ยุทธศาสตร์ที่ 3

4D for Smart Organization

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.3.2, KR 3.4.1, KR 3.4.3, KR 3.4.4 4D for Smart Organization ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.สมศักดิ์ เอื้ออัชฌาสัย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายประกันคุณภาพ คุณพรรนิภา แดงเลิศ คุณธนัญชนก วารินหอมหวล คุณภัสราภรณ์ อริยะเศรณี สำนักงานประกันคุณภาพ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​         สังคมในปัจจุบันอยู่ในกระแสของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านทรัพยากร ความหลากหลายของบุคลากร ความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือความก้าวหน้าในยุคดิจิทัล เป็นต้น ทำให้แนวคิดในการมุ่งพัฒนาบุคลากรในระดับปัจเจกบุคคลให้มีความรู้ ความสามารถ ในภาระงานที่ตนเองรับผิดชอบนั้นอาจยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีการบริหารหน่วยงานให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) ดังนั้นหากหน่วยงานจะพัฒนาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการความรู้ภายในหน่วยงานและการบริหารการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ ของหน่วยงานเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล และสามารถส่งเสริมให้บุคลากรมีความรู้ ความสามารถ และมีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถปฏิบัติงานภายในองค์กรได้อย่างมีความสุข        สืบเนื่องจากมหาวิทยาลัยรังสิตมีการปรับรูปแบบการศึกษาและการบริหารงานให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โลก ภายใต้หลักการบริหารองค์กรที่สำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ 1.การสานพลังทุกภาคส่วน (Collaboration) เพื่อเป็นการยกระดับการทำงานไปสู่การร่วมมือกัน โดยจัดระบบให้มีการวางแผนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่ต้องการร่วมกัน 2. การสร้างความสำเร็จร่วม (Shared Achievement) การคิดค้นและแสวงหาวิธีการหรือแนวทาง (Solutions) เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานและการให้บริการ 3. การพัฒนาตนเองขององค์กร (Self-Development Organization) การปรับเข้าสู่การเป็นดิจิทัล (Digitization) และ 4. การปรับเปลี่ยนกระบวนการทางความคิด (Mindset) เพิ่มทักษะให้มีสมรรถนะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง เพื่อสร้างคุณค่าหลัก (Core Value) ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของทุกหน่วยงาน โดยปรับเปลี่ยนจากการทำงานรูปแบบเดิมมาสู่รูปแบบใหม่ เพื่อปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น        ตั้งแต่ปีการศึกษา 2563 เป็นต้นมา สำนักงานประกันคุณภาพจึงปรับกระบวนการบริหารงานภายในหน่วยงานให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการบริหารงานของมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกตอบสนองทันที (Pro-Active) การใช้ทรัพยากรน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า (Less resources, but more results) ปรับระบบการทำงานให้เป็นดิจิทัลและเชื่อมต่อในหลายมิติ (Digitalization and Hyperlink) มากขึ้น อันส่งผลต่อคุณภาพการบริหารบุคลากรในหน่วยงาน การกำกับตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร คณะวิชา หน่วยงานสนับสนุน และสถาบัน  ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุความสำเร็จตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 ที่มีการปรับจากรูปแบบของ KPI ไปสู่รูปแบบ Key Result นอกจากการอาศัยค่านิยมดังกล่าวแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องพัฒนา Mindset จาก Fixed Mindset ไปสู่ Growth Mindset เพื่อรองรับกระบวนการพัฒนาไปสู่การเป็น Smart Organization ในการนี้สำนักงานประกันคุณภาพจึงได้ทดลองดำเนินการกระบวนการดำเนินงานในลักษณะไม่หยุดนิ่ง (Dynamic) หรือติดในกรอบการทำงานเดิมๆ โดยเริ่มตั้งแต่ในส่วนของการมี Dynamic Mission, Dynamic IDP, Dynamic Job description และ Dynamic working result ในการนำไปสู่ผลลัพธ์ความสำเร็จที่วัดผลได้ตาม Key Result ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : โดยนำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 มาตีความสู่การดำเนินงานความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้ วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ    วิธีดำเนินการจัดการความรู้ในหน่วยงานสำนักงานประกันคุณภาพโดยผู้บริหารหน่วยงานให้ความสำคัญกับการจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัย เช่น ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายแนวทางการจัดการความรู้ ปีการศึกษา 2565 ในหัวข้อ “การจัดการความรู้กับการประกันคุณภาพ” ให้ความรู้แก่บุคลากรในสำนักงาน, สนับสนุนให้บุคลากรเข้าร่วมอบรมแนวทางการจัดการความรู้ในทุกปีการศึกษา เป็นต้น แล้วนำข้อมูลที่ได้จากการเข้าร่วมอบรมฯ มาประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อวิเคราะห์ รวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่ประสบความสำเร็จและองค์ความรู้ของบุคลากรในหน่วยงานเพื่อนำเสนอตามแบบฟอร์มการจัดการความรู้ โดยมีกระบวนการจัดการความรู้ 6 ขั้นตอน ดังนี้1. การกำหนดความรู้ที่จำเป็น โดยจัดประชุมหน่วยงานเพื่อร่วมกันพิจารณาว่าความรู้ใดที่สำคัญต่อกระบวนการดำเนินงานในช่วงของการเปลี่ยนแผนยุทธศาสตร์2. การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ โดยการนำพันธกิจใหม่ (ที่มาของ Dynamic Mission กับ Dynamic Job Description) ที่ได้รับมอบหมายมาสร้างองค์ความรู้ใหม่ ศึกษา แสวงหาความรู้จากภายนอกหน่วยงานแล้วนำความรู้หรือประสบการณ์ของบุคลากรรายบุคคลมาประชุม/ระดมความคิดเห็นร่วมกันเพื่อปรับปรุง Job Description รายบุคคล3. การปรับปรุง/ดัดแปลง/สร้างความรู้บางส่วนให้เหมาะสมต่อการใช้งาน โดยการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรของสำนักงานประกันคุณภาพที่มีการปรับปรุงให้เป็นไปตามพันธกิจใหม่ (ที่มาของ Dynamic IDP) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและเพิ่มประสิทธิผลของผลลัพธ์การดำเนินงาน4. การประยุกต์ใช้ความรู้ในงานของตน โดยการนำความรู้ที่ได้จากการประชุม/ระดมความคิดเห็น และการให้ความรู้แบบ Coaching จากผู้บริหารหน่วยงานสู่การจัดทำเป็นองค์ความรู้ เพื่อนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน (ที่มาของ Dynamic working result)5. การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสกัด “ขุมความรู้” ออกมาบันทึกไว้ สำนักงานประกันคุณภาพดำเนินการตาม 4D เพื่อกำกับติดตามผลการดำเนินงานตาม KR แล้วทำการประเมินความสำเร็จตามเป้าหมายได้ครบถ้วนทุก KR6. การจดบันทึกขุมความรู้และแก่นความรู้สำหรับไว้ใช้งานและปรับปรุงเป็นชุดความรู้ที่ครบถ้วน    6.1 นำผลการสกัดความรู้ตามกระบวนการ 4D มาบันทึกตามแนวทางของ RKMS    6.2 การเผยแพร่ความรู้ 4D ทั้งผ่านระบบ RKMS และผ่านการจัดอบรมสัมมนาหน่วยงานสนับสนุน โดยสำนักงานประกันคุณภาพ เช่น การนำ “ตัวอย่างแผนพัฒนาบุคลากร สำนักงานประกันคุณภาพ (แสดงตัวอย่าง Dynamic IDP ที่เชื่อมโยงกับ Dynamic Mission และ Dynamic Job Description และนำไปสู่ Dynamic working result)” ในการจัดอบรม “แนวทางการเขียนรายงานการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหน่วยงานสนับสนุน ปีการศึกษา 2565” เพื่อประกอบการรายงานในตัวบ่งชี้ที่ 2 แผนการบริหารและแผนพัฒนาบุคลากรสายสนับสนุน 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน        สำนักงานประกันคุณภาพมีกระบวนการติดตามผลการปฏิบัติงานของบุคลากรรายบุคคลตามพันธกิจใหม่ ที่มีการปรับหน้าที่ ความรับผิดชอบงาน และตัวชี้วัดความสำเร็จของบุคลากรรายบุคคล โดยมีผลลัพธ์การดำเนินงานและผลการพัฒนาบุคลากร ดังนี้     ผลลัพธ์การพัฒนางานในเชิงกระบวนการและเทคโนโลยี (Process and Technology)1. มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลตามพันธกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน (IQA) และการประเมินคุณภาพภายนอก (EQA) ได้แก่ พัฒนาระบบ improvement plan online (เป้าหมาย 100% comfort faculty and curriculum IP on time)เป็นระบบที่สามารถนำเข้ารายงาน มคอ.7, รายงาน SAR และผู้ประเมินสามารถอ่านและกรอกรายงานผลการประเมิน รวมถึงการแก้ไขรายงานการตรวจประเมินเบื้องต้นผ่านระบบฯ ได้ และสามารถรวบรวมรายงานผลการตรวจประเมินเบื้องต้นให้เป็นฉบับสมบูรณ์ โดยระบบจะสามารถประมวลผลในส่วน Comment ของกรรมการประเมินแล้วสร้างเป็น Default Improvement Plan เพื่อให้คณะสามารถ Login เข้าระบบฯ เพื่อกรอกข้อมูล Improvement Plan ให้เป็นฉบับสมบูรณ์ได้ทันที ซึ่งถือว่าเป็นระบบแบบ One Stop Service และสามารถเก็บรวบรวม Improvement Plan ได้ทุกปีการศึกษา พัฒนาระบบ EQA Online เพื่อสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน IQA และเพื่อรองรับการประเมินคุณภาพภายนอก (เป้าหมาย มีระบบฐานข้อมูลตอบโจทย์การประกันคุณภาพหลักสูตรและคณะพร้อมกัน) โดยมีการกำกับติดตามให้คณะวิชารายงานข้อมูลในระบบฯ ภายในระยะเวลาที่สำนักงานประกันคุณภาพกำหนด 2. พัฒนามาตรฐานคุณภาพการศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต โดยการจัดทำคู่มือ RQA63, RQA63+ และ RQA66(เป้าหมาย มีมาตรฐานที่ตอบเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร กรอบมาตรฐานคุณวุฒิการศึกษา และบริบทมหาวิทยาลัยรังสิต)3. พัฒนาสื่อออนไลน์เพื่อใช้ในการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสำหรับทุกกลุ่ม (อาจารย์ นักศึกษา และผู้ประเมิน) ผ่านช่อง YouTube สำนักงานประกันคุณภาพ (เป้าหมาย มีสื่อพัฒนาความรู้ QA ออนไลน์ใหม่ๆ จำนวน 10 เรื่องต่อปี ที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม)4. การจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อให้คำปรึกษาตามประเด็นที่หลักสูตร/ คณะวิชา/ หน่วยงาน มีข้อสงสัยภายหลังการศึกษาแนวทางการรายงานจากสื่อออนไลน์ที่เผยแพร่ในช่อง YouTube สำนักงานประกันคุณภาพ (เป้าหมายคือกลุ่มที่ได้รับการบรรยายผ่าน Focus Group ร้อยละ 100 จะต้องได้รับความรู้ ความเข้าใจในเกณฑ์และแนวทางการรายงานมากขึ้น)5. พัฒนา Website ใหม่ของสำนักงานประกันคุณภาพที่มีความหลากหลายของเมนูการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภาพในทุกระดับ ให้บริการการดาวน์โหลดคู่มือและแบบฟอร์มต่างๆ เอกสารหลักฐานต่างๆ ข่าวสารด้านการประกันคุณภาพ ตลอดจน Web link ที่เชื่อมโยงกับสถานี YouTube สำนักงานประกันคุณภาพและ Web link ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง6. พัฒนาผู้ประเมิน IQA หน้าใหม่ร้อยละ 5-10 ของฐานผู้ประเมินทุกปีรองรับอนาคต (เป้าหมาย ผู้ประเมินหน้าใหม่มีศักยภาพเป็นกรรมการประเมินต่อเนื่องได้ 3 ปี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50)7. พัฒนาระบบประเมินการเรียนการสอนของอาจารย์ที่ตอบโจทย์ Active Learning ภายใต้ภาคีความร่วมมือ สำนักงานประกันคุณภาพ สำนักงานมาตรฐานวิชาการ และ ITSC (เป้าหมาย คณาจารย์มากกว่าร้อยละ 60 มีผลประเมินการสอนเฉลี่ย 4.01 ขึ้นไป)8. ภาคีความร่วมมือระหว่างสำนักงานประกันคุณภาพ สำนักงานมาตรฐานวิชาการ และ HRD ในการจัดอบรมสัมมนาเตรียมความพร้อมการเป็น outcome based education และรองรับเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรใหม่ และกรอบมาตรฐานคุณวุฒิใหม่ (เป้าหมาย หลักสูตรสามารถพัฒนา และปรับปรุงหลักสูตรตาม OBE และตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตร และกรอบมาตรฐานคุณวุฒิใหม่ได้)9.จัดประเมินคุณภาพการศึกษาภายในผ่านระบบออนไลน์ (เป้าหมาย เพื่อลดความเสี่ยง Covid-19, ไม่มีข้อจำกัดจำนวนการเข้าร่วม, สามารถลดต้นทุน 20% และ มี Real time consult ผ่าน Line group ทำให้เกิด common standard10. ความร่วมมือด้านการประกันคุณภาพการศึกษากับเครือข่ายประกันคุณภาพการศึกษาสถาบันนานาชาติ (Institutional Quality Assurance Network: IQAN)11. การจัดทำคู่มือที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภาพการศึกษาและงานด้านวิชาการ เช่น คู่มือการสืบค้นบทความที่ได้รับการอ้างอิงในฐาน TCI และ Scopus, คู่มือการอ้างอิงสารสนเทศตาม APA 7th Edition, คู่มือประกอบการใช้งานระบบฐานข้อมูลต่างๆ อาทิ คู่มือฯ ระบบ EQA, คู่มือฯ ระบบ CHE QA Online และคู่มือฯ ระบบ DBS เป็นต้น      ผลลัพธ์การพัฒนาบุคลากร1. บุคลากรมีความรู้ความสามารถที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานตาม Dynamic Job Description ได้แก่ มีความรู้ในตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาภายในตามมาตรฐานคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2563 โดยทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการและเลขานุการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ไม่น้อยกว่า 30 ครั้งต่อปี และสามารถจัดทำ Template ทั้ง มคอ.7 SAR ระดับคณะ และ SAR ระดับสถาบัน ครอบคลุมมาตรฐานคุณภาพการศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2563 และครอบคลุมเกณฑ์การจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา มีความรู้ในตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก รอบสี่ โดยสามารถพัฒนา Template สำหรับการเก็บข้อมูลผลการดำเนินงานฯ, ร่วมพัฒนาระบบ EQA Online และร่วมจัดทำรายงาน PA2-1, PA2-2 เพื่อรองรับการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ มีความรู้ในระบบฐานข้อมูลการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ของ สป.อว. (ระบบ CHE QA ONLINE) โดยสามารถวางโครงสร้างคณะและหลักสูตรในระบบ CHE QA ONLINE, สร้าง Username และ Password ทั้งในระดับหลักสูตรและระดับคณะ ครอบคลุมทั้งผู้กรอกรายงานและกรรมการประเมิน และสามารถจัดทำคู่มือประกอบการใช้งานระบบฯ ทั้งในระดับหลักสูตรและคณะวิชา รวมทั้งสามารถเป็นวิทยากรในการอบรมการใช้งานระบบฯ ทั้งระดับหลักสูตรและระดับคณะวิชา มีความรู้ตามเกณฑ์การจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา โดยสามารถพัฒนา Template สำหรับการเก็บข้อมูลผลการดำเนินงานตามเกณฑ์การจัดกลุ่มสถาบัน มีความรู้ตามการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก เช่น Webometrics, QS World University Ranking, THE World University Ranking และ U-Multirank โดยจัดเก็บข้อมูลผลการดำเนินงานตามเกณฑ์การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกต่างๆ ศึกษาและรวบรวมแนวปฏิบัติที่ดีของมหาวิทยาลัยอื่นๆที่ได้รับการจัดอันดับในด้านต่างๆที่ดีขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้กับหน่วยงานที่เป็น Process Owner 2. บุคลากรมีทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานตาม Dynamic Job Description ได้แก่ มีทักษะการใช้งานระบบ EQA โดยสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบ (Admin) สามารถใช้งานระบบ EQA ในการกรอกผลการดำเนินงานของคณะ และสามารถเป็นวิทยากรอบรมแนวทางการใช้งานระบบ ให้กับผู้เข้าร่วมอบรมจากคณะต่างๆ ได้ มีทักษะการใช้งานระบบฐานเอกสารกลาง DBS โดยสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบ (Admin) สามารถใช้งานระบบฯ ในการกรอกผลการดำเนินงานของระดับหลักสูตร ระดับคณะ ระดับหน่วยงานสนับสนุน และระดับสถาบัน และสามารถเป็นวิทยากรอบรมแนวทางการใช้งานระบบฐานเอกสารกลาง DBS ให้กับผู้เข้าร่วมอบรมของระดับต่างๆ ได้ มีทักษะการใช้งานระบบ Web Admin โดยสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบ (Admin) Website สำนักงานประกันคุณภาพ และสามารถอัพเดทข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน มีทักษะการใช้งาน Microsoft Office/ Google Apps เพื่อลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานและสามารถถ่ายทอดการใช้งานให้กับผู้ร่วมงานได้ มีทักษะการใช้งานภาษาอังกฤษ โดยสามารถอ่านและแปลบทความจากภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาไทยและสามารถเขียนบันทึกข้อความ คู่มือ แนวปฏิบัติ Template เป็นภาษาอังกฤษได้ มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ และออกแบบวิธีแก้ปัญหา โดยสามารถร่วมเสนอแนวทางดำเนินงานในวาระการประชุมกรรมการชุดต่างๆ เป็นผู้นำเสนอแนวทางการดำเนินงานประกันคุณภาพในที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานประกันคุณภาพ ไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง ต่อคนต่อปี และสามารถวิเคราะห์และออกแบบปรับปรุงกระบวนการทำงานตามภาระงานที่ได้รับมอบหมาย 3. บุคลากรมีสมรรถนะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานตาม Dynamic Job Description ได้แก่ มีสมรรถนะในการนำเสนอและการสื่อสาร โดยสามารถเป็นวิทยากรในการจัดอบรม เป็นผู้นำเสนอวาระการประชุม โดยมีผลการประเมินความพึงพอใจในการทำหน้าที่เป็นวิทยากร/ผู้นำเสนอวาระการประชุมคะแนนประเมิน 3.51 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 5 ต่อเนื่องสามปีการศึกษา มีสมรรถนะในการทำงานเป็นทีม โดยสามารถสร้างสรรค์และวางแผนการทำงานเป็นกลุ่มภายใต้ภารกิจต่างๆ ของสำนักงานโดยเจ้าหน้าที่เองหรือร่วมกับผู้บังคับบัญชา ซึ่งมีกระบวนการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานเป็นกลุ่มแล้วนำผลจากการตรวจสอบและการประเมินผลการดำเนินงานมาปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานเป็นกลุ่มภายใต้ภารกิจต่างๆ ของสำนักงานโดยเจ้าหน้าที่เองหรือร่วมกับผู้บังคับบัญชาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป มีสมรรถนะทางด้าน Digital Literacy ในขั้นเริ่มต้นถึงขั้นกลาง (ใช้นิยาม Digital Literacy ตามแผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569) โดยนำผลจากการพัฒนาสมรรถนะทางด้าน Digital ไปใช้ปรับปรุงงาน อย่างน้อย 1 งานต่อคน 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่         การตรวจสอบผลการดำเนินการ สำนักงานประกันคุณภาพมีกระบวนการติดตามผลการปฏิบัติงานของบุคลากรรายบุคคลตามพันธกิจใหม่ ที่กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จคือ รายงาน Job Description ประจำปีการศึกษาที่ Mapping กับ Dynamic Mission และรายงานการปฏิบัติงานรายบุคคลประจำเดือน (Monthly Report) เพื่อติดตามการพัฒนาตนเองของบุคลากรว่ามีผลการดำเนินงานอย่างไร มีการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการพัฒนาไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จของการพัฒนาบุคลากรอันส่งผลต่อภาพรวมของการพัฒนาหน่วยงานอย่างยั่งยืน     การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ ประสบการณ์จากการนำ 4D ไปใช้ พบว่าบุคลากรสำนักงานประกันคุณภาพมีการดำเนินงานภายใต้พันธกิจใหม่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จไว้ในแผนพัฒนาบุคลากร เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานด้านการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน ซึ่งผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาบุคลากรพบว่าหน่วยงานสามารถบริหารจัดการภาระงานที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นตามพันธกิจใหม่ได้อย่างมีคุณภาพ มีการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการปฏิบัติงานมากขึ้นเพื่อลดขั้นตอนและทรัพยากรแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น เช่น การจัดประเมินคุณภาพการศึกษาภายในผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมรับฟังผลการประเมิน และสามารถลดต้นทุนการใช้งบประมาณและทรัพยากรได้ถึง 20% ต่อปี อีกทั้งสามารถสร้างระบบ Real Time Consult ผ่าน Line Group เพื่อให้คำปรึกษาหรือตอบข้อคำถามระหว่างการตรวจประเมินได้อย่างทันท่วงที อันส่งผลต่อภาพรวมการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานในระดับหลักสูตร ระดับคณะ ระดับหน่วยงานสนับสนุน และระดับสถาบันที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดสามปีการศึกษา ด้วยผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับสถาบัน อยู่ในระดับดีมาก (ปีการศึกษา 2562 คะแนนประเมิน 4.51, ปีการศึกษา 2563 คะแนนประเมิน 4.63 และปีการศึกษา 2564 คะแนนประเมิน 4.64)    บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ เนื่องจากสำนักงานประกันคุณภาพมีกระบวนการดำเนินงานภายใต้พันธกิจใหม่ตามที่ผู้บริหารระดับสูงกำหนดในทุกปี สิ่งสำคัญที่สุดของการพัฒนาหน่วยงานและบุคลากรคือการสร้างองค์ความรู้ที่มีในตัวบุคคลทั้งที่มีอยู่แล้วให้เกิดการพัฒนามากยิ่งขึ้น หรือการเพิ่มพูนองค์ความรู้ใหม่ผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในหน่วยงาน การให้ความรู้แบบ Coaching จากผู้บริหารหน่วยงาน หรือการศึกษาจากผู้บริหาร/ คณาจารย์ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญผ่านการเข้าร่วมประชุม/อบรม/สัมมนา ตลอดจนการส่งเสริมให้บุคลากรศึกษาค้นคว้าแนวปฏิบัติที่ดีเพื่อนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานของตนเอง และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัดความสำเร็จ และแผนการดำเนินงานในแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อให้สำนักงานประกันคุณภาพสามารถขับเคลื่อนกระบวนการดำเนินงานตามพันธกิจใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           ข้อเสนอแนะ :  สืบเนื่องจากระบบการศึกษาและการบริหารองค์กรในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และสำนักงานประกันคุณภาพเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ต้องมีการอัพเดทข้อมูล ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับงานวิชาการและงานประกันคุณภาพ อีกทั้งยังได้รับมอบหมายในการกำกับดูแลพันธกิจใหม่ในทุกปี ดังนั้นสำนักงานประกันคุณภาพจึงมีแนวทางการดำเนินการพัฒนาบุคลากรและหน่วยงานเพื่อเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ และการเป็น Smart Organization โดยยังคงดำเนินการตามกระบวนการ 4D (Dynamic Mission, Dynamic IDP, Dynamic Job description และ Dynamic working result) และมีการประเมินผลลัพธ์การดำเนินงานเพื่อนำจุดอ่อน/ ปัญหา/ อุปสรรค ที่พบ หรือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพันธกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำไปปรับปรุง/ พัฒนา/ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตามแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ความสำเร็จที่วัดผลได้ตาม Key Result และเพื่อยืนยันความสำเร็จของกระบวนการดำเนินงานแบบ 4D ของสำนักงานประกันคุณภาพที่แสดงถึงค่าแนวโน้มของ Output Outcome ตาม Key Result ที่ดีตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569   ดูรูปภาพ/กิจกรรมเพิ่มเติมที่นี่

4D for Smart Organization Read More »

กลยุทธ์การขอรับรองมาตรฐาน Peer Evaluation จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.3.3 กลยุทธ์การขอรับรองมาตรฐาน Peer Evaluation จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ผู้จัดทำโครงการ​ อาจารย์นภาพรรณ พงษ์พวงเพชร ศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฝ่ายการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากหน่วยงานในระดับประเทศจาก สํานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จึงจําเป็นต้องมีห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งอาจารย์ นักวิจัยและบุคลากรที่เข้ามาใช้บริการของศูนย์เครื่องมือวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถนําข้อมูลของห้องปฏิบัติการนี้ไปดําเนินการเพื่อขอสนับสนุนทุนวิจัยจากสํานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : จากการลงมือปฏิบัติจริงความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : นำประสบการณ์จากการปฏิบัติงานในระบบมาตรฐานอื่นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับข้อกำหนดตามมาตรฐาน วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   1. ถ่ายรูปห้องปฏิบัติการก่อนการดำเนินการจัดทำห้องปฏิบัติการปลอดภัย (Lab safety)   2. ทำการประเมินห้องปฏิบัติการในระบบ ESPReL check list ตามข้อกำหนดของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ( ESPReL check list จากจำนวนข้อกำหนด 162 ข้อ 7 องค์ประกอบ การขอรับรองมาตรฐาน Peer Evaluation มีข้อกำหนดพื้นฐาน 137 ข้อ)   3. นำคะแนนจาก ESPReL check list ที่ได้มาวิเคราะห์ Gap Analysis โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ   4. ดำเนินการตาม gap analysis โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ       4.1 ข้อกำหนดที่สามารถปฏิบัติได้ภายใน 6 เดือนแรก       4.1.1 จัดทำนโยบาย แผนการดำเนินงาน โครงสร้างการบริหารจัดการความปลอดภัยและตั้ง ทีมงานดำเนินการ กำหนดหน้าที่รับผิดชอบ       4.1.2 จัดทําระบบบันทึกข้อมูลสารเคมี ทำบัญชีรายการวัสดุห้องปฏิบัติการ สารเคมี และ แยกประเภทสารเคมีตามความเป็นอันตรายในระบบ GHS และสารที่ไม่สามารถเข้ากันได้ จัดหาภาชนะรองรับสารเคมีที่เหมาะสม กำหนดพื้นที่ในการจัดเก็บสารเคมี จัดทํารายงานความเคลื่อนไหวสารเคมี แนวปฏิบัติในการจัดการสารที่ไม่ใช้แล้ว จัดหาอุปกรณ์ในการเคลื่อนย้ายสารเคมี จัดหา spill kit หรืออุปกรณ์ทดแทนที่เหมาะสมในกรณีสารเคมีหกรั่วไหล อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล(PPE) ข้อกำหนดในการจัดเก็บแก็ส ติดตั้งอุปกรณ์ห้องเก็บแก๊ส จัดทำเอกสารคู่มือการปฏิบัติงาน quality procedure/ work Instruction/ safety data sheet (SDS)       4.1.3 การจัดการข้อมูลของเสีย การบันทึกข้อมูลของเสีย การรายงานข้อมูล การแยก ประเภทของเสีย การเก็บบรรจุของเสีย การตรวจสอบภาชนะบรรจุ เขียนระเบียบปฏิบัติ (Work Instruction) การลดการเกิดของเสีย การบำบัดและกำจัดของเสีย       4.1.4 จัดทําระเบียบปฏิบัติในการใช้งานเครื่องมือทุกชนิดในห้องปฏิบัติการ ทำ Preventive Maintenance เครื่องมืออุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการ ยกเลิกการใช้งานปลั๊กพ่วงและเขียนระเบียบปฏิบัติ (Work Instruction) ในกรณีที่ต้องใช้งานปลั๊กพ่วง       4.1.5 การป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย จัดทําแผนป้องกันและแก้ไขภัยพิบัติและภาวะ ฉุกเฉิน ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน จัดทําแบบประเมิน/ รายงานความเสี่ยงรายบุคคลและห้องปฏิบัติการ จัดทํารายงานอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการ จัดทำและบังคับใช้ระเบียบปฏิบัติในการเข้าใช้ห้องปฏิบัติการให้เข้มงวด       4.1.6 อบรมถ่ายทอดความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่ แม่บ้าน และนักศึกษาผู้มาใช้บริการห้องปฏิบัติการ       4.2 ข้อกำหนดที่สามารถปฏิบัติได้ภายหลัง 6 เดือน       4.2.1 ขออนุมัติงบประมาณ จัดซื้อ ตู้เก็บกรด ตู้เก็บสารไวไฟ       4.2.2 ขออนุมัติงบประมาณซ่อมแซมพื้นห้องปฏิบัติการ ปรับปรุงห้องปฏิบัติการให้ เหมาะสมกับการใช้งาน       4.2.3 ประสานงานฝ่ายอาคารและสิ่งแวดล้อม ขอข้อมูลการตรวจสอบ ระบบไฟฟ้า ระบบโครงสร้าง ระบบสุขาภิบาล ระบบระบายอากาศ ระบบฉุกเฉิน   5. ยื่นเอกสารการขอรับการตรวจประเมิน โดยผู้ตรวจประเมินจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ โดยก่อนยื่นขอรับการตรวจประเมินให้พิจารณาดังนี้       5.1 เมื่อสามารถดำเนินการตาม Gap Analysis ครบถ้วน และเข้าไปทำการประเมินห้องปฏิบัติการใน ESPReL check list แล้วพบว่าทุกองค์ประกอบ ได้คะแนนเต็ม 100% สามารถยื่นขอรับการตรวจประเมินมาตรฐาน Peer Evaluation ครบทุกองค์ประกอบได้       5.2 เมื่อดำเนินการตาม gap Analysis สำเร็จแล้วบางส่วน และเมื่อเข้าไปทำการประเมินห้องปฏิบัติการใน ESPReL check list แล้วพบว่า คะแนนเฉลี่ยทั้ง 7 องค์ประกอบได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 80% โดยมีบางองค์ประกอบได้คะแนนเต็ม 100 % และจะต้องไม่มีองค์ประกอบใดเลยได้คะแนนน้อยกว่า 50% ก็จะสามารถยื่นขอรับการตรวจประเมินมาตรฐาน Peer Evaluation เป็นรายองค์ประกอบได้   6. ผู้ตรวจประเมิน จะทำการตรวจสอบเอกสารที่ยื่นขอรับการตรวจประเมิน และถ้าผู้ตรวจประเมิน พิจารณาแล้วว่าห้องปฏิบัติการนั้นมีความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถให้การรับรองมาตรฐานได้ จะทำการนัด วัน เวลาในการเข้าตรวจประเมิน ณ ห้องปฏิบัติการที่ยื่นขอการรับรอง   7. ในวันที่คณะผู้ตรวจประเมิน เข้าตรวจประเมิน ณ ห้องปฏิบัติการ หัวหน้าห้องปฏิบัติการจะต้อง เตรียมเอกสารหลักฐานครบทั้ง 7 องค์ประกอบให้คณะผู้ตรวจประเมินตรวจสอบ และเตรียมบุคลากรที่ทำหน้าที่นำเสนอ ตอบคำถาม และพาคณะผู้ตรวจประเมินเข้าไปตรวจสอบในจุดต่างๆของห้องปฏิบัติการ เพื่อพิจารณาผลการดำเนินงานการจัดทำห้องปฏิบัติการปลอดภัย    8. เมื่อคณะผู้ตรวจประเมินทำการตรวจประเมินครบถ้วนแล้ว จะแจ้งสรุปผลการตรวจประเมิน ข้อบกพร่องและข้อสังเกตเบื้องต้นกับหัวหน้าห้องปฏิบัติการ    9. คณะผู้ตรวจประเมินจะจัดทำรายงานข้อบกพร่องและข้อสังเกตที่ตรวจพบ ส่งให้ห้องปฏิบัติการ ดำเนินการแก้ไข และระบุวันที่ต้องส่งรายงานการแก้ไข   10. ห้องปฏิบัติการ ต้องทำการแก้ไขข้อบกพร่องที่คณะผู้ประเมินตรวจพบ และจัดทำรายงานแก้ไข ข้อบกพร่อง พร้อมเอกสารที่แสดงการแก้ไขข้อบกพร่องนั้น ส่งให้กับผู้ตรวจประเมินตามวันที่ระบุไว้ ส่วนข้อสังเกตสามารถดำเนินการแก้ไขและส่งพร้อมการแก้ไขข้อบกพร่อง หรือสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายหลังได้    11. คณะผู้ตรวจประเมิน ตรวจสอบการแก้ไข และสรุปผลการตรวจประเมิน ส่งให้สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พิจารณา    12. กรณีที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติออกใบรับรองมาตรฐานระบบ Peer Evaluation ใน 2 รูปแบบ คือ        1. ใบรับรองที่ผ่านเกณฑ์การประเมินรายองค์ประกอบ        2. ใบรับรองที่ผ่านเกณฑ์การประเมินทุกองค์ประกอบ (7 องค์ประกอบ) 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    ผลการดำเนินการ การลงมือปฏิบัติจริง1. ภาพถ่ายก่อน/หลังดำเนินโครงการ2. ประเมินผ่านระบบ ESPReL Checklist              % ก่อนดำเนินโครงการ                 % หลังดำเนินโครงการ1) การบริหารระบบการจัดการด้านความปลอดภัย                              33.3                                                1002) ระบบการจัดการสารเคมี                                                          67.5                                                1003) ระบบการจัดการของเสีย                                                          62.9                                                1004) ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ            2.4                                                1005) ระบบการป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย                                          49.2                                                1006) การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ        3.7                                               1007) การจัดการข้อมูลและเอกสาร                                                       14.3                                               100รวม                                                                                         51.5                                               1003. การตรวจประเมิน โดยผู้ตรวจประเมินจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ     3.1  ผ่านการประเมินครบทั้ง 7 องค์ประกอบ     3.2 ได้รับใบรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการในรูปแบบ Peer Evaluation จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ4. ได้รับรางวัลห้องปฏิบัติการดีเด่น และได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินงานอุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน    เนื่องจากต้องมีการขอเอกสารการตรวจโครงสร้าง ระบบอาคาร จากหน่วยงานอื่นทำให้การดำเนินงานมีความล่าช้า  3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่    1. การตรวจสอบผลการดำเนินการ       1.1 ตรวจสอบผลการดำเนินการ โดยการประเมินตนเองภายหลังการดำเนินการ ตามข้อกำหนด ในระบบ EspreL checklist       1.2 ตรวจสอบผลการดำเนินการ โดยคณะผู้ตรวจประเมิน และนำข้อบกพร่องและข้อสังเกต จากคำแนะนำของผู้ตรวจประเมิน มาทำการแก้ไข   2. การนำเสนอประสบการการนำไปใช้       2.1 การได้รับคัดเลือกให้นำเสนอผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยห้องปฏิบัติการ ในการประชุมประจำปีเครือข่ายวิจัย : ภาคกลาง วันที่ 5 เมษายน 2565 ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น      2.2 ได้รับเลือกให้นำเสนอผลการดำเนินงาน ในการประชุมประจำปีเครือข่ายมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการ ปี 2565 (ครั้งที่ 3) 10 พฤศจิกายน 2565 โรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว จ.เชียงใหม่ จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติสรุปอภิปรายผล บทสรุปความรู้เมื่อทำตามขั้นตอนตามวิธีการดำเนินการ กลยุทธ์การขอรับรองมาตรฐาน Peer Evaluation จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ โดยครบถ้วน ผลที่ได้รับคือ    1. ผ่านการตรวจประเมินห้องปฏิบัติการ    2. ได้รับใบรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการในรูปแบบ Peer Evaluation จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ    3. ได้รับรางวัลห้องปฏิบัติการดีเด่น และรับมอบทุนสนับสนุนการดำเนินงาน การยกระดับความปลอดภัยห้องปฏิบัติการ ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice          ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice นั้น ปัจจัยในความสำเร็จของกลยุทธ์การขอรับรองมาตรฐาน Peer Evaluation จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นี้คือ หัวหน้าห้องปฏิบัติการและผู้ดูแลห้องปฏิบัติการต้องให้ความสำคัญในการดำเนินการปรับปรุงและยกระดับห้องปฏิบัติการให้มีความปลอดภัย สอดคล้องตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วนทุกองค์ประกอบ องค์กรมีวัฒนธรรมความปลอดภัยและมีผู้บริหารที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย ดูรูปภาพ/กิจกรรมเพิ่มเติมที่นี่

กลยุทธ์การขอรับรองมาตรฐาน Peer Evaluation จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ Read More »

การลดระยะเวลาโดยการใช้ Flow Chart ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2565 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 1.1.4, KR 3.4.1 การลดระยะเวลาโดยการใช้ Flow Chart ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ ผู้จัดทำโครงการ​ นายกิตติศักดิ์ ไตรพิพัฒพรชัย สำนักงานมาตรฐานวิชาการ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ 1. หลักการและเหตุผล / ความสำคัญ / ประเด็นปัญหา *          สำนักงานมาตรฐานวิชาการเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยรังสิต ให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ เนื่องจากสำนักงานมาตรฐานวิชาการมีหน้าที่รับผิดชอบงานตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งเป็นงานที่ส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาการ เพื่อให้อาจารย์ได้ผลิตผลงานทางวิชาการเพิ่มขึ้น ตลอดจน ให้อาจารย์ได้ตำแหน่งทางวิชาการที่สูงขึ้น มีความรู้ความสามารถที่สอดคล้องกับงานสอน โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอตำแหน่งทางวิชาการที่มีขั้นตอนที่ชัดเจน โดยเสนอผลงานผ่านคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติและผลงานทางวิชาการเบื้องต้นฯ คณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชการ และคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย ตามลำดับ ตลอดจนมีการสนับสนุนให้อาจารย์ผลิต ผลงานเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง สำนักงานฯ เห็นว่าการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการมีความสำคัญ และควรมีขั้นตอนในการปฏิบัติในแต่ละช่วงให้ชัดเจน เพื่อลดระยะเวลาในการดำเนินงาน โดยการใช้ Flow Chart ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการสนับสนุนการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ จึงได้จัดทำเป็นกรอบในการทำงาน Flow Chart เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงขั้นตอน ระยะเวลาในการดำเนินการ และกระบวนการต่างๆ ในการดำเนินการในการยื่นขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการอย่างชัดเจน จึงได้กำหนดระยะเวลาในการการยื่นขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ 2. ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้        จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงเกิดแนวคิดเพื่อเป็นการสนับสนุน และส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาการให้กับอาจารย์มหาวิทยาลัยรังสิต ให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สอดคล้องกับระเบียบ คำสั่ง แนวปฏิบัติ ของมหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้ขั้นตอนและกระบวนการในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการอาจใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างล่าช้า ซึ่งปัญหาและอุปสรรคในการในการกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ และได้มีการพิจารณาปรับปรุงกระบวนการทำงานจากที่ประชุม Corrective Action Committee เพื่อเป็นการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานตำแหน่งทางวิชาการ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ได้ โดยการลดระยะเวลาในการดำเนินงานขอตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการสามารถเห็นขั้นตอน และกระบวนการในการดำเนินการในการยื่นขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ยื่นขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : สำนักงานมาตรฐานวิชาการ เป็นผู้ดำเนินการเองความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้ วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ     1. จัดทำ Flow Chart ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ เพื่อแสดงให้เห็นรายละเอียดและกระบวนการขอตำแหน่งทางวิชาการ    2. ดำเนินการเผยแพร่ Flow Chart ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ ผ่านเว็บไซด์ของสำนักงานมาตรฐานวิชาการ ในงานตำแหน่งทางวิชาการ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการได้รับทราบรายละเอียดและขั้นตอนในการขอตำแหน่งทางวิชาการ และสามารถนำไปดำเนินการได้อย่างถูกต้อง     3. ดำเนินงานตามกรอบและระยะเวลา 2. ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน     1. ผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ ขั้นตอน และกระบวนการต่างๆ ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ     2. ผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการเกิดความสะดวก รวดเร็ว และสามารถทราบระยะเวลาในการดำเนินงานแต่ละขั้นตอนในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ     3. ผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการสามารถที่จะวางแผนในการดำเนินการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการได้     4. ผลการดำเนินการตาม Flow Chart ระยะเวลาในการดำเนินงานขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการจะลดลง ในปัจจุบันใช้ระยะเวลาโดยเฉลี่ยประมาณ8-9 เดือน     5. ผู้ทรงคุณวุฒิบางสาขาค่อนข้างหายาก และมีภารกิจค่อนข้างมาก มีผลต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการประเมิน 3. การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์นำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่     จากการดำเนินงาน โดยการกำหนดระยะเวลาตาม Flow Chart ในการยื่นขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการที่ผ่านมานั้น และใช้ระยะเวลาในการดำเนินการในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการโดยเฉลี่ยไม่เกิน 270 วัน นับจากวันที่ผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้ทำการยื่นเรื่องมาที่สำนักงานมาตรฐานวิชาการ     ดังนั้น หากมีผู้ยื่นขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการใช้ระยะเวลาที่น้อยลงตามรายละเอียด จะเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้อาจารย์มีความสนใจในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการเพิ่มมากขึ้น และได้พัฒนางานวิชาการของมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มหาวิทยาลัยมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางวิชาการ และเป็นการส่งเสริมการผลิตผลงานทางวิชา ของอาจารย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้อาจารย์ได้รับตำแหน่งทางวิชาการที่สูงขึ้น  ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           ควรต้องมีการพิจารณาการดำเนินงานในทุกขั้นตอนของการดำเนินงานขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการว่าจะสามารถลดระยะเวลาในช่วงใดได้อีก เพื่อให้ระยะเวลาในการดำเนินงานเร็วขึ้น

การลดระยะเวลาโดยการใช้ Flow Chart ในการยื่นขอตำแหน่งทางวิชาการ Read More »

Scroll to Top