเพื่อเติมเต็มระบบการดูแลรักษาสุขภาพให้กับสังคม”ด้วยวิสัยทัศน์ (Vision) ในการนาวิทยาลัยก้าวสู่ “วิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและจิตวิญญาณผู้ประกอบการทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ เพื่อสังคมของอาเซียน”ที่มีอัตลักษณ์ในการ “ประพฤติอย่างมีคุณธรรม คิดอย่างมีนวัตกรรม ทำด้วยจิตวิญญาณผู้ประกอบการ”สาหรับทิศทางการบริหารจัดการวิทยาลัยนั้น ได้จัดโครงสร้างการบริหารจัดการ การวัดและประเมินผลการปฏิบัติงานที่เน้นผลลัพธ์ของการปฏิบัติงานเป็นสาคัญ ได้ใช้กลยุทธ์ในการเปลี่ยนจากคณะวิชาให้เป็นวิทยาลัยแห่งผลลัพธ์ พยายามสลายรอยต่อของรายวิชาเพื่อให้เกิดการบูรณาการแบบครบวงจร มุ่งปรับกระบวนทัศน์ใหม่ให้กับคณาจารย์ที่ต้องเปลี่ยนจากผู้สอนเป็นผู้ออกแบบกระบวนและอานวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่มุ่งไปที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ไม่ใช่รายวิชาอีกต่อไป การดาเนินงานนั้นมุ่งเน้นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด มุ่งสู่การเป็นวิทยาลัยนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ          สำหรับหลักการที่สาคัญที่นามาใช้คือ ใช้กลยุทธ์การ Synergy ของทุกองคาพยพของวิทยาลัย โดยการปฏิบัติภารกิจใดๆต้องส่งผลทาให้มีผลต่อภารกิจหลักอื่นๆอย่างครบวงจร เช่นการทำวิจัย ต้องสามารถนำไปผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไปใช้ในการเรียนการสอน การบริการวิชาการ การทานุบารุงศิลปวัฒนธรรม การพัฒนานักศึกษา การพัฒนาตาแหน่งทางวิชาการของคณาจารย์ การประชาสัมพันธ์เพื่อนาชื่อเสียงมาสู่วิทยาลัย รวมทั้งการนาไปใช้ในการดาเนินการพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน          จากการบริหารจัดการวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ในระยะเวลา 5 ปี ตามรูปแบบและแนวทางที่กล่าวมาพบว่าผลลัพธ์จากการบริหารจัดการที่เกิดขึ้นเป็นไปในทิศทางที่ดี เห็นได้จากการได้คะแนนการทางด้านประกันคุณภาพโดยภาพรวมเป็นอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยรังสิตตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีทุนวิจัยและผลงานการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงงานวิจัยเป็นอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยรังสิต นักศึกษาสอบผ่านภาษาอังกฤษเกณฑ์มาตรฐาน CEFR มากกว่าร้อยละ 80 ผลงานในด้านต่างๆติดอันดับ 1-3 ของมหาวิทยาลัย บัณฑิตที่จบออกไปสามารถได้งานทาได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วด้วยเงินเดือนและรายได้ที่สูงที่สามารถยกระดับสถานะและคุณภาพชีวิตให้กับตนเองและครอบครัวได้ดีมากขึ้น สถิติการเป็นผู้ประกอบการของศิษย์เก่าที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ชื่อเสียงและเครดิตของวิทยาลัยได้รับการยอมรับต่อวงการวิศวกรรมชีวการแพทย์ในระดับประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้จานวนนักศึกษาแรกเข้าเกินเป้าหมายในทุกปี รวมทั้งอัตราการคงอยู่ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และ 2 อยู่ในระดับที่สูงมากขึ้นในทุกปี          สำหรับพัฒนาการของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์นั้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2545 เป็นต้นมาได้มีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโดยสรุปจานวน แผนยุทธศาสตร์โยสรุปดังนี้แผนที่ 1 คือ ยุทธศาสตร์ BME1.0 2545 -2554 เป็นยุทธศาสตร์ในระยะเริ่มต้นในเริ่มพัฒนาโดยเน้นการสะสมพลังและสร้างความพร้อมในทุกมิติทั้งในด้านวิชาการ ด้านบุคลากร ด้านการวิจัย และบริการวิชาการขณะนั้นเป็นหลักสูตรหนึ่งในคณะวิทยาศาสตร์แผนที่ 2 คือ ยุทธศาสตร์ BME2.0 2555-2559 ยุทธศาสตร์การเข้าสู่องค์กรแห่งการวิจัยจนกระทั่งวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2559 ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ยกระดับจากสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ ขึ้นเป็นคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ และ ในระยะเวลา 2 ปีถัดมาคือ ในวันที่16 กรกฎาคม 2561 มหาวิทยาลัยรังสิตได้มีคาสั่งประกาศยกระดับจากคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์เป็นวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์แผนที่ 3 คือ แผนยุทธศาสตร์ BME 3.0 2560-2564 ระยะการเข้าสู่วิทยาลัยแห่งนวัตกรรม และแผนที่ 4 คือ แผนยุทธศาสตร์ BME4.0 2564 -2569 เป็นต้นไป ระยะการการพัฒนาไปสู่วิทยาลัยแห่งผู้นวัตกรรมและประกอบการ อย่างเต็มรูปแบบ 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECKการตรวจสอบผลการดาเนินการ การนาเสนอประสบการณ์การนาไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ *          สรุปประเด็นสาคัญของแผนแนวคิดและยุทธศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อน วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ ได้ดังนี้คือ1. การบริหารจัดการจะเน้นการโดยใช้เป้าหมายเป็นฐาน (Target Based Management) 2. เน้นการพัฒนาบัณฑิตโดยเน้นการเปลี่ยนจาก Formative/Informative Learning เป็น Transformative Learning โดยเน้นในด้านของการเป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง (Leadership, Change Agent Skill)3. ใช้ยุทธศาสตร์แบบเสริมพลัง (Synergistic Strategy) ในการบริหารจัดการภารกิจและคน4. เน้นการทาภารกิจทุกอย่างแบบมี Partnership5. มี Brain Bank ของคณะ/วิทยาลัย6. เน้นการผลักดันให้การพัฒนาวิชาชีพวิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่เป็นเสาหลักของการดูแลรักษาสุขภาพของประเทศไทย ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแนวทางหนึ่งของแนวปฏิบัติที่ดีในด้านของการบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทางของของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต และหวังว่าการเผยแพร่แนวทางการบริหารจัดการดังกล่าวนี้ จะมีประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องที่สามารถนาเอาไปประยุกต์ใช้ตามแนวทางที่เหมาะสมต่อบริบทของแต่ละคนแต่ละองค์การต่อไป* ข้อมูลบางส่วนสามารถนามาจากแบบฟอร์มรายงานการดาเนินโครงการของสานักงานวางแผนได้ ในกรณีที่โครงการที่ดาเนินการมีประเด็นความรู้ที่สาคัญซึ่งนามาใช้ในโครงการ

การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Read More »

Authentic Learning for Smart Service Team

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 3 Authentic Learning for Smart Service Team ผู้จัดทำโครงการ​ ดร.สมิตา กลิ่นพงศ์ สำนักงานพัฒนาบุคคล หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ปัจจุบันในโลกมีการเปลี่ยนแปลงและรวดเร็ว การพัฒนาบุคลากรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนั้นจึงเป็นเรื่องจําเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจและโรคระบาด Covid_19 ในปัจจุบัน ทุกคนต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ต่าง ๆที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถทํางานในระยะใกล้กันได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อองค์กรทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม นับเป็นสิ่งที่ท้าทายของผู้บริหาร และบุคลากรทุกคนที่จะต้องเตรียมตนเองให้พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรอบคอบรอบคอบและรอบด้านความรู้ที่เป็นประเด็นสําคัญที่นํามาใช้          สํานักงานพัฒนาบุคคลได้เล็งเห็นความสําคัญดังกล่าวจึงจัดโครงการพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ จึงได้สร้าง Smart Service Team ขึ้นเพื่อการเป็นขับเคลื่อนและพัฒนาระบบการทํางานในส่วนของการบริการนักศึกษาและบุคคลภายนอกที่มาติดต่อของมหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และได้ใช้การพัฒนาบุคลากรด้วยวิธี Authentic Learning (การเรียนการสอนตามสภาพจริง) มาใช้ในการอบรม ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : อื่น ๆ (ระบุ) เป็นความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวบุคลากรที่มาทํางานใน Smart Service Team เช่น เรื่องของวิธีการให้บริการของแต่ละคน วิธีการแก้ปัญหาของแต่ละคน ที่มีการแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ผ่านการบอกเล่าระหว่างกลุ่มทํางาน หรือ Social Media ที่เป็นช่องทางสื่อสารที่สะดวกและรวดเร็ว คือ โปรแกรม Line วิธีการดำเนินการ จัดอบรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันเพื่อพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ หัวข้อการพัฒนาระบบการรับนักศึกษาใหม่ ณ โรงแรมซันธารา เวลเนสรีสอร์ท จ.ฉะเชิงเทราโดยให้แต่ละคณะส่งผู้แทนทั้งสายอาจารย์ และสายเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการรับนักศึกษา โดยการWorkshop แยกสายอาจารย์ และสายเจ้าหน้าที่สายอาจารย์จะเป็นการ workshop ในเรื่องของเนื้อหาหลักสูตรที่ทันสมัย โดนใจ สายเจ้าหน้าที่เน้นในเรื่อง ของการให้การบริการที่ดี การทํากระบวนการในเรื่องต่าง ๆ ให้สั้น กระชับมีความรวดเร็วมากขึ้น จัดอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรตามแผนพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ หัวข้อ “SMART SERVICE, TO MORE ENROLLMENT” (สําหรับเจ้าหน้าที่) การอบรมเป็น Workshop ในส่วนของเจ้าหน้าที่ ที่ทําหน้าที่ในเรื่องของการรับนักศึกษา ต่อยอดจากการอบรมครั้งที่ 1 เพื่อเป็นการตกผลึกในเรื่องของการให้การบริการที่ดี และกระบวนการการทํางานต่าง ๆ เพื่อนําไปสู่การสร้าง Smart Service Team ต่อไป จัดอบรม เรื่อง การบริการสู่ความเป็นเลิศ สําหรับเจ้าหน้าที่ที่จะลงปฏิบัติหน้าที่ Smart Service Team จํานวน 20 คน โดยเป็นการเน้นเรื่องการบริการที่ดี /บุคลิกภาพ/ การใช้ภาษา เทคนิคการต้อนรับและขั้นตอนสูงการสร้าง Engagement / หลักการฟังให้ได้ใจความเพื่อการตอบสนองที่ถูกต้อง/ การแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างความรู้สึกอันดีต่อผู้เข้ามาติดต่อ และการสร้างสายสัมพันธ์อันดีเพื่อสร้างความประทับใจอันยั่งยืน ปฏิบัติงานโดยจัด Smart Service Team เข้าทําหน้าที่ ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ ตั้งแต่มีนาคม – มิถุนายน 2564 วันละประมาณ 2-4 คน (หยุดภารกิจหน้างานตั้งแต่ วันที่ 10 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 เนื่องจากสถานการณ์ Covid –19 ทั้งนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ใน Online และ Line Smart Service Team เป็นหลัก) โดยมี ipad เป็นอุปกรณ์ที่ข้อมูลสําคัญที่จะต้องใช้ในการทํางานเช่น ข้อมูลการรับนักศึกษา ข้อมูลการลงทะเบียน ข้อมูลด้านการเงิน ข้อมูลเรื่องของหอพัก ฯลฯ สําหรับนักศึกษาเก่า และนักศึกษาใหม่ หรือ ผู้ที่กําลังจะตัดสินเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต (Authentic Learning)  สร้าง Line สําหรับ Smart Service Team มีสมาชิก คือ Smart Service Team /ฝ่ายแนะแนวและรับนักศึกษา / สํานักงานทะเบียน / สํานักงานการเงิน / สํานักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ / สํานักงานพัฒนาบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารในกรณีที่เกิดปัญหาต่าง ๆ หรือสอบถามข้อมูล และเป็นฐานข้อมูลที่ใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาในกรณีที่เกิดปัญหาซ้ํา ๆ ซึ่งเป็นการบูรณาการการแก้ปัญหาในหลาย ๆ ภาคส่วน (Authentic Learning) 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน            สํานักงานพัฒนาบุคคลไดประเมินผลการดําเนินงาน โดยใชแบบประเมินใหผูใชบริการ คือ ผูปกครอง นักศึกษาและนักเรียนที่มาใชบริการ ณ โถงอาคาร 1 โดยมีผลประเมินดังนี้ ผูตอบแบบประเมิน มีจํานวน 106 คน เปนผูปกครอง จํานวน 16 คน เปนนักเรียนและนักศึกษา จํานวน 78 คน คิดเปนรอยละ 15.09 และ 84.91 ตามลําดับ             ผู้ตอบประเมิน มีความพึงพอใจทีมบริการในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 4.65และมีความพึงพอใจในหัวข้อ ทีมบริการใช้วาจาสุภาพในการให้บริการ มากที่สุดจาก 4 หัวข้อ โดยมีค่าเฉลี่ย ที่ 4.72 ข้อเสนอแนะต่อการบริการของมหาวิทยาลัย อยากให้มีร้านกาแฟที่ตึก17 ครับ หรือไม่ก็ที่กินข้าว เซเว่นได้ยิ่งดีครับ อยากให้ตอบแชทไวกว่านี้หน่อยครับ ดีมากคะ ชัดเจนคะ บริการดีมากครับ พี่เดือนวิทยาลัยดนตรีคนนี้น่ารักมากๆ ครับ ช่วยเหลือทุกอย่าง เป็นห่วงเด็กๆทุกคนเลยครับ ดีเยี่ยมครับ Good             สํานักงานพัฒนาบุคคลได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่ได้รับการแนะนํามา ตามความเหมาะสม 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK             การพัฒนาบุคลากรด้วยวิธี  Authentic Learning ผู้ที่ให้ความรู้ หรือ Coach ควรเน้นให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ภายใต้ประสบการณ์ที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถประยุกต์ข้อมูลความรู้ประสบการณ์ที่ได้ไปใช้ในสถานการณ์จริง หรือโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ผู้เข้าอบรมได้มีโอกาสเชื่อมโยงกิจกรรมในการอบรมไปสู่ชีวิตการทำงานจริงของเขา  และจะขยายผลต่อ ยอดในการใช้การพัฒนาบุคลากรด้วยวิธี Authentic Learning ในโอกาสต่างๆ ต่อไป การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ *            จากการใช้วิธีการสร้าง Smart Service Team ด้วยการพัฒนาบุคลากรแบบ Authentic Learning คือการเปลี่ยนการอบรมจากการให้ความรู้เพียงอย่างเดียว เป็นการให้ความรู้พร้อมกับ การสร้างกระบวนการปรับทัศนคติในการเรียนรู้ความจริง Authentic Learning ควบคู่กันไป โดยเริ่มจากการอบรมให้ความรู้และใช้การทำ Workshop เพื่อให้ได้ข้อสรุปในเรื่องต่าง ๆ จากการใช้ความรู้เดิมของผู้เข้าอบรมเป็นหลัก และหาข้อสรุปเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ร่วมกัน และนำข้อสรุปนั้น ๆ ไปใช้ในการปฏิบัติงานจริง  เช่น ปัญหาในเรื่องของกระบวนการรับสมัครนักศึกษา ที่นำไปสู่การสมัครเรียนแบบ Online ลดขั้นตอนการทำงานให้สั้นและกระชับลง หรือการทำงานเป็นทีมที่ไม่ได้แบ่งแยกว่าตัวเองมาจากสังกัดที่ไหนแต่เป็นการทำงานในนามของมหาวิทยาลัยรังสิต  ที่พร้อมจะเผชิญกับปัญหาและการแก้ไข ในเรื่องต่าง ๆ ด้วยกัน โดยในระยะแรก อาจจะมีปัญหาในเรื่องระบบการรับสมัครออนไลน์ ซึ่งทุกคนก็จะแจ้งปัญหาที่ตนเองได้รับ พร้อมกับผู้บริหารส่วนกลางที่มีส่วนช่วยกันแก้ไขระบบให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น           จากการใช้วิธีการสร้าง Smart Service Team ด้วยวิธี  Authentic Learning ทำให้สำนักงานพัฒนาบุคคลได้แนวคิดในการพัฒนาบุคลากรแนวใหม่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice * ข้อมูลบางส่วนสามารถนํามาจากแบบฟอร์มรายงานการดําเนินโครงการของสํานักงานวางแผนได้ ในกรณีที่โครงการที่ดําเนินการมีประเด็นความรู้ที่สําคัญซึ่งนํามาใช้ในโครงการ

Authentic Learning for Smart Service Team Read More »

การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัย ให้ประสบผลสำเร็จ ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ดร.นเรฏฐ์ พันธราธร ฝ่ายวิจัย หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           การบริหารจัดการโครงการระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ  เป็นโครงการให้ความช่วยเหลือและให้บริการแก่ชุมชนหลักหก  ซึ่งเป็นเขตชุมชนในพื้นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรังสิต สืบเนื่องจากวิกฤต COVID-19  มหาวิทยาลัยรังสิตได้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนหลักหก  จึงให้ความช่วยเหลือชุมชน อำนวยความสะดวกในการเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน  โฮมไอโซเลชั่น ผลที่เกิดชึ้นคือ เป็นชุมชนหลักหกมีการติดเชื้อน้อยมาก  เมื่อผ่านช่วงภาวะวิกฤตแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้มองเห็นปัญหาเรื่องรายได้ของคนในชุมชน จึงได้จัดทำโครงการสร้างอาชีพและรายได้แนวใหม่ตามแนวคิดเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสร้างสุขภาวะ  และให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเข้าไปช่วยเหลือและฝึกฝน ร่วมกันคนในชุมชน ในการจัดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกจำหน่าย  ทั้งนี้มหาวิทยาลัยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)   https://www.youtube.com/watch?v=F-U7VaC1iX4&list=PLcTvutIKrjekMO78ArSFb0bNdwo4HjVk8&index=14 VDO Credit : สำนักงาน Wisdom Media ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.นเรฏฐ์  พันธราธร ฝ่ายวิจัย

การบริหารจัดการโครงการในระดับมหาวิทยาลัยให้ประสบผลสำเร็จ Read More »

การพัฒนาภาษาอังกฤษจากการบูรณาการเรียนการสอนผ่านกิจกรรม

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาภาษาอังกฤษจากการบูรณาการ การเรียนการสอนผ่านกิจกรรม ผู้จัดทำโครงการ​ ปาริฉัตร แก้กลาง สำนักงานนานาชาติ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           การพัฒนาภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศ ภายใต้โครงการ P2A Virtual Mobility โดยการนำกิจกรรม P2A Virtual Journey มาบูรณาการเข้ากับการเรียนการสอนในรายวิชา RSU150/RSU180 Creative Management การจัดการเชิงสร้างสรรค์           เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปแลกเปลี่ยนยังต่างประเทศ การเรียนการสอน และการดำเนินกิจกรรม ทางสำนักงานนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงจัดตั้งโครงการ P2A Virtual Mobility ตั้งแต่ปีการศึกษาที่ 1/2563 โดยมีชื่อกิจกรรมว่า P2A Virtual Journey มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาสมรรถนะด้านภาษาของบัณฑิตไปสู่ระดับความเป็นสากล และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ให้เป็นที่ประจักษ์แก่นักศึกษาไทยและต่างประเทศ โดยการนำกิจกรรมดังกล่าว ไปบูรณาการร่วมกับการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยระหว่างประเทศ ซึ่งรูปแบบของกิจกรรม เป็นกิจกรรมการเรียนรู้เสมือนจริง ผ่าน Facebook Group หรือโปรแกรม Zoom รองรับกลยุทธ์ทางด้านการศึกษาในยุค New Normal ณ ปัจจุบัน ซึ่งอาจารย์ผู้สอน เห็นควรว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาอย่างมาก จึงนำกิจกรรมมาสอดแทรกการเรียนการสอนในรายวิชา RSU150/RSU180 Creative Management การจัดการเชิงสร้างสรรค์ จากสถาบัน Gen.Ed มหาวิทยาลัยรังสิต ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)  ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University     (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase)  เจ้าของความรู้/สังกัด วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี วิธีการดำเนินการ สำรวจค่านิยมการใช้สื่อสังคมในแต่ละประเทศ จากการสำรวจผู้ใช้สื่อ social ในแต่ละประเทศ พบว่าหลายประเทศนิยมใช้ Facebook ในการสร้างเครือข่าย จึงนำมาใช้เป็น Platform ในการจัดกิจกรรม P2A Virtual Journey สร้าง Platform การจัดกิจกรรมผ่านสื่อสังคม Facebook Group และ Facebook Fanpage ในนาม P2A Virtual Mobility เนื่องจาก Facebook Group สามารถจำกัดปริมาณคนเข้าถึงได้ เป็น private group ทำให้สะดวกแก่การนำมาใช้ในระบบการศึกษา หรือการจัดกิจกรรมออนไลน์ และ Facebook Fanpage ไม่จำกัดปริมาณคนเข้าถึง สะดวกแก่การนำมาใช้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลกิจกรรม และการถ่ายทอดสดออนไลน์  หลังจากที่ได้ Platform ที่เป็นรูปธรรมแล้ว จึงดำเนินการประสานงานภายในกับอาจารย์ สถาบัน Gen.Ed สถาบันส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม สถาบันภาษาอังกฤษ วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยนานาชาติจีน ฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงาน Wisdom Media และศูนย์ RSU Cyber University เพื่อวางแผนกิจกรรมร่วมกัน และหามหาวิทยาลัยพันธมิตรในต่างประเทศที่มีความสนใจ และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ ระหว่างวันที่ 17 และ 26 พฤศจิกายน 2564 และ วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ก็ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยพันธมิตรทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ Universitas Islam Indonesia, Indonesia และ  Universiti Malaya, Malaysia มหาวิทยาลัย จาก 10 ประเทศอาเซียน สร้างรูปแบบ และแนวทางการจัดกิจกรรม หลังจากที่ได้กำหนดการที่ชัดเจนแล้ว จึงเริ่มต้นกิจกรรม โดยใช้ชื่อเรื่องว่า Career in the next 10 year โดยแนวทางการจัดกิจกรรม สรุปได้ดังนี้ ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มละ 4-5 คน ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนใหม่ แต่ละกลุ่มต้องประกอบด้วย นักศึกษาอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และ P2A Ambassador จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต  แบ่งกลุ่มเรียบร้อย ให้นักศึกษาทุกคนแนะนำตัวทำความรู้จักกันบน Facebook Group: P2A Virtual mobility และจัดตั้งแชทกลุ่ม ผ่าน LINE หรือ WhatsApp เพื่อปรึกษาหารือในการทำคลิปวีดิโอกลุ่มร่วมกัน เกี่ยวกับอาชีพที่คาดว่าจะมีขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งนักศึกษาสามารถทำงานนี้ได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ เพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ แต่ละกลุ่มจะต้องส่งผลงานดังนี้ – กำหนดให้ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ประกอบด้วย 1) แสดงเทคนิคที่ใช้สำหรับการปฏิบัติงานร่วมกัน และ 2) คลิปวิดีโอกลุ่ม มีความยาวไม่เกิน 5 นาที และสมาชิกทุกคนได้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารในคลิปวิดีโอนั้น โดยบรรยายเนื้อหาที่สอดคล้องกับหัวเรื่อง Career in the next 10 year โดยมีหัวข้อย่อยให้เลือกทำคลิปวิดีโอ 2 ข้อ ได้แก่ 1. The Technology and tools that will be needed in the next 10 years 2. The skills that will be needed in the next 10 years ซึ่งนักศึกษาจะได้ความรู้เพิ่มเติมมาจากการเข้าร่วมรับฟังการบรรยายในแต่ละหัวข้อจากวิทยากรพิเศษทั้ง 3 ประเทศ ผ่านกิจกรรมสัมมนาในงานนี้ – ส่งคลิปวิดีโอลง Google Drive ภายในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เพื่อส่งต่อให้คณะกรรมการทั้ง 3 ประเทศพิจารณาคัดเลือกมา 5 คลิปวิดีโอที่ตรงตามเกณฑ์ตัดสินที่กำหนดไว้ เพื่อนำคลิปที่ถูกคัดเลือกมานำเสนอในวันประกาศรางวัล วันที่ 1 ธันวาคม 2564 โดยให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสินใจ เลือกคลิปวิดิโอที่น่าสนใจที่สุดมา 1 คลิป ผ่านการโหวตคัดเลือกบนลิ้งค์ google form เพื่อค้นหากลุ่มผู้ชนะในกิจกรรม “รับของรางวัล คือ E-Certificate” ประเมินวัดผลการจัดกิจกรรมพบว่าอาจารย์และนักศึกษาทั้งจากมหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยพันธมิตรเข้าร่วมกิจกรรมแล้วพึงพอใจในกิจกรรมนี้ จึงส่งผลให้มีกิจกรรมนี้ต่อเนื่องในทุกปีการศึกษา 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน 2.1 ผลการดำเนินการ กิจกรรมประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งกับนักศึกษาและอาจารย์ และมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง 2.2 การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง การนำกิจกรรมมาประยุกต์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางด้านภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศข้ามประเทศได้ผ่านการจัดกิจกรรมเสมือนจริง ทดแทนการเดินทางไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถทำได้ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 2.3 อุปสรรค์หรือปัญหาในการทำงาน ปัญหาในการบริหารเวลา เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่จัดร่วมกับมหาวิทยาลัยระหว่างประเทศ ซึ่งมีกำหนดการของการเรียนต่างกัน กิจกรรมระหว่างวันที่ 17 และ 26 พฤศจิกายน 2564 และ วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่กำหนดขึ้นเป็นช่วงเวลาที่นักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กำหนดสอบปลายภาค ของปีการศึกษาที่ 1/2564 แต่ก็ต้องกำหนดตามนี้เพื่อให้ตารางเวลาการทำกิจกรรมของทั้ง 3 ประเทศดำเนินการร่วมกันได้ หากนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมติดสอบ ให้นักศึกษาตามงานจากเพื่อนในกลุ่มนอกรอบ เนื่องจากเป็นงานกลุ่ม นักศึกษาสามารถปรึกษาหารือกันนอกรอบได้ตลอด จนกว่ากิจกรรมจะสิ้นสุด ปัญหาการสื่อสารภายใน เนื่องจากมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานและวิทยาลัยที่ไม่ตรงกัน ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเข้าใจผิดในรายละเอียดของกิจกรรม แก้ปัญหาด้วยการสร้างกลุ่ม Admin ผ่าน Line group เพื่อการประสานงานที่ถูกต้อง และรับทราบโดยทั่วกัน แก่นักศึกษาไทยและต่างชาติ ปัญหาผู้เข้าร่วมกิจกรรมผ่านโปรแกรม Zoom มีจำนวนมากเกินไป แก้ปัญหาด้วยการ Live สดผ่าน Zoom ใช้ Facebook Fanpage: P2A Virtual Mobility ในการ Live  เพื่อรองรับผู้ชมจำนวนมากได้ และสามารถประชาสัมพันธ์กิจกรรมสู่สาธารณะได้ ความสามารถทางด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักศึกษาไทยยังต้องพัฒนาเพิ่มเติม จึงแนะนำให้นักศึกษาไทยสื่อสารกับเพื่อนต่างชาติระหว่างดำเนินกิจกรรมให้มากขึ้น เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์จริง สร้างความคุ้นชินในการใช้ภาษาอังกฤษ และยังเพิ่มทักษะด้านการพัฒนาภาษาอังกฤษ ในเรื่องการฟัง พูด อ่าน และ เขียน ผ่านการสร้างสรรค์และนำเสนอผลงาน 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ จำนวนและความพึงพอใจของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจากทั้ง 3 ประเทศที่เข้าร่วม มหาวิทยาลัยพันธมิตรเห็นควรให้มีโครงการและกิจกรรมดังกล่าวเป็นประจำทุกปีการศึกษา กิจกรรมนี้ตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศ (Internationalization) ในเรื่องของการพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิตไปสู่ความเป็นสากลที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพภาษาอังกฤษของนักศึกษาและบุคลากร ในเรื่องของทักษะภาษาอังกฤษ ได้แก่ การฟัง (Listening) การพูด (Speaking) การอ่าน (Reading) และ การเขียน (Writing) เป็นต้น การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           จากการจัดกิจกรรม P2A Virtual Mobility พบว่านักศึกษาและบุคลากรกล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารมากขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะได้ทดลองใช้ภาษาอังกฤษ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงจากชาวต่างชาติ และยังสามารถนำไปต่อยอดการปฏิบัติงานในอนาคตได้ ทั้งนี้การจัดกิจกรรมออนไลน์เหล่านี้ นอกจากจะได้พัฒนาภาษาอังกฤษแล้วยังช่วยให้นักศึกษาและบุคลากรได้เรียนรู้การปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นและการเข้าสังคมนานาชาติ ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           ควรจะมีระบบมาสนับสนุนในการเก็บข้อมูลการทำกิจกรรมด้านนานาชาติ เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเป็นสากลแก่นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยรังสิต ตามแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ปี 2565-2569

การพัฒนาภาษาอังกฤษจากการบูรณาการเรียนการสอนผ่านกิจกรรม Read More »

การรักษาจุดเด่นของคณะและสร้างการรับรู้สู่สังคม

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 5 การรักษาจุดเด่นของคณะและสร้างการรับรู้สู่สังคม ผู้จัดทำโครงการ​ อ.นัฐวุฒิ สีมันตร คณะดิจิทัลอาร์ต หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           คณะดิจิทัลอาร์ต ได้นำเสนอปัจจัยแห่งความสำเร็จของการรักษาจุดเด่นของคณะและการสร้างการรับนู้สู่สังคม ซึ่งในการปรับปรุงหลักสูตร และจะเปิดหลักสูตรใหม่ของคณะนั้น   คณะได้มองเห็นปัญหาว่าทำอย่างไร จะทำให้นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง ได้เข้าใจภาพรวมของคณะและหลักสูตรที่จะนำเสนอได้มากขึ้น  จึงได้ค้นคิดแนวทางการประชาสัมพันธ์แนวใหม่ขึ้น เพื่อให้เข้าใจแขนงวิชาต่างๆ ของคณะมากยิ่งขึ้น  https://www.youtube.com/watch?v=GSBVL0Q6_aM&list=PLcTvutIKrjekMO78ArSFb0bNdwo4HjVk8&index=9 VDO Credit : สำนักงาน Wisdom Media ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด อาจารย์นัฐวุฒิ สีมันตร  คณะดิจิทัลอาร์ต

การรักษาจุดเด่นของคณะและสร้างการรับรู้สู่สังคม Read More »

การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย

รางวัลดีเด่น ปีการศึกษา 2564 ยุทธศาสตร์ที่ 5 การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชุน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย ผู้จัดทำโครงการ​ ดร.เริงศักดิ์ แก้วเพ็ชร ฝ่ายพัฒนาสังคมและศิลปวัฒนธรรม หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​            มหาวิทยาลัยรังสิต มุ่งเน้นพัฒนาให้นักศึกษามีพื้นฐานในการรู้จักการใช้ชีวิต เลือกทางเดินชีวิตที่เหมาะสม และมีความสุขได้ เพราะวิชาเหล่านี้อาจเป็นตัวเสริมทักษะชีวิตโดยไม่รู้ตัว มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ และดึงเอาทักษะที่ตัวเองถนัดออกมาและรู้จักการให้ การแบ่งปัน การทำงานร่วมกับผู้อื่น  และรู้จักความรัก รู้จักการแก้ปัญหาในชีวิต รู้หลักของสังคมธรรมาธิปไตย การมีจิตอาสา จิตสาธารณะ ทักษะอาชีพ รู้จักตัวเอง รู้จักเลือกพัฒนาความชอบและความถนัดมาเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักได้   ดังนั้น ฝ่ายพัฒนาสังคมและศิลปวัฒนธรรม จึงได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือดูแลชุมชนในหลายกลุ่มเพื่อศึกษาและ จนกลายเป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นนั้น และคนในท้องถิ่นก็ใช้ความรู้ความสามารถที่มีนำมาพัฒนา ดัดแปลง ต่อยอด สร้างสรรค์ให้เป็นผลิตภัณฑ์ได้ https://www.youtube.com/watch?v=afup6gSE_xw&list=PLcTvutIKrjekMO78ArSFb0bNdwo4HjVk8&index=8&t=73s VDO Credit : สำนักงาน Wisdom Media ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด  ดร.เริงศักดิ์ แก้วเพ็ชร  ฝ่ายพัฒนาสังคมและศิลปวัฒนธรรม 

การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชนเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย Read More »

กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาหลักสูตรบัญชีบัณฑิต

กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาหลักสูตรบัญชีบัณฑิต ยุทธศาสตร์ที่ 1 : KR 1.2.4 รางวัลดีเด่น ปี2566 ผู้จัดทำโครงการ​ อ.วัฒนา ศรีถาวร รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะบัญชี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ คุณลักษณะของบัณฑิตที่พึงประสงค์ของหลักสูตรบัญชีบัณฑิต พ.ศ. 2563  นอกจากเป็นผู้มีความรู้ด้านเทคนิคทางวิชาชีพบัญชี สามารถประยุกต์และบูรณาการศาสตร์สาขาวิชาการบัญชีกับศาสตร์สาขาวิชาอื่นๆ ในการทำงานในสายงานบัญชีแล้ว บัณฑิตทุกคนจะต้องมีความตระหนักรู้ในคุณค่าวิชาชีพ มีทัศนคติที่ดี และรู้ว่าการรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณวิชาชีพมีความสำคัญอย่างไร รวมทั้งมีทักษะด้าน Soft Skills ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญของคนยุคใหม่ แม้จะถูกเรียกว่า “Soft Skill” แต่กลับเป็นทักษะที่มีความสำคัญเหนือกว่า Hard Skills เพราะเป็นพลังบวกภายในที่จะช่วยให้การพัฒนาในทักษะด้านอื่น ๆ ดีขึ้นได้อย่างมั่นใจ ซึ่งจะทำให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ทักษะดังกล่าวประกอบด้วยทักษะสำคัญในด้านต่างๆ ต่อไปนี้ การสื่อสาร การแก้ไขปัญหา การทำงานแบบเป็นทีม การเจรจาต่อรอง การจัดการเวลาหรือจัดการตนเอง และภาวะผู้นำSoft Skills เป็นทักษะที่ช่วยให้นักศึกษาและบัณฑิตเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับผู้อื่นไปพร้อมกับการสร้างสัมพันธภาพที่ดีในการทำงาน ซึ่งบริษัทและองค์กรชั้นนำทั่วโลกใช้เป็นข้อพิจารณาในการคัดเลือกคนเข้าทำงานโดยเฉพาะนักบัญชีในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงบทบาทความรับผิดชอบจากการทำงานหลังสำนักงาน (Back Office) ไปสู่งานระดับบริหารเป็นหุ้นส่วนหรือทำงานเคียงคู่กับผู้บริหารระดับสูงในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลจึงทำให้ความรู้ด้านเทคนิควิชาชีพและทักษะเฉพาะงาน (Hard Skills) อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้การทำงานเติบโตก้าวหน้าได้อย่างมั่นคง จำเป็นต้องใช้ Soft Skills ในการทำงานร่วมกันผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพสูงและมีความสุข หลักสูตรบัญชีบัณฑิต ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาจึงได้มุ่งเน้น พัฒนาคุณลักษณะของบัณฑิตที่พึงประสงค์ในด้านความรับผิดชอบต่อตนเอง วิชาชีพ และสังคม  มีความรับผิดชอบสูงต่อการทำงานและสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างดี มีความคิดสร้างสรรค์และการนำการเปลี่ยนแปลง    และสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้เป็น Soft skills ที่สำคัญของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีในปัจจุบันและต่อไป ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ 10 Soft Skills ที่สำคัญกับการทำงานในยุคปัจจุบัน การบริหารจัดการเวลา (Time Management) ในบางครั้ง การทำงานจำเป็นต้องทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน การวางแผนระยะเวลาในการทำงานและการจัดลำดับความสำคัญ เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะหากไม่สามารถบริหารเวลาได้ อาจส่งผลต่อผลการเรียนและต่องานที่ตนรับผิดชอบไม่สามารถเสร็จตามกำหนดเวลาได้นั่นเอง การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-Long Learning) ในปัจจุบันสังคมและเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นักศึกษาต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-Long Learning) จึงเป็นทักษะที่สำคัญในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งจะเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความก้าวหน้า ความมั่นคง และพร้อมรับมือสำหรับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต การสื่อสาร (Communication) แน่นอนว่างานทุกงานต้องอาศัยการสื่อสารร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะทั้งกับลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงาน แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้นักศึกษาไม่กล้าที่จะสื่อสารทำให้เกิดปัญหาตามมาในการชีวิต การเรียน และการงาน ซึ่งการสื่อสารนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบ ตามแต่ละบริบทเราจะต้องรู้ก่อน ว่าเราจะสื่อสารเรื่องอะไร กับใคร และเลือกวิธีการสื่อสารให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ความสามารถในการคิดสิ่งใหม่ ๆ ในแนวทางที่หลากหลาย ซึ่งทักษะนี้จะต้องอาศัยการเป็นคนช่างสังเกตุ เปิดกว้าง และศึกษาหาข้อมูลอย่างหลากหลาย เพื่อนำมาต่อยอดเป็นไอเดียใหม่ ๆ อย่างสร้างสรรค์ในการต่อยอดธุรกิจ ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) จากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะรูปแบบและวิธีการทำงานที่หลาย ๆ องค์กรต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนั้นความสามารถในการปรับตัว และเตรียมพร้อมกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening) การเป็นผู้ฟังที่ดี ช่วยให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่นกว่าที่คิด ช่วยให้เราสามารถรับสารต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และสื่อสารกลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการตั้งใจฟังนั้น หมายรวมถึง การรับฟังอย่างเข้าใจ และการที่พยายามเข้าใจผู้อื่น (Empathy)  การทำงานร่วมกับผู้อื่น (Collaboration) ในสังคมของการทำงานนั้น เรามักจะเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ ที่มีความแตกต่างกัน ในด้านต่าง ๆ บางคนอาจจะสามารถคุยกันได้อย่างถูกคอ หรือสื่อสารได้อย่างง่ายดาย แต่ในบางคนเราจำเป็นจะต้องอาศัยทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ปรับรูปแบบวิธีการทำงานเพื่อให้เข้ากับคนนั้น ๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเจรจาต่อรอง (Negotiation) ทักษะนี้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสายอาชีพงานขายเท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้ในการทำงานด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย อย่างเช่น การเจรจาต่อรองเพื่อให้โปรเจคที่คิดมา ได้รับการอนุมัติ หรือ การเจรจาไกล่เกลี่ยเมื่อทีมมีปัญหาที่เข้าใจผิดกัน เป็นต้น การทำหลายสิ่งพร้อม ๆ กัน (Multitasking) ทักษะสำคัญที่หลายองค์กรกำลังมองหานั่นก็คือความสามารถในการทำงานที่หลากหลาย ทักษะนี้จะช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น ลดขั้นตอนและเวลาในการส่งผ่านงานไปสู่คนอีกคนหนึ่ง และทำให้พนักงานได้พัฒนาตนเองได้อย่างรวดเร็ว  จรรยาบรรณในการทำงาน (Work Ethic) การปฏิบัติตามกฎระเบียบของบริษัทฯ ความรับผิดชอบต่องานที่ทำและสังคม เป็นสิ่งที่พนักงานทุกคนควรมี เพื่อเป็นการสร้างนิสัยที่ดีในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้พนักงานอีกด้วย  อ้างอิง : https://www.urbinner.com/post/what-are-soft-skillshttps://blog.jobthai.com/career-tipshttps://novoresume.com/career-blog/soft-skills    ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด อาจารย์วัฒนา ศรีถาวร คณะบัญชี มหาวิทยาลัยรังสิต จากเป็นคณะกรรมการฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ และอาจารย์ที่ปรึกษาในการฝึกซ้อมนักศึกษาเข้าสู่การแข่งขันและการทำกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยได้รับรางวัลด้านการพูด การเขียน การแข่งกรณีศึกษาระดับประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี  (www.tfac.or.th และ https://apheit.org) วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ หลักสูตรได้จัดให้มีการประชุมและวางแผนการปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนานักศึกษาด้าน Soft Skills โดยบรรจุลงในแผนปฏิบัติการประจำปีการศึกษา มาโดยตลอดตั้งแต่ระยะแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาคณะฉบับเดิม ปี 2559-2564 จนถึงปีการศึกษา 2566 ซึ่งอยู่ในช่วงปี 2 ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาคณะ ปี 2565 – 2569  โดยมีวัตถุประสงค์ที่2 คือ กระบวนการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาศึกษามีคุณภาพและเป็นนวัตกรรมที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ผู้เรียน โดยกำหนดเป้าหมายผลลัพธ์ ไว้ในข้อ 1.2.4 กิจกรรม/โครงการพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตพึ่งประสงค์ จะบรรลุผลตามตัวชี้วัดความสำเร็จและวัตถุประสงค์ทุกข้อ  ผลการดำเนินงานปรากฏในรายงานผลการดำเนินงานของหลักสูตร  ในองค์ประกอบ 3 นักศึกษา ตัวบ่งชี้ 3.1 ระบบและกลไกการรับนักศึกษาและการเตรียมความพร้อม ตัวบ่งชี้ 3.2 การพัฒนานักศึกษา และตัวบ่งชี้ 3.3 อัตราการคงอยู่อัตราสำเร็จการศึกษา และความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อหลักสูตร ซึ่งปรากฏผลในระดับดีมากอย่างต่อเนื่องตลอดระยะ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2565 โดยเฉลี่ยองค์ประกอบนี้มีแนวโน้มค่าอันดับคะแนนสูงขึ้น ในระดับดีมากมาโดยตลอด สร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์การธุรกิจโดยจะเห็นได้จากภาวะการได้งานทำภายใน 1 ปีหลังสำเร็จการศึกษา มีค่าเท่ากับ 86.67%, 100.00%, 87.63%, 100% และ 100.00% ตามลำดับ และความพึงพอใจของนายจ้างต่อบัณฑิตจบใหม่ มีค่าเท่ากับ 4.36, 4.42, 4.37, 4.64, และ 4.61 ตามลำดับ การดำเนินงานมีขั้นตอนพอสรุปได้ดังนี้ การปรับทัศนคติในการเรียนในระบบการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาและทำความรู้จักคณะบัญชีเพื่อให้นักศึกษามีความเข้าใจในระบบการจัดการเรียนการสอน และการปรับตนให้เข้ากับระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิต และรู้จักหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนอาจารย์ประจำหลักสูตร ด้วยการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาด้านการสร้างเสริมคุณลักษณะภายใน (Soft Skills) ที่ดี คณะกรรมการนักศึกษาและวินัยทำงานร่วมกับคณะกรรมการนักศึกษาคณะบัญชี จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักศึกษาใหม่ด้วยกัน ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง และระหว่างนักศึกษากับอาจารย์ พร้อมกับเซ็นรับรองการสะสมจำนวนชั่วโมงการเข้าร่วมกิจกรรมด้านกิจการนักศึกษา เพื่อประเมินการพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills  การสอดแทรกกิจกรรมการพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills ในรายวิชาต่าง ๆ เช่น รายวิชา ACC331 การพัฒนาทักษะเทคนิควิชาชีพบัญชี วางแผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ Soft Skills ไว้ทั้งหมด 12 ชั่วโมง วิชา ACC327 การบัญชีและภาษีอากรสำหรับธุรกิจ ใช้กิจกรรมฐานบัญชีภาษีอากรเคลื่อนที่ จัดโดยผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ซึ่งได้สอดแทรกประสบการณ์การแก้ไขปัญหาการปฏิบัติทางภาษีของธุรกิจของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี หรือ Practitioner ลงในฐานกิจกรรมต่างๆ  ตามประเภทของภาษีอากร ที่นักศึกษาจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขกรณีศึกษาและอภิปรายกับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่ประจำอยู่ในแต่ละฐาน และวิชา ACC255 จรรยาบรรณและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี โดยการจัดกิจกรรมการแข่งขันสุนทรพจน์และเรียงความ เรื่อง การเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาชีพบัญชี พร้อมจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เป็นคลิปวีดีโอกรณีศึกษาการกระทำผิดจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีโดยจัดทำเป็นงานกลุ่ม วิชา ACC253 หลักการบัญชีต้นทุน ACC254 การจัดการระบบสารสนเทศทางการบัญชี สองวิชานี้ใช้กิจกรรมที่บูรณาการโครงงานพัฒนาระบบบัญชีต้นทุนการผลิตให้กับวิสาหกิจชุมชน ACC498 สหกิจศึกษา เป็นต้น การจัดการเรียนรู้ในรูปแบบนี้ทำให้นักศึกษามีความแตกฉานในความรู้ด้านเทคนิควิชาชีพควบคู่ไปกับการพัฒนา Soft Skills ในด้านการทำงานเป็นทีม ความรับผิดชอบต่อตนเองและงานที่ทำร่วมกับผู้อื่น ความคิดสร้างสรรค์ การติดต่อสื่อสาร การเจรจาต่อรอง และการแก้ไขปัญหา รวมทั้งการจัดการตนเอง การส่งเสริมนักศึกษาเข้าร่วมการแข่งขันทั้งระดับมหาวิทยาลัยและระดับประเทศ เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ตอบโจทย์ความท้าทายความสามารถและศักยภาพของนักศึกษา หลักสูตรจะทำการประชาสัมพันธ์ข่าวสารเกี่ยวกับการแข่งขัน ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น Facebook Instagram และ line Group ของคณะบัญชี ช่องทางออฟไลน์ผ่านท่านอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์ผู้สอนประจำรายวิชา  เพื่อรับสมัครนักศึกษาเข้าร่วมโครงการแข่งขัน หลังจากนั้นดำเนินการคัดเลือกนักศึกษาโดยคณะกรรมการฝ่ายวิชาการและอาจารย์ประจำหลักสูตรบัญชีบัณฑิต เมื่อได้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการการแข่งขันแล้ว ทางคณะจะจัดอาจารย์ที่ปรึกษาการแข่งขันอาจารย์ผู้สอนติว เริ่มต้นด้วยการปฐมนิเทศการแข่งขันในเวทีต่างๆ โดยคณบดี เพื่อให้นักศึกษาได้เข้าใจจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการเข้าแข่งขันที่ไม่ใช่มีเพียงเพื่อชิงรางวัล แต่เป็นโอกาสในการสร้าง Profile ที่ดีให้กับตนเอง เพื่อใช้ประโยชน์ในการสมัครงาน เพราะจะได้รับการพัฒนาเป็นระยะนานนอกเหนือจากการเรียนในชั้นเรียนของวิชาต่างๆ ทางคณะโดย อ.วัฒนา ศรีถาวร ใช้การสร้างสถานการณ์จำลองของรูปแบบการแข่งขันเพื่อให้นักศึกษาคุ้นชินโดยมีรุ่นพี่และคณาจารย์ที่มีประสบการณ์มาถ่ายทอดบรรยากาศและถอดองค์ความรู้จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง การสร้างแรงกดดันให้กับนักศึกษาในการที่จะต้องค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ การใช้เทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูล การนำเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ จะจบลงที่การนำเสนอด้วยวาจาในทุกเวทีที่เข้าร่วม ดังนั้นกระบวนการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้การคิดวิเคราะห์ สถานการณ์ การค้นหาปัญหาทางธุรกิจ การวางกลยุทธ์เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหา สุดท้ายนักศึกษาจะต้องเขียนรายงาน และนำเสนอด้วยวาจา ซึ่งพบว่าด้วยขั้นตอนที่ดำเนินการพัฒนานักศึกษาที่ใช้ ทำให้คณะบัญชีประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องโดยนักศึกษาได้รับรางวัลจากทุกเวทีการแข่งขันที่จัดโดยองค์การภายนอก ดังแสดงในรายงานผลการดำเนินงานของหลักสูตรบัญชีบัณฑิต ถอดบทเรียนจากการดำเนินงานของคณะกรรมการหลักสูตรบัญชีบัณฑิตที่ผ่านมาเพื่อนำอุปสรรคปัญหามาปรับปรุงแผนการพัฒนานักศึกษาในปีถัดไป จะเป็นกิจกรรมที่ดีมากเพราะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่มีต่อผลประเมินการดำเนินงานทั้งหมดที่มุ่งสู่การพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษา และการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษา   Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน  ผลการดำเนินการตลอดระยะเวลาที่ผ่าน 5 ปี ของนักศึกษาคณะบัญชีระดับปริญญาตรี การแข่งขันการประกวดพูดเพื่อสังคมที่ยั่งยืน “พจนศิลป์” จัดโดย มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)  – รางวัลชนะเลิศ “พจนศิลป์” ครั้งที่ 3 ถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  – รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 2 “พจนศิลป์” ครั้งที่ 4 โครงการประกวดสุนทรพจน์และการเขียนเรียงความเรื่อง “การเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาชีพบัญชี” จัดโดยสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท) – รางวัลชนะเลิศการประกวดสุนทรพจน์และการเขียนเรียงความทางบัญชี โครงการ “การเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมทางวิชาชีพบัญชี” ครั้งที่ 6 ครั้งที่ 7 ครั้งที่ 8 และ ครั้งที่ 10  – รองรางวัลชนะเลิศการประกวดสุนทรพจน์และการเขียนเรียงความทางบัญชี โครงการ “การเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมทางวิชาชีพบัญชี” ครั้งที่ 9  การแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีระดับประเทศ จัดโดย สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ – รางวัลชนะเลิศการแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีระดับประเทศ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2564 – รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 การแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีระดับประเทศ ครั้งที่ 7 ประจำปี 2566 – รางวัลชนะเลิศอันดับ 3 การแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีระดับประเทศ ครั้งที่ 6 ประจำปี 2565 – รางวัลชนะเลิศอันดับ 3 การแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีระดับประเทศ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2563 – รางวัลชนะเลิศอันดับ 4 การแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีระดับประเทศ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2562 การแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการด้านการบัญชี ระดับมหาวิทยาลัย จัดโดย สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท) – รางวัลชนะเลิศการแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการด้านการบัญชี ระดับมหาวิทยาลัยครั้งที่ 14 ถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี – รางวัลชนะเลิศการแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการด้านการบัญชี ระดับมหาวิทยาลัยครั้งที่ 16 ถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี – รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการด้านการบัญชี ระดับมหาวิทยาลัยครั้งที่ 15 – รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 การแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการด้านการบัญชี ระดับมหาวิทยาลัยครั้งที่ 13 – รางวัลชมเชย การแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการด้านการบัญชี ระดับมหาวิทยาลัยครั้งที่ 12 รางวัลนักศึกษาพระราชทาน – รางวัลนักศึกษาทุนพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และปีการศึกษา 2562 – รางวัลเยาวสตรีไทยดีเด่น ประจำปี 2562 – รางวัลชมเชยนักศึกษาพระราชทานระดับอุดมศึกษา ภาคกลาง สถานศึกษาขนาดใหญ่ ประจำปีการศึกษา 2563 Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่  การตรวจสอบผลลัพธ์ที่เกิดจากกระบวนการพัฒนานักศึกษาด้าน Soft Skills ในระดับปริญญาตรี ใช้ระบบการประเมินคุณภาพการศึกษา เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบ เพื่อสร้างความมั่นใจในผลลัพธ์ที่เกิดจากผลการดำเนินงาน ณ ปัจจุบัน ได้ตรวจสอบผลของการดำเนินการตามขั้นตอนมาเป็นระยะเวลา 5 ปี พบว่าได้รับรางวัลระดับประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามแผนงานของหลักสูตรที่วางไว้ และได้ความรู้เชิงกระบวนการในเลือกเวทีการแข่งขันระดับประเทศให้ประสบความสำเร็จ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการในหลักสูตร คณาจารย์ในคณะ และความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้จากการแข่งขัน โดยไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคปัญหาที่จะเข้ามาโดยใช้ทักษะด้าน Soft Skills ในการบริหารจัดการตนเองและการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ผลการดำเนินงานด้านการประกันคุณภาพ องค์ประกอบที่ 2 คุณภาพบัณฑิต และองค์ประกอบที่ 3 ด้านนักศึกษา ย้อนหลัง 3 ปีมีดังนี้ ปีการศึกษา องค์ประกอบที่ 2 องค์ประกอบที่ 3 2.1 คุณภาพบัณฑิต 2.2ภาวะการได้งานทำ 3.1การรับนักศึกษา 3.2การส่งเสริมและพัฒนานักศึกษา 3.3ผลที่เกิดกับนักศึกษา 2563 4.40 4.37 4.00 4.00 3.00 2564 4.65 5.00 4.00 4.00 4.00 2565 4.63 5.00 4.00 4.00 4.00 การดำเนินงานของหลักสูตรบัญชีบัณฑิตที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากกระบวนการจัดการความรู้ภายในหลักสูตรและคณะวิชาจากการประชุมระดมสมองอาจารย์ทุกครั้งก่อนที่จะดำเนินโครงการและหลังดำเนินการโครงการ  ข้อมูลที่ได้จากการประเมินผลการดำเนินงานโครงการพัฒนานักศึกษา ความเห็นของอาจารย์ที่ปรึกษา และการติดตามผลการดำเนินงานตามเป้าหมายแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาคณะ หลักสูตรฯ ได้นำข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาทบทวนกระบวนการดำเนินงานต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่สมควรปรับปรุงแก้ไข หรือสิ่งที่ควรเสริมสร้างความเข้มแข็งต่อไป ซึ่งนำไปสู่การจัดทำแผนการปรับปรุงการดำเนินงาน ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice  จากการทบทวนกระบวนการที่มีต่อกระบวนการพัฒนานักศึกษาด้าน Soft Skills ในระดับปริญญาตรีทางหลักสูตรนำมาใช้ประกอบการพิจารณาในการวางแผนการจัดกระบวนการเรียนรู้สำหรับปีการศึกษาต่อไป ดังนี้ ด้านการปรับปรุงรูปแบบกิจกรรม ทางหลักสูตรบัญชีบัณฑิตจะต้องปรับเป้าหมายการพัฒนานักศึกษาด้าน Soft Skills ให้เหมาะสมผลลัพธ์การเรียนรู้ของแต่ละชั้นปี เพื่อให้การปรับปรุงรูปแบบกิจกรรมที่จะบูรณาการในการสอนรายวิชาต่างๆ มีความทันสมัยและน่าสนใจมากขึ้น โดยขยายความร่วมมือกับองค์การวิชาชีพบัญชี หรือองค์การภาคธุรกิจและภาครัฐในการพัฒนานักศึกษา กระตุ้นให้เกิดการใฝ่รู้และความต้องการในการพัฒนาตนเองให้มากขึ้น เพื่อให้นักศึกษาทุกคนที่จบหลักสูตรบัญชีบัณฑิตได้รับการพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills และจะต้องทำการสำรวจความคิดเห็นจากนักศึกษาเพื่อสะท้อนความต้องการของนักศึกษาการพัฒนาตนเอง ความคิดเห็นของหัวหน้างานจากสถานประกอบที่ได้ให้การฝึกหัดงาน นำข้อมูลมาใช้การปรับปรุงกิจกรรมโครงการพัฒนานักศึกษาให้ตรงกับความต้องการของตลาด ด้านการพัฒนาอาจารย์ประจำหลักสูตร โดยเปิดโอกาสให้อาจารย์ประจำหลักสูตรทุกท่านเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาในการแข่งขันต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเริ่มจากการเข้าสังเกตการณ์จากเวทีการแข่งขัน การศึกษาพัฒนาความรู้ของตนเองเพื่อเตรียมตัวเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาต่อไป ด้านวิทยากรผู้นำกิจกรรม ทางหลักสูตรบัญชีบัณฑิตจำเป็นต้องพัฒนาอาจารย์ประจำหลักสูตรให้สามารถดำเนินกิจกรรมด้วยตนเองให้ได้มากขึ้น เพื่อจะได้สามารถจัดกิจกรรมได้เองในอนาคต ด้านการพัฒนารูปแบบการเข้าร่วมการแข่งขัน ควรให้นักศึกษาทุกคนได้เข้าสู่กระบวนการแข่งขันในระดับประเทศเพื่อเป็นพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills เช่น การแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีระดับประเทศที่แต่ละสถาบันสามารถส่งเข้าร่วมการแข่งขันกี่ทีมก็ได้อย่างไม่จำกัดจำนวน เนื่องจากการแข่งขันกรณีศึกษาทางบัญชีเป็นการพัฒนานักศึกษาทั้งด้าน Soft Skills เพื่อฝึกการทำงานเป็นทีม การสื่อสาร การบริหารจัดการเวลา และความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอกลยุทธ์ทางธุรกิจ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาด้าน Hard Skills ที่สามารถนำความรู้จากวิชาที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในการจัดทำกรณีศึกษาไม่ว่าจะเป็นวิชาการเงินและการลงทุน วิชาการวิเคราะห์งบการเงิน และวิชาการตลาด เป็นต้น

กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาหลักสูตรบัญชีบัณฑิต Read More »

Scroll to Top