รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.1.1, KR 3.1.2/1, KR 3.2.1/1, KR 3.3.1/1, KR 3.4.1/1 และ KR 5.3.1/1 คลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัล: โมเดลการจัดการความรู้เพื่อสร้างสุขภาพที่เข้าถึงได้ (Digital Sexual Health Clinic: A Knowledge Management Model for Accessible Well-being) ผู้จัดทำโครงการ นายรชานนท์ สากล นายกวี ภัทรยุคลธร นางสาวอุมา คุ้มวงศ์ และนางสาวภัทราพร จันทรังษี สำนักงานสวัสดิการสุขภาพ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ หลักการและเหตุผล / ความสำคัญ / ประเด็นปัญหา1.1 หลักการพื้นฐานของการให้บริการสุขภาพทางเพศดิจิทัล วัยรุ่นเป็นช่วงอายุที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQAI+) มักเผชิญกับความท้าทายด้านอัตลักษณ์และการยอมรับในสังคม ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการเข้าถึงบริการสุขภาพทางเพศ ความกังวลเรื่องการตีตราและความไม่สะดวกในการเข้ารับคำปรึกษาทางการแพทย์ อาจทำให้วัยรุ่นหลายคนไม่ได้รับการดูแลสุขภาพทางเพศที่เหมาะสมจากข้อมูลการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสถานศึกษาอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น จังหวัดปทุมธานี พบว่าอัตราการติดเชื้อ เช่น เอชไอวี หนองใน และซิฟิลิส ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ ทั้งจากมุมมองของผู้ใช้บริการและระบบบริการเอง ดังนั้น แนวทางการให้บริการสุขภาพทางเพศที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอยู่บนหลักการสำคัญดังนี้: 1.1.1 การเข้าถึงที่สะดวกและปลอดภัย – บริการสุขภาพต้องเปิดกว้าง ไม่เลือกปฏิบัติ และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว1.1.2 การใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อกลาง – นำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้เพื่อให้บริการที่สะดวกและลดอุปสรรคในการเข้าถึง1.1.3 แนวทางที่เป็นมิตรและปราศจากการตีตรา – ออกแบบพื้นที่และระบบบริการให้เอื้อต่อวัยรุ่นทุกเพศสภาพ1.1.4 การดูแลแบบองค์รวมโดยทีมสหวิชาชีพ – ประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และนักจิตวิทยาที่มีความเข้าใจในประเด็นด้านเพศภาวะ 1.2 การประยุกต์ใช้แนวคิดทางทฤษฎีเพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพการส่งเสริมสุขภาพทางเพศในวัยรุ่นไม่สามารถมุ่งเน้นเฉพาะด้านการรักษาเพียงอย่างเดียวแต่จำเป็นต้องพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพอย่างเป็นระบบ โดยใช้ "Health Promotion Model" ของ Pender เป็นแนวทางหลัก ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ การรับรู้ผลประโยชน์ของพฤติกรรมสุขภาพ – สร้างความเข้าใจว่า การดูแลสุขภาพทางเพศตั้งแต่เนิ่น ๆช่วยลดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือปัญหาจากการใช้ฮอร์โมนโดยไม่มีคำแนะนำที่ถูกต้อง การลดอุปสรรคในการเข้ารับบริการ – ใช้เทคโนโลยีช่วยให้การรับคำปรึกษาง่ายขึ้นลดความรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องพบแพทย์โดยตรง อิทธิพลของปัจจัยทางสังคม – สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้วัยรุ่นกล้ารับบริการสุขภาพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตีตรา การพัฒนาทัศนคติในระดับบุคคล – กระตุ้นให้เกิดความตระหนักในความสำคัญของสุขภาพทางเพศไม่ใช่แค่เมื่อมีอาการป่วย แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพโดยรวม 1.3 โมเดลการจัดการความรู้เพื่อสุขภาพทางเพศที่เข้าถึงได้“RSU New Gen x Pride Clinic” ถูกออกแบบให้เป็นต้นแบบของการให้บริการสุขภาพทางเพศ ที่เชื่อมโยงองค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติจริง โดยใช้ โมเดลการจัดการความรู้ (Knowledge Management Model) ที่มีองค์ประกอบสำคัญดังนี้ การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล – ศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นเพื่อพัฒนานโยบายการให้บริการที่เหมาะสม การพัฒนาองค์ความรู้ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย – สร้างเนื้อหาการให้ความรู้ที่เข้าใจง่าย เหมาะสมกับวัยรุ่นและใช้สื่อดิจิทัลให้เป็นช่องทางหลักในการเผยแพร่ข้อมูล การนำองค์ความรู้ไปใช้ในบริการจริง – พัฒนาแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้วัยรุ่นสามารถจองคิว นัดหมายแพทย์ ขอคำปรึกษาออนไลน์และเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพทางเพศได้สะดวก การประเมินผลและปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง – ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้บริการมาพัฒนาระบบให้ตอบโจทย์ความต้องการของวัยรุ่นและกลุ่ม LGBTQAI+ 1.4 เทคโนโลยีกับการลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการปัจจัยสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นหลีกเลี่ยงการเข้ารับบริการสุขภาพทางเพศคือ ความรู้สึกไม่มั่นใจ กลัวการถูกตีตรา และความยุ่งยากของกระบวนการรับบริการ ดังนั้น คลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัลจึงใช้ เทคโนโลยีเข้ามาเป็นสะพานเชื่อมต่อบริการสุขภาพกับกลุ่มเป้าหมาย โดยมีแนวทางดังนี้ การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล – พัฒนา ไลน์บัญชีทางการ (LINE Official Account) เพื่อช่วยให้วัยรุ่นสามารถนัดหมาย ปรึกษาแพทย์ และขอรับคำแนะนำเบื้องต้นได้ทันที บริการทางไกลและTelemedicine – เพิ่มทางเลือกให้สามารถเข้ารับคำปรึกษาผ่านวิดีโอคอลหรือ แชทโดยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล การให้บริการแบบไม่ต้องเปิดเผยตัวตน – ลดปัจจัยที่ทำให้วัยรุ่นรู้สึกอึดอัดในการเข้ารับบริการ เช่น การลงทะเบียนแบบไม่ระบุชื่อหรือการใช้ระบบจองคิวอัตโนมัติ การใช้ AI หรือ Chatbot – นำปัญญาประดิษฐ์หรือระบบตอบข้อความอัตโนมัติเข้ามาช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง สรุป โมเดล “คลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัล: การจัดการความรู้เพื่อสร้างสุขภาพที่เข้าถึงได้” ไม่เพียงแต่เป็นการให้บริการทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของวัยรุ่นและกลุ่ม LGBTQAI+ เท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบของระบบสุขภาพที่เน้น “การจัดการความรู้ (Knowledge Management) “ เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพบริการในระยะยาว ช่วยให้วัยรุ่นเข้าถึงบริการทางสุขภาพทางเพศได้สะดวก ปลอดภัย และเป็นมิตร ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยลดอุปสรรคในการเข้ารับบริการ นำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ในรูปแบบที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของนักศึกษาและวัยรุ่นยุคใหม่ ส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพและลดอัตราการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ในระยะยาว การจัดการองค์ความรู้ในคลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัล จึงเป็นแนวทางสำคัญในการทำให้สุขภาพทางเพศกลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ สะดวก และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของวัยรุ่นทุกคน ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)– ข้อมูลจากสำนักงานสวัสดิการสุขภาพ มหาวิทยาลัยรังสิต– ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค เขต 4 และ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดปทุมธานี– ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก– การประยุกต์ทฤษฎีทางการพยาบาล– ทิศทางกลยุทธ์และนโยบาย โดย สภาการพยาบาล ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)เจ้าของความรู้/สังกัดประสบการณ์ตรงและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในคลินิกฯและผู้รับบริการโดยตรงจากการปฏิบัติงานทางคลินิกและการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพทางเพศในกลุ่มนักศึกษาทั่วไปและนักศึกษาที่มีความหลากหลายทางเพศ ช่วงวัยรุ่น– นายรชานนท์ สากล (พยาบาลวิชาชีพ) ผู้จัดตั้งโครงการฯ / สำนักงานสวัสดิการสุขภาพ– นายกวี ภัทรยุคลธร (พยาบาลวิชาชีพ) ผู้ปฏิบัติการ / สำนักงานสวัสดิการสุขภาพ– นางสาวอุมา คุ้มวงศ์ (พยาบาลวิชาชีพ) ผู้ปฏิบัติการ / สำนักงานสวัสดิการสุขภาพ– นางสาวภัทราพร จันทรังษี (พยาบาลวิชาชีพ) ผู้ปฏิบัติการ / สำนักงานสวัสดิการสุขภาพอื่น ๆ นายแพทย์ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์, นายแพทย์วิชาญ เกิดวิชัย, นางปราณี บุญญา, และทีมแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง สำนักงานสวัสดิการสุขภาพ มหาวิทยาลัยรังสิต วิธีการดำเนินการ การดำเนินโครงการ RSU New Gen x Pride Clinic เป็นการพัฒนารูปแบบบริการสุขภาพทางเพศ ที่ทันสมัยและเข้าถึงได้ง่าย โดยใช้ แนวคิดการจัดการความรู้ (Knowledge Management) เป็นแนวทางหลัก เพื่อให้บริการที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง การดำเนินงาน มี 5 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ การวางแผน การพัฒนาโครงสร้างและระบบบริการ การดำเนินกิจกรรมและให้บริการ การติดตามผล และการส่งเสริมความร่วมมือ โดยแต่ละขั้นตอนถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกันเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและพัฒนาไปสู่ระบบบริการที่ยั่งยืน1. การวางแผนและเตรียมการการพัฒนาและดำเนินโครงการเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด1.1 การจัดตั้งทีมงานและการบริหารจัดการโครงการ จัดตั้งทีมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักเทคนิคการแพทย์ นักจิตวิทยา และผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางเพศ เพื่อร่วมกันออกแบบและพัฒนาระบบ วางโครงสร้างและกระบวนการทำงานของคลินิกให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นและนักศึกษา จัดประชุมระหว่างทีมงานเพื่อกำหนดแนวทางให้บริการอย่างเป็นมิตรและไม่เลือกปฏิบัติ1.2 การพัฒนาองค์ความรู้และเตรียมบุคลากร จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับแนวทางการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางเพศ พัฒนาคู่มือแนวปฏิบัติสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของกลุ่ม LGBTQAI+ ออกแบบหลักสูตรอบรมสำหรับนักศึกษาแกนนำที่สนใจเป็นผู้ให้ความรู้ในระดับเพื่อนช่วยเพื่อน1.3 การจัดทำแผนและขออนุมัติโครงการ จัดทำแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุมตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย วัตถุประสงค์ งบประมาณ และตารางเวลาดำเนินงาน ประสานงานกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขออนุมัติโครงการ 2. การพัฒนาโครงสร้างและระบบบริการ เพื่อให้บริการของคลินิกสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวก ระบบดิจิทัลจึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหลัก2.1 การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล พัฒนา ไลน์บัญชีทางการ หรือ LINE Official Account เป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงบริการ ออกแบบระบบจองคิวออนไลน์และปรับปรุงช่องทางการติดต่อให้มีความเป็นส่วนตัว พัฒนาบริการ เทเลเมดดิซีน (Telemedicine) ผ่านวิดีโอคอล เพื่อให้คำปรึกษาเบื้องต้น2.2 การจัดหาอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ จัดเตรียมชุดตรวจ HIV Self-Test Kit, ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก, ถุงยางอนามัย และสารหล่อลื่น จัดหาวัสดุและอุปกรณ์สนับสนุนที่จำเป็นสำหรับการตรวจวินิจฉัยและรักษา2.3 การสร้างระบบการให้บริการแบบบูรณาการ ประสานงานระหว่างทีมบุคลากรสหวิชาชีพเพื่อให้บริการที่ครอบคลุม จัดให้มีพื้นที่ให้บริการที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับกลุ่มเป้าหมาย 3. การดำเนินกิจกรรมและให้บริการคลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัลให้บริการในหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย3.1 การให้คำปรึกษาและตรวจคัดกรองโรค ให้คำปรึกษาออนไลน์ผ่าน LINE Chat และ Video Call บริการคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เบื้องต้น บริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับเพศภาวะ3.2 การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรค ให้บริการตรวจและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสถานพยาบาลของมหาวิทยาลัย นัดหมายและส่งต่อผู้ป่วยไปยังคลินิกเฉพาะทางหากจำเป็น3.3 การแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ แจกจ่ายถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นในจุดให้บริการที่เข้าถึงง่าย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมนอย่างปลอดภัยสำหรับผู้ที่ต้องการ3.4 การอบรมและสร้างแกนนำนักศึกษา จัดการอบรมให้แกนนำนักศึกษาเพื่อเป็นตัวแทนในการให้ความรู้เรื่องสุขภาพทางเพศ ส่งเสริมการเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Learning)3.5 การรณรงค์และประชาสัมพันธ์ ใช้โซเชียลมีเดียและสื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือหลักในการเผยแพร่ความรู้ จัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างความตระหนักเรื่องสุขภาพทางเพศในหมู่นักศึกษา 4. การติดตามและประเมินผล การดำเนินโครงการจะต้องมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาคุณภาพบริการ4.1 การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้บริการ ระดับความพึงพอใจ และผลการรักษา วิเคราะห์แนวโน้มการติดเชื้อและพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเป้าหมาย4.2 การติดตามผลการรักษาและให้คำปรึกษาต่อเนื่อง ติดตามผลการรักษาของผู้ป่วยเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับการดูแลอย่างครบถ้วน ให้คำแนะนำต่อเนื่องเกี่ยวกับการป้องกันและการดูแลสุขภาพทางเพศ4.3 การนำผลการประเมินมาปรับปรุงระบบ ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้บริการมาพัฒนาและปรับปรุงระบบให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ปรับปรุงแนวทางการให้บริการให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 5. การเสริมสร้างพลังอำนาจและเครือข่ายความร่วมมือ การดำเนินโครงการให้ประสบความสำเร็จจำเป็น ต้องได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ5.1 การสร้างการมีส่วนร่วมของนักศึกษา สนับสนุนให้มีการจัดตั้งชมรมหรือกลุ่มนักศึกษาที่สนใจประเด็นสุขภาพทางเพศ ส่งเสริมบทบาทของนักศึกษาในการเป็นผู้ให้คำปรึกษาและเผยแพร่ความรู้5.2 การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำงานร่วมกับคณะและภาควิชาต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ประสานงานกับหน่วยงานสาธารณสุขในท้องถิ่นเพื่อขยายบริการ5.3 การพัฒนาเครือข่ายสนับสนุนระดับประเทศและนานาชาติ ขยายความร่วมมือไปยังองค์กรด้านสุขภาพทางเพศและสิทธิมนุษยชน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดีจากหน่วยงานต่างประเทศ สรุปแนวทางการดำเนินงานของ “คลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัล” มุ่งเน้น การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาระบบบริการที่เข้าถึงได้ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นศูนย์กลาง พร้อมบูรณาการหลักการพยาบาลและสุขภาพสาธารณะเพื่อให้บริการที่ครอบคลุม ปลอดภัย และยั่งยืนต่อไปในอนาคต การสร้างเสริมพลังอำนาจ การมีส่วนร่วมของนักศึกษาและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อน 2.Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน2.1 การดำเนินการทดสอบต้นแบบของ RSU New Gen x Pride Clinic การพัฒนา RSU New Gen x Pride Clinic ในระยะต้นเน้นการทดสอบการให้บริการในรูปแบบ แอปพลิเคชันบัญชีไลน์ทางการ (LINE Official Account) เพื่อวิเคราะห์ ประสิทธิภาพของระบบ และ ความพร้อมของบุคลากร ในการให้บริการสุขภาพทางเพศแบบดิจิทัล โดยใช้กระบวนการทดสอบ Prototype Testing ภายใต้เงื่อนไขการใช้งานจริง กระบวนการทดสอบต้นแบบนี้ใช้แนวทาง การพัฒนาวนรอบ (Iterative Development Approach) ซึ่งเน้น การทดลองใช้งาน (Trial Use) การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection) และการปรับปรุงระบบ ตามข้อเสนอแนะของผู้ใช้บริการ (User Feedback-Based Improvement) เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ2.2 ตารางสรุปการทดสอบต้นแบบ: ประเด็นสำคัญและแนวทางแก้ไข2.2.1 ปัจจัยเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ หัวข้อ รายละเอียด ผลกระทบ / อุปสรรค แนวทางแก้ไข การจัดการข้อมูลและความปลอดภัย ระบบเก็บข้อมูลผู้ใช้บริการยังไม่มีมาตรการความปลอดภัยเพียงพอ เสี่ยงต่อข้อมูลรั่วไหลและการบริหารจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล (Data Security Enhancement) โดยกำหนดระดับสิทธิ์การเข้าถึง (Access Control) ระบบนัดหมายและการบริหารบุคลากร มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่เจ้าหน้าที่มีจำนวนจำกัด เกิดความล่าช้าในการให้บริการ และอาจมีบางกรณีที่ไม่ได้รับการดูแลทันที พัฒนาระบบ Online & Onsite Booking และเพิ่มเจ้าหน้าที่สนับสนุน การตอบคำถามนอกเวลาทำการ นักศึกษาส่วนใหญ่สอบถามข้อมูลนอกเวลางาน ทำให้เกิดความล่าช้าในการให้ข้อมูลสำคัญ ใช้ Chatbot ตอบคำถามเบื้องต้น และแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ในกรณีฉุกเฉิน การบริหารจัดการเคส (Case Management) ยังไม่มีระบบติดตามเคสที่เป็นระบบ เกิดปัญหาการตกหล่นของเคส หรือใช้เวลารอนานเกินไป พัฒนา Real-time Case Management System สำหรับติดตามและส่งต่อผู้ป่วย จำนวนแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ มีแพทย์เฉพาะทางเพียงบางวัน และไม่มีแพทย์โรคติดเชื้อประจำ ผู้ป่วยอาจไม่ได้รับการรักษาทันเวลา ขยายเครือข่ายความร่วมมือ กับโรงพยาบาลและหน่วยงานภายนอก นักจิตวิทยาไม่เพียงพอ นักจิตวิทยามีเคสหนาแน่น การให้บริการด้านสุขภาพจิตล่าช้า ใช้แนวทาง Peer Counseling โดยฝึกอบรมพยาบาลให้สามารถให้คำปรึกษาเบื้องต้น ภาระงานพยาบาลเพิ่ม พยาบาลต้องดูแลหลายส่วน ทำให้การให้บริการล่าช้า ผู้ใช้บริการอาจได้รับคำแนะนำล่าช้า ปรับลดภาระงานที่ไม่จำเป็นและพัฒนา Task Delegation System 2.2.2 ปัจจัยด้านเทคโนโลยี หัวข้อ รายละเอียด ผลกระทบ / อุปสรรค แนวทางแก้ไข ความล่าช้าในการพัฒนาระบบ ทีมพัฒนาเป็นนักศึกษา IT ที่ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ ระบบอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ร่วมมือกับพยาบาลสารสนเทศและผู้เชี่ยวชาญ IT ข้อจำกัดในการให้ยา ยาบางชนิด เช่น ยาต้านฉุกเฉิน ยังไม่สามารถให้บริการได้ ผู้ใช้บริการต้องไปขอรับบริการที่อื่น ประสานงานกับหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อขยายการให้บริการ ปัญหาการประชาสัมพันธ์ นักศึกษาบางรายยังไม่ทราบว่าคลินิกมีบริการด้านสุขภาพทางเพศ ทำให้มีผู้เสียโอกาสเข้ารับบริการ ใช้ช่องทาง TikTok, Instagram, LINE OA และกิจกรรมรณรงค์ 2.3 บทเรียนจากการทดสอบต้นแบบและแนวทางพัฒนาจากการทดสอบต้นแบบ RSU New Gen x Pride Clinic ในระยะแรก พบข้อดีและอุปสรรคที่สามารถ นำมาพัฒนาโครงการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแนวทางการปรับปรุงในอนาคต ได้แก่2.3.1 ปรับปรุงระบบและโครงสร้างการให้บริการ เพิ่มบุคลากรสนับสนุน – ลดภาระงานของแพทย์ พยาบาล และนักจิตวิทยา โดยใช้ Chatbot และระบบอัตโนมัติ พัฒนาระบบบริหารจัดการเคส – ใช้ระบบติดตามผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ เพื่อลดระยะเวลารอ ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก – เพื่อรองรับบริการด้านสุขภาพทางเพศที่ครอบคลุมมากขึ้น ปรับปรุงแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี ปรับปรุงระบบแจ้งเตือนในไลน์ – ใช้ API ที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์ม เพิ่มระบบ Chatbot AI – ตอบคำถามเบื้องต้นเพื่อลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ เพิ่มระบบริชเมนูใน LINE OA – เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูลและลดอุปสรรคในการเข้ารับบริการ ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์หลัก เช่น TikTok, Instagram และ กิจกรรมให้ความรู้ ขยายบริการให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น LGBTQAI+ และนักศึกษาที่ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ฮอร์โมน ลดอุปสรรคทางจิตวิทยาและสังคม – จัดกิจกรรมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศและลดการตีตรา2.3.2 การพัฒนาระยะต่อไป: การขยายขอบเขตของคลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัล หลังจากการทดสอบต้นแบบ RSU New Gen x Pride Clinic ในระยะแรกเสร็จสิ้นแผนการพัฒนาระยะต่อไปมีเป้าหมายในการทำให้ระบบสมบูรณ์และครอบคลุมมากขึ้น โดยมีแนวทางดังนี้ ทดสอบ Web Service และริชเมนูใน LINE OA เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถนัดหมายออนไลน์ขอรับถุงยางอนามัย / ชุดตรวจ HIV / ชุดตรวจ HPV DNA แบบไม่พบหน้า แจ้งเตือนการกินยา รับใบรับรองแพทย์ รับผลตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พัฒนาระบบติดตามการรักษาอัตโนมัติ เช่น AI Reminder และ Telehealth Follow-up สร้างโมเดลความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายสุขภาพทางเพศ เพื่อลดช่องว่างในการให้บริการสรุป การทดสอบต้นแบบ RSU New Gen x Pride Clinic ช่วยให้สามารถระบุจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุงของระบบได้ชัดเจน ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนา คลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัล ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้อย่างแท้จริง 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การดำเนินโครงการ RSU New Gen x Pride Clinic ได้ผ่านกระบวนการออกแบบ ทดลองและปรับปรุงจนสามารถ พิสูจน์ความเป็นไปได้ (Feasibility) และประสิทธิผล (Effectiveness) ในการให้บริการสุขภาพ ทางเพศที่เข้าถึงได้จริง ผ่านการบูรณาการ องค์ความรู้ (Explicit Knowledge), เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Health), และแนวทางการทำงานแบบสหวิชาชีพ (Interprofessional Collaboration) กระบวนการ "CHECK" นี้ มุ่งเน้นการ วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน (Performance Analysis), การนำองค์ความรู้ไปใช้ (Knowledge Application), และการกำหนดแนวทางพัฒนาต่อเนื่อง (Future Direction) เพื่อให้โครงการสามารถขยายผลและสร้างผลลัพธ์เชิงระบบอย่างยั่งยืน 3.1 การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้3.1.1 ประสบการณ์ในการออกแบบและพัฒนาระบบ ทีมพัฒนาได้นำ ทฤษฎีการส่งเสริมสุขภาพของ Pender (Pender’s Health Promotion Model)มาใช้เป็นแนวทางหลักในการออกแบบระบบสุขภาพทางเพศดิจิทัล ใช้แนวคิด "การออกแบบที่มุ่งเน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (User-Centered Design)"เพื่อให้แพลตฟอร์มตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย กระบวนการ Prototype Testing ในสภาพแวดล้อมจริง ช่วยให้ทีมพัฒนา มองเห็น Pain Point ได้เร็วขึ้นและปรับปรุงระบบให้เหมาะสม เช่น การจัดการสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล, การขาดแพทย์เฉพาะทาง,และการบริหารข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล3.1.2 ประสบการณ์ในการดำเนินงานจริง มีการพัฒนา ระบบ Case Management และ ระบบติดตามผู้ป่วยผ่านไลน์เพื่อลดระยะเวลารอคอยและเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ ขยายความร่วมมือกับ โรงพยาบาลปทุมธานี และหน่วยงานสาธารณสุขเพื่อรองรับการรักษาเฉพาะทางและสนับสนุนทรัพยากร ปรับปรุง กระบวนการทำงานของทีมสหวิชาชีพ ให้มีการสื่อสารที่ดีขึ้น (Effective Communication)ลดข้อผิดพลาดในการส่งต่อและการบริหารจัดการผู้ป่วย 3.2 สรุปและอภิปรายผลการดำเนินงาน3.2.1 พฤติกรรมสุขภาพของนักศึกษามีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด นักศึกษาตระหนักถึง ความสำคัญของสุขภาพทางเพศ มากขึ้น มีอัตราการเข้ารับการตรวจคัดกรองสูงขึ้นและลดการใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ ความรู้สึกอึดอัดและการตีตราลดลง เนื่องจากบริการให้ความสำคัญกับ "ความเป็นส่วนตัว"และมีช่องทางการปรึกษาออนไลน์3.2.2 เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพของบริการ ระบบ Online Booking, QR Code Scan, และ Chatbot หรือ AI ลดระยะเวลาการให้บริการและภาระงานของบุคลากร การเชื่อมต่อข้อมูล Real-time ผ่าน LINE Official Account ทำให้การบริหารจัดการเคสเป็นไปอย่างต่อเนื่อง3.2.3 การทำงานร่วมกันของทีมสหวิชาชีพและเครือข่ายสุขภาพ โครงการ สอดคล้องกับ KR 3.1.2/1 ของยุทธศาสตร์ที่ 3 (Smart Organization)ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ขยายเครือข่ายความร่วมมือกับ โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุข และ NGO ทำให้บริการมีความครอบคลุมและตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่ม LGBTQAI+3.2.4 การเปลี่ยนแปลงไปสู่มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ (Smart Organization) มีการนำ Digital Health Solutions เข้ามาสนับสนุนการเรียนการสอนและการปฏิบัติงานของบุคลากร สอดคล้องกับ KR 3.3.1/1 ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ข้อมูลที่รวบรวมได้ถูกนำไปใช้พัฒนาต่อยอด งานวิจัยและแนวทางปฏิบัติทางคลินิก3.2.5 การสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ (Image & Reputation) การให้บริการที่ครอบคลุมและเป็นมิตรต่อวัยรุ่น สนับสนุน O5.3 (การสร้างเสริมสุขภาวะของนักศึกษา) การประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียและกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ทำให้ RSU เป็นต้นแบบของHealth Promoting University 3.3 บทสรุปองค์ความรู้ที่ค้นพบใหม่ “โมเดลคลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัล” ช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงบริการ – แพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถขอรับคำปรึกษาได้ง่ายขึ้น ลดอุปสรรคด้านความอายและการตีตรา “Key Success Factor” คือการบูรณาการความรู้ข้ามศาสตร์ – ทฤษฎีการพยาบาล, เทคโนโลยี, Data Science และ Cultural Competence เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ”ข้อมูลที่รวบรวมสามารถต่อยอดในระดับระบบ” – สถิติการใช้บริการและรายงาน (รง.506) มีประโยชน์เชิงระบาดวิทยา และสามารถนำไปพัฒนานโยบายสุขภาพวัยรุ่นได้ “ต้นแบบมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพ” – โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงแนวทางการให้บริการสุขภาพที่สามารถขยายผลไปยังสถาบันอื่น รองรับยุทธศาสตร์ Health Promoting University & Digital Health Transformation 3.4 สรุปผลลัพธ์และแนวทางพัฒนาในอนาคต โครงการ RSU New Gen x Pride Clinic ได้พิสูจน์ว่าเป็นโครงการที่มีประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพทางเพศของนักศึกษา โดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQ+ แนวทางพัฒนาในอนาคต ได้แก่:– ขยายบริการให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการการดูแลเฉพาะทางมากขึ้น เช่น การดูแลสุขภาพ LGBTQ+, การให้คำปรึกษาด้านการใช้ฮอร์โมน– นำ AI และ Chatbot มาเสริมระบบติดตามผลการรักษาและการให้คำแนะนำเบื้องต้น– สร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อการบริหารจัดการผู้ป่วยและ การเฝ้าระวังโรคที่แม่นยำขึ้น – เพิ่มการประชาสัมพันธ์เชิงรุกผ่านสื่อดิจิทัลและกิจกรรมในมหาวิทยาลัย เพื่อให้โครงการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น 3.5 บทสรุปสุดท้าย: CHECK = ความพร้อมสู่อนาคตของ Digital Sexual Healthการดำเนินโครงการในระยะ "CHECK" แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัย ในการเป็นต้นแบบของ SmartOrganization และ Digital Health Leader ที่สามารถ – สร้างสรรค์นวัตกรรมบริการสุขภาพทางเพศที่เข้าถึงได้– บูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญสหวิชาชีพ– ยกระดับคุณภาพชีวิตของนักศึกษาให้ดียิ่งขึ้นในระยะยาว “RSU New Gen x Pride Clinic: ก้าวสู่คลินิกสุขภาพทางเพศดิจิทัลที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับทุกคน” ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice โครงการ RSU New Gen x Pride Clinic ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นแนวทาง การเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือ (Collaboration), การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (Digital Health), การส่งเสริมสุขภาวะนักศึกษา (Student Well-being), และการบริหารโครงการให้เกิดความยั่งยืน (Sustainability Management) แนวทาง “ACT” นี้เน้นไปที่ การดำเนินงานเชิงรุก (Proactive Implementation), การปรับปรุงคุณภาพบริการ (Service Optimization), และการพัฒนาองค์ความรู้ให้สามารถขยายผลได้ (Scalable Knowledge Management) โดยอ้างอิง Key Results (KR) และ OKRs ขององค์กร เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและความต่อเนื่อง 4.1 ขยายความร่วมมือและเสริมสร้างเครือข่าย (Collaboration and Communication)ตาม KR 3.1.2/1การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คลินิกสามารถให้บริการได้อย่างครอบคลุม4.1.1 พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทั้งภายในและภายนอก ภายในมหาวิทยาลัย – จัดทำ โครงการบูรณาการกับคณะและวิทยาลัยต่างๆเพื่อออกแบบกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพทางเพศและการให้ความรู้ด้านสุขภาวะ ภายนอกมหาวิทยาลัย – สร้างความร่วมมือกับโรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุข และNGOs เพื่อพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วย และเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ 4.1.2 ปรับปรุงระบบการสื่อสารภายในทีมสหวิชาชีพ จัดทำ “คู่มือแนวปฏิบัติ (Standard Operating Procedure – SOP)” สำหรับกระบวนการให้บริการและการจัดเก็บข้อมูล ใช้ แพลตฟอร์มกลาง (Microsoft Teams, Google Meet, หรือ Intranet ของมหาวิทยาลัย) เพื่อให้บุคลากรสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและปรึกษาเคสได้อย่างรวดเร็ว 4.1.3 พัฒนา Digital Health Literacy สำหรับบุคลากร