Author name: apear

เส้นทางความสำเร็จด้วยการผ่าตัดคว้านต่อมลูกหมากเทคนิคใหม่ (RJ-TUAEP) จากจุดเริ่มต้นไปสู่รางวัลเลิศรัฐ 2567 (A to Z road to Public Sector Excellence Awards 2024 : RJ-TUAEP)

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.2.1 เส้นทางความสำเร็จด้วยการผ่าตัดคว้านต่อมลูกหมากเทคนิคใหม่ (RJ-TUAEP) จากจุดเริ่มต้นไปสู่รางวัลเลิศรัฐ 2567 (A to Z road to Public Sector Excellence Awards 2024 : RJ-TUAEP) ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.(พิเศษ) นพ. ธเนศ ไทยดำรงค์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​         ภาวะต่อมลูกหมากโตพบมากขึ้น ในปัจจุบันผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะไม่ออก การรักษาหลักคือการผ่าตัดคว้านต่อมลูกหมาก แบบวิธีดั้งเดิม (Transurethral Resection of Prostate :TURP) ซึ่งมีภาวะเสียเลือดปริมาณมาก (500-1000 ml) ฟื้นตัวช้า นอนโรงพยาบาลนานกว่า 4-5วัน และในผู้สูงอายุอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง(TURP syndrome) ได้ถึงร้อยละ 8 ก่อให้เกิดกระสับกระส่ายไม่รู้สึกตัว จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ร้อยละ 25 ปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบในระดับประเทศ โดยมีผู้มารับบริการผ่าตัดTURP ประมาณ 1,500-2,000 รายต่อปี ถึงแม้จะมีการพัฒนาอุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่น กลุ่มเลเซอร์ แต่ราคาอุปกรณ์ก็สูงกว่า 15,000,000 บาท ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณของโรงพยาบาลในส่วนภูมิภาค ส่งผลต่อการเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพของประชาชน ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้         เป็นการพัฒนาการเทคนิคใหม่ RJ-TUAEP ที่ใช้อุปกรณ์เดิม ร่วมกับการเพิ่มทักษะของศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะในภูมิภาค เพื่อให้ได้ผลเทียบเท่าอุปกรณ์ราคาแพง อีกทั้งเป็นการพัฒนาต้นทุนมนุษย์อย่างยั้งยืน ในการสอนทักษะการผ่าตัดศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะในภูมิภาค เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการของประชาชนในภูมิภาคนั้น ๆ ต่อไป ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)เจ้าของความรู้/สังกัดTransurethral Anatomical Enucleation of Prostate (TUAEP) in Benign Prostatic Hyperplasia with Bipolar System: First Study in Thailand, J Med Assoc Thai 2019;102(Suppl.4):20-5.  วิธีการดำเนินการ 1. การพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดภาวะต่อมลูกหมากโต RJ-TUAEP และได้เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์2. นำเสนอในงานประชุมวิชาการเผยแพร่องค์ความรู้ในงานประชุมวิชาการสมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะ3. จัดการฝึกอบรมและเผยแพร่เทคนิคRJ-TUAEPกระจายสู่โรงพยาบาลระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะที่สามารถเป็นเครือข่ายการถ่ายทอดองค์ความรู้โมเดลการให้บริการแก่ โรงพยาบาลในเขตสุขภาพใกล้เคียงได้ และเพิ่มการเข้าถึงของประชาชน 2.Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงานผลลัพธ์/ผลผลิตเชิงประจักษ์: ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะดีขึ้นหลังผ่าตัดทันที โดยการใช้ค่าตัวชี้วัดมาตรฐานต่าง ๆ เป็นตัวชี้วัดคุณภาพการรักษาพบว่าอาการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีดังนี้มาตรฐานสากลในการวัดระดับความรุนแรงของอาการต่อมลูกหมากโต (international prostate symptom score : IPSS), ระดับคุณภาพชีวิต (Quality of life score : QOL), อัตราการไหลของน้ำปัสสาวะ (Qmax), ปริมาณปัสสาวะเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะ (Post Void Residual urine : PVR) อัตราการเสียเลือดเทคนิค RJ- TUAEP ตารางที่ 1 แสดงผลการรักษาก่อน และหลังผ่าตัดด้วยวิธี RJ-TUAEP 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผลบทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ ภายหลังเผยแพร่ผลงานในวารสาร การบรรยายในการประชุมวิชาการ การออกหน่วยลงพื้นที่สอนแสดงการผ่าตัด และการจัดอบรม RJ-TUAEP start up ทำให้ได้รับความสนใจในหลายโรงพยาบาล เกิดการริเริ่มให้บริการผ่าตัดแบบRJ- TUAEP เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการมากขึ้น เป็นการยกระดับมาตราฐานการรักษาสู่ประชาชนในส่วนภูมิภาค และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการอีกด้วย ประโยชน์ที่ประชาชน และผู้รับบริการได้รับจากโครงการผ่าตัดส่องกล้องต่อมลูกหมากเทคนิคใหม่ RJ-TUAEP มีดังนี้1. ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาลในส่วนกลาง โดยไม่ต้องเดินทางเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาอย่างยั่งยืน2. ผู้ป่วยได้รับผลการรักษาที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี เห็นผลดีได้ชัดเจนหลังผ่าตัด3. ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดที่ปลอดภัย เสียเลือดน้อย ลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง (TURP-Syndrome)4. ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว นอนโรงพยาบาลสั้นลง ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ และสังคมในประเทศ5. โครงการก่อเกิดความเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ส่งผลดีกับประชาชนดังนี้ 10.5.1. เป้าหมายที่ 3: สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัยโดยส่องกล้องต่อมลูกหมากเทคนิคใหม่ RJ-TUAEPทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไม่ต้องทุกข์ทรมานกับภาวะปัสสาวะลำบาก10.5.2. เป้าหมายที่ 10: ลดความไม่เสมอภาคภายในและระหว่างประเทศ จากโครงการมีการกระจายความรู้และการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ระดับภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างสังคมเมืองหลวงกับชนบทในการมีโอกาสในการรับการรักษาที่มีมาตรฐานอย่างเสมอภาค และสมเหตุสมผล 6. ปัจจุบันมีผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดส่องกล้องต่อมลูกหมากเทคนิคใหม่ RJ-TUAEPในหน่วยบริการทั่วประเทศสะสมแล้วกว่า 2,000 ราย มีเครือข่ายกระจายให้บริการในเขตสุขภาพดังต่อไปนี้เขตสุขภาพที่ 1 : เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูนเขตสุขภาพที่ 2 : เพชรบูรณ์ และพิษณุโลกเขตสุขภาพที่ 3 : พิจิตรเขตสุขภาพที่ 4 : สระบุรี ปทุมธานี สิงห์บุรี และลพบุรีเขตสุขภาพที่ 5 : กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และสมุทรสงครามเขตสุขภาพที่ 6 : ระยอง และสระแก้วเขตสุขภาพที่ 7 : ร้อยเอ็ด และขอนแก่นเขตสุขภาพที่ 8 : อุดรธานีเขตสุขภาพที่ 9 : ชัยภูมิ และบุรีรัมย์เขตสุขภาพที่ 10 : อยู่ระหว่างการวางแผนงานเขตสุขภาพที่ 11: นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และกระบี่เขตสุขภาพที่ 12: สงขลา ตรัง นราธิวาส และปัตตานี ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice การต่อยอดพัฒนาในอนาคต1. การเพิ่มปริมาณศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะที่สนใจ เข้าร่วมการอบรมในโครงการ โดยคาดการที่จำนวน 70 ท่านภายใน 5 ปี2. สร้างเครือข่ายศูนย์ฝึกอบรมในส่วนภูมิภาค ต่อยอดเสริมศักยภาพผู้ที่ผ่านการอบรมในชุดแรก กว่า 35 ท่าน 3. มีการควบคุมคุณภาพการผ่าตัดโดยผ่านการส่งวีดีโอผ่าตัดมาประเมินทุก 6-12 เดือน4. การสร้างเครือข่ายการผ่าตัดระดับประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้5. การรวบรวมข้อมูลวิจัยร่วมกันเป็นฐานข้อมูลระดับประเทศต่อไป6. สร้างเครือข่ายเผยแพร่ความรู้ระดับอาเซียนและนานาชาติ

เส้นทางความสำเร็จด้วยการผ่าตัดคว้านต่อมลูกหมากเทคนิคใหม่ (RJ-TUAEP) จากจุดเริ่มต้นไปสู่รางวัลเลิศรัฐ 2567 (A to Z road to Public Sector Excellence Awards 2024 : RJ-TUAEP) Read More »

Healing Heart from Stressful Life Experiences to Well-being

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.1.2 Healing Heart from Stressful Life Experiences to Well-being ผู้จัดทำโครงการ​ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัชรินทร์ วุฒิรณฤทธิ์ อ.ราตรี ทองยู อ.เพชรไพลิน พิบูลนิธิเกษม อ.วราภรณ์ ศิริธรรมานุกุล อ.ฐิติชญาน์ ปิยภัทรธนัสไชย และ อ.สุนิษา เชือกทอง คณะพยาบาลศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​         ศึกษาในระดับอุดมศึกษาเป็นระยะที่นักศึกษาแสวงหาความรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการเข้าสู่โลกการทำงานและการเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น นักศึกษามีอิสระมากขึ้นในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเรียนและการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้อาจสร้างความท้าทายด้านการปรับตัว ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความเครียดจากภาระการเรียน ความรู้สึกโดดเดี่ยวจากการอยู่ห่างไกลจากครอบครัวและเพื่อน หรือความกดดันจากสังคมใหม่ที่ต้องเผชิญ (Bewick & Stallman, 2018) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาทางสุขภาพจิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปัจจุบันมีอัตราการเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตสูงขึ้นกว่าทศวรรษที่ผ่านมาถึง 5 เท่า (Bewick & Stallman, 2018) การสำรวจในประเทศไทยพบอุบัติการณ์เกิดภาวะซึมเศร้าของนักศึกษามหาวิทยาลัยร้อยละ 23 ซึ่งสูงกว่าประชากรไทยโดยรวมถึงร้อยละ 4 (อธิชาติ และจันทิมา, 2565) นอกจากนี้ยังพบว่า ร้อยละ 21.4 ของนักศึกษากำลังเผชิญปัญหาทางสุขภาพจิต โดยสาเหตุหลักมาจากปัจจัยด้านการเรียน ความสัมพันธ์ และการปรับตัว ปัญหาทางสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ได้แก่ ความเครียดและภาวะวิตกกังวล (ร้อยละ 9) ความรู้สึกโดดเดี่ยว (ร้อยละ 10) ภาวะซึมเศร้า (ร้อยละ 9-15)และพฤติกรรมทำร้ายตัวเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย (ร้อยละ 13) ซึ่งพบว่าภาวะซึมเศร้าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด (Pilakanta & Sriwichai, 2020)         นักศึกษาพยาบาลเป็นกลุ่มนักศึกษาที่มักจะถูกคาดหวังจากสังคม อาจารย์ และครอบครัว ให้เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น การเรียนการสอนมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ มีการฝึกปฏิบัติงานในสถานบริการสุขภาพ ซึ่งนักศึกษาจะต้องปรับตัวกับผู้รับบริการ บุคลากรทีมสุขภาพ และสภาพการณ์ของการเจ็บป่วยและการดูแลรักษาในบริบทแตกต่างหลากหลาย สภาพการณ์เหล่านี้ทำให้นักศึกษาพยาบาลมีโอกาสเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตได้มาก ประกอบกับในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 นักศึกษาต้องปรับตัวกับการเรียนออนไลน์ การฝึกปฏิบัติงานแบบผสมผสานระหว่างสถานการณ์จำลองและสถานการณ์จริง ทำให้เกิดความเครียดจากการเรียน ดังการศึกษาในกลุ่มนักศึกษาสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยรังสิต รวมทั้งนักศึกษาพยาบาลในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่พบว่า ปัจจัยด้านการเรียนการสอนเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้นักศึกษาเกิดความเครียด (วัชรินทร์ วุฒิรณฤทธิ์, นูรีดา ดอเลาะ, ซูฟีนา ดาละ, ปารีรัตน์ มูและ บุษรินทร์ ประดับญาติ และฟาตีเม๊าะ ไสสากา, 2563)         คณาจารย์ในกลุ่มวิชาการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวชจึงเห็นความสำคัญของการให้การช่วยเหลือนักศึกษาพยาบาลที่มีความเครียดหรือปัญหาทางสุขภาพจิตจากการเรียนในสถานการณ์ดังกล่าว โดยได้พัฒนาศูนย์บริการให้คำปรึกษา Happiness Center ขึ้นในปีการศึกษา 2564 เพื่อให้บริการคำปรึกษาทางออนไลน์แก่นักศึกษาพยาบาล ช่วยลดความเครียด ช่วยให้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากไปได้ สามารถเรียนรู้ และมีสุขภาพจิตที่ดี การบริการให้คำปรึกษามีการดำเนินการและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปีการศึกษา 2566 – 2567 ได้ปรับปรุงหน่วยบริการให้คำปรึกษา ปรับรูปแบบการบริการใหม่เป็นการบริการวิชาการแบบให้เปล่าของคณะพยาบาลศาสตร์ชื่อ รักษ์ใจ – Healing Heart และในปีการศึกษา 2567 ปรับปรุงมาเป็นหน่วยบริการให้คำปรึกษาที่ชื่อว่า Healing Heart Center ขยายขอบเขตการบริการให้แก่นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยรังสิต รวมถึงผู้รับบริการในชุมชนเมืองเอกที่ต้องการความช่วยเหลือด้านปัญหาสุขภาพจิต มีการนำ application Line Official มาใช้ในการรับทราบความต้องการการบริการและประสานงานนัดหมายบริการให้คำปรึกษาการดำเนินงานบริการให้คำปรึกษาผ่าน Healing Heart Center เป็นโครงการที่มีส่วนในการสร้างสุขภาวะทางกายและใจของนักศึกษา บุคลากร และชุมชน และสนับสนุนการส่งเสริม Healthy University ของมหาวิทยาลัยรังสิตต่อไป ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้          กระบวนการให้คำปรึกษา การพยาบาลผู้มีปัญหาทางสุขภาพจิต และ Therapeutic use of self เป็นความรู้สำคัญที่นำมาใช้ในการให้บริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ทางใจของผู้ที่มารับบริการที่ Healing Heart Center          การให้คำปรึกษา (Counseling) เป็นกระบวนการที่ช่วยให้บุคคลทำความเข้าใจตนเอง พัฒนาทักษะในการจัดการปัญหา ผลจากการเข้ารับบริการการให้คำปรึกษาและผ่านการทำความเข้าใจตนเอง ทำให้ผู้รับบริการเติบโตภายในจากประสบการณ์ชีวิต กระบวนการให้คำปรึกษามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้าง Well-being หรือความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ โดยแนวคิดที่นำมาใช้หลักๆ ได้แก่ แนวคิดการพัฒนาศักยภาพมนุษย์และความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจ แนวคิดนี้ได้รับอิทธิพลจาก Carl Rogers และ Carol Ryff ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพภายในของบุคคล การเสริมสร้างการตระหนักรู้ในตนเอง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีองค์ประกอบสำคัญ คือ 1) Person-Centered Therapy (Rogers, 1951) – การให้คำปรึกษาที่มุ่งเน้นผู้รับคำปรึกษาเป็นศูนย์กลาง โดยใช้ Empathy (ความเข้าใจเห็นใจ), Unconditional Positive Regard (การยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไข), และ Genuineness (ความจริงใจ) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการเติบโตทางอารมณ์และจิตใจ และช่วยให้บุคคลตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง และมุ่งสู่การเติมเต็มความสามารถสูงสุดของตน 2) Psychological Well-being (Ryff, 1989) – ความเป็นอยู่ที่ดีทางจิตใจ ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ Self-Acceptance (การยอมรับตนเอง) Positive Relations with Others (ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น) Autonomy (การมีอิสระในการตัดสินใจ) Environmental Mastery (การจัดการสิ่งแวดล้อมได้ดี) Purpose in Life (การมีเป้าหมายในชีวิต) Personal Growth (การเติบโตและพัฒนา) ซึ่งแนวคิดนี้ช่วยให้บุคคลเกิดการตระหนักรู้ในตนเอง ยอมรับตนเอง พัฒนาทักษะในการใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า สามารถปรับตัวต่อความท้าทาย เติบโตจากประสบการณ์ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งส่งผลต่อ Well-being ในระยะยาว ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการให้คำปรึกษา การพยาบาลผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและแนวคิดของกลุ่มมนุษยนิยม  ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) ได้แก่ ทักษะการให้คำปรึกษา (counseling skills) การใช้ตนเองเพื่อให้การช่วยเหลือ (therapeutic use of self) วิธีการดำเนินการ 1) ประชุมคณาจารย์กลุ่มวิชาการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาสถานการณ์และปัญหาของนักศึกษาที่พบหลังจากนั้นได้นำแนวทางการดำเนินงานเรียนปรึกษาท่านคณบดี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับทราบข้อเสนอแนะจากทุกส่วน นำกลับมาประชุมในกลุ่มวิชาฯ เพื่อปรับปรุงแผนการให้บริการ2) ขั้นเตรียมการ2.1 จัดเตรียมข้อมูลสำหรับใช้ในการประชาสัมพันธ์ Healing Heart Center 2.2 จัดเตรียม Line Official สำหรับใช้ในการติดต่อและนัดหมายการรับบริการ จัดบริการให้คำปรึกษาโดยจัดทำระบบการติดต่อขอนัดรับบริการคำปรึกษาแบบ blind ผ่าน Line official2.3 จัดเตรียมสถานที่ให้บริการแบบ on-site: ขออนุญาตใช้ห้องและอุปกรณ์สำนักงานที่จำเป็นสำหรับบริการให้คำปรึกษา Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo. 3) เมื่อมีผู้ต้องการรับบริการแจ้งความประสงค์ขอเข้ามารับบริการผ่านทาง Line Officialอาจารย์ที่เป็นผู้รับผิดชอบให้บริการในวันเวลาดังกล่าว จะไปให้บริการตามนัดที่ห้อง 4/2-406 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต4) เมื่อพบผู้รับบริการที่มารับบริการให้คำปรึกษา อาจารย์เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการระบายความรู้สึกและบอกเล่าประสบการณ์ที่ทุกข์ใจ รับฟังด้วยความเข้าใจโดยประยุกต์ใช้กระบวนการให้คำปรึกษาและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลทางสุขภาพจิตและจิตเวช ช่วยให้ผู้รับบริการได้มีโอกาสทบทวนเหตุการณ์และทำความเข้าใจตนเอง มองหาทางเลือกที่จะแก้ไขปัญหาในทางสร้างสรรค์ หลังจากให้คำปรึกษาใน session แล้ว บางรายอาจจะให้การบ้านผู้รับบริการกลับไปทบทวนตนเองและนัดกลับมาพบกรณีที่ผู้รับบริการต้องการหรืออาจารย์ผู้ให้บริการคำปรึกษาเห็นว่าสมควรนัดเพื่อติดตาม5) กรณีที่พบว่าปัญหาของผู้รับบริการมีความซับซ้อนและต้องการการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ อาจารย์จะขออนุญาตผู้รับบริการและสรุปข้อมูลเพื่อใช้สำหรับการส่งต่อไปรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญ6) ประสานงานส่งต่อผู้เชี่ยวชาญตามความเหมาะสมกับผู้รับบริการแต่ละคน 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงานผลการดำเนินการเชิงปริมาณผลการดำเนินงานของหน่วยบริการให้คำปรึกษา Healing Heart Center คณะพยาบาลศาสตร์ที่ให้บริการคำปรึกษาทางด้านสุขภาพจิตและจิตเวชแก่นักศึกษาและบุคลากรในมหาวิทยาลัยรังสิต ตั้งแต่ปีการศึกษา 2566 มีผู้เข้ารับบริการ จำนวน 32 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากคณะต่างๆ รวมถึงคณะพยาบาลศาสตร์ มีบุคคลากรในมหาวิทยาลัยและบุคคลภายนอกเล็กน้อย โดยปัญหาที่พบมากที่สุดคือ ภาวะซีมเศร้า วิตกกังวล เครียด และแพนิค ทุกรายที่ขอรับบริการได้รับบริการ คิดเป็นร้อยละ 100 และมีความพึงพอใจหลังรับคำปรึกษาร้อยละ 100 ในปีการศึกษา 2567 กำลังพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูล และคงให้บริการอย่างต่อ ผลการดำเนินการเชิงคุณภาพด้านผู้รับบริการ นักศึกษาที่รับบริการให้คำปรึกษา รู้สึกพึงพอใจและได้รับความช่วยเหลือทำให้สามารถบรรเทาความไม่สบายใจ และมีแนวทางรับมือกับปัญหาที่นำมาปรึกษาได้ ผู้เข้ารับบริการบางรายบอกว่า “ตอนแรกมาถึงหน้าห้องแล้วไม่อยากเข้ามา รู้สึกกลัวและไม่มั่นใจว่าที่นี่จะช่วยได้ไหม แต่พอเข้ามาแล้วรู้สึกว่าที่นี่คือพื้นที่ปลอดภัย” หลายคนบอกว่า “ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังดี อยากหาใครสักคนที่มืออาชีพพอในการฟัง ไม่ตัดสิน ไม่เอาไปพูดต่อ ที่นี่ทำให้รู้สึกพึ่งได้” “หนูออกไปหนูเก่งขึ้นนะ รับมือกับอะไรหลายๆอย่างที่เข้ามาได้ แต่รอบนี้หนูแค่เหนื่อย เลยอยากมาขอพักแป๊บ อยากมาขอพลังใจ แล้วเดี๋ยวจะกลับไปสู้ใหม่” “ที่นี่คือ safe zone อย่างน้อยก็มีที่ที่นึงที่สามารถรับฟังหนูได้ทุกเรื่อง” หรือบางรายบอกว่า “ผมไม่เคยมีเวลาได้ทบทวนตัวเองเลยครับ ทุกครั้งต้องเข้มแข็งเพื่อแม่มาตลอด เพิ่งเข้าใจว่าที่บอกว่าเข้มแข็งแต่ผมก็ทำร้ายตัวเองทางอ้อมด้วย” และเกือบทุกคน “รู้สึกขอบคุณพี่ที่ไม่ถามแม้แต่ชื่อ แต่ทำให้รู้สึกดีและประทับใจที่สุด” เป็นต้น ด้านผู้ให้บริการ เกิดการเรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์ในการบริการให้คำปรึกษา อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน1. มีข้อจำกัดในการบันทึกข้อมูลการให้คำปรึกษา เนื่องจากต้องระมัดระวังการรักษาความลับของผู้รับบริการ การบันทึกเป็นแบบนิรนาม วิเคราะห์และสรุปปัญหาในภาพรวม2. มีข้อจำกัดเรื่องเวลาการให้และการรับบริการ เนื่องจากอาจารย์ผู้ให้บริการคำปรึกษามีภารกิจด้านการสอนมาก บางครั้งต้องสอนภาคปฏิบัติที่โรงพยาบาล ส่วนผู้รับบริการติดเรียนและทำงาน เวลานัดหมายจึงมักเป็นเวลาเย็นถึงค่ำ อาจารย์ต้องเดินทางกลับจากการสอนภาคปฏิบัติในแหล่งฝึกเพื่อมาให้บริการคำปรึกษาที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECKความรู้ที่ค้นพบใหม่ เรียนรู้ว่าการดำเนินการบริการให้คำปรึกษาของ Healing Heart Center สามารถช่วยเยียวยาผู้ที่มีประสบการณ์ทุกข์ใจในชีวิต โดยเสริมสร้างความตระหนักรู้ในตนเอง ความเข้าใจตนเอง เสริมภูมิคุ้มกันทางจิตใจ เพิ่มทักษะการเผชิญปัญหา และปรับเปลี่ยนมุมมองต่อตัวเองและคนรอบข้างในทางสร้างสรรค์ ทำให้ผู้รับบริการเกิดสุขภาวะ (Well-being) ดังภาพที่ 1 ภาพที่ 1 Healing heart from stressful life experiences to well-being ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice 1. คงการให้บริการคำปรึกษาแก่นักศึกษา บุคลากรและประชาชนในชุมชนใกล้เคียงที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต ให้มีสุขภาวะทั้งทางกายและจิตใจเพื่อร่วมสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยรังสิตเป็น Health Promotion University ที่เข้มแข็งต่อไป2. พัฒนาและประชาสัมพันธ์ application ที่นักศึกษา บุคลากร และประชาชนสามารถเข้าถึงการบริการให้คำปรึกษาได้ง่ายและทั่วถึง3. พัฒนาระบบบันทึกข้อมูลการให้บริการคำปรึกษาเพื่อสามารถติดตามการให้บริการได้ต่อเนื่องโดยคงยึดหลักการรักษาความลับของผู้รับบริการ

Healing Heart from Stressful Life Experiences to Well-being Read More »

ธมฺมจารี สุขํ เสติ ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข กิจกรรม ปลูกป่าสมุนไพร ปลูกใจกรุณา ดำเนินการที่วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดสาลโคดม จังหวัดสิงห์บุรี

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.1.2 ธมฺมจารี สุขํ เสติ ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข กิจกรรม ปลูกป่าสมุนไพร ปลูกใจกรุณา ดำเนินการที่วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดสาลโคดม จังหวัดสิงห์บุรี ผู้จัดทำโครงการ​ ดร.ทนพ.ปฐมพงษ์ สถาพรพงษ์ และ ผศ.ดร.อภิรุจ นาวาภัทร วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​         ในปัจจุบัน ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการลดลงของทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะพืชสมุนไพร มีผลกระทบโดยตรงต่อวงการแพทย์และเภสัชกรรม ซึ่งพืชสมุนไพรเป็นแหล่งสำคัญของสารออกฤทธิ์ที่ใช้ในตำรับยาแผนไทยและแผนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรเหล่านี้เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การบุกรุกพื้นที่ป่า การใช้สมุนไพรอย่างไม่ยั่งยืน และการขาดความตระหนักในการอนุรักษ์พืชสมุนไพรอย่างเป็นระบบ ด้วยเหตุนี้ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดสาลโคดม จังหวัดสิงห์บุรี ได้ดำเนินโครงการ "ธมฺมจารี สุขํ เสติ: ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข" กิจกรรมปลูกป่าสมุนไพร ปลูกใจกรุณา เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทย ควบคู่กับการปลูกฝังคุณธรรมและจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนเป็นการแสดงมุทิตาจิตแด่ศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรหญิงฉวี บุนนาค คณบดีผู้ก่อตั้งเนื่องในโอกาสได้รับรางวัล เภสัชกรแห่งชาติ โดยสภาเภสัชกรรม โครงการนี้ตั้งอยู่บนหลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. การอนุรักษ์สมุนไพรและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน     o ส่งเสริมให้เกิดการปลูกและดูแลพืชสมุนไพรในพื้นที่วัดและสถาบันการศึกษา     o เพิ่มจำนวนพืชสมุนไพรที่สำคัญทางเภสัชกรรมให้คงอยู่ในระบบนิเวศ     o สนับสนุนการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักเภสัชศาสตร์2. การบูรณาการความรู้ทางเภสัชศาสตร์และพระพุทธศาสนา     o เชื่อมโยงศาสตร์ทางเภสัชศาสตร์กับหลักธรรมทางพุทธศาสนา โดยเน้นการพึ่งพาธรรมชาติและการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสันติ     o เสริมสร้างจิตสำนึกด้านคุณธรรมและความเมตตา ผ่านกิจกรรมปลูกป่าและการดูแลสมุนไพร     o สร้างโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้หลักธรรม เช่น ความกรุณา และความรับผิดชอบต่อสังคม3. การส่งเสริมสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม     o การปลูกป่าสมุนไพรช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ และเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ     o สนับสนุนการใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมการแพทย์ทางเลือกและองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรอย่างปลอดภัย     o ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา ชุมชน และวัด ในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้สมุนไพร เหตุผลของการจัดโครงการการจัดโครงการนี้มีความสำคัญและความจำเป็นจากหลายปัจจัย ดังต่อไปนี้1. การลดลงของทรัพยากรสมุนไพรและความจำเป็นในการอนุรักษ์o สมุนไพรไทยหลายชนิดกำลังสูญพันธุ์หรือมีจำนวนลดลงจากการใช้ประโยชน์ที่เกินขีดจำกัด o การจัดตั้งพื้นที่ปลูกป่าสมุนไพรภายในวัดและสถานศึกษาเป็นแนวทางหนึ่งในการอนุรักษ์และฟื้นฟูพืชสมุนไพรให้มีความยั่งยืน 2. การสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรมในการใช้ทรัพยากรo นอกจากการเรียนรู้เกี่ยวกับเภสัชศาสตร์นักศึกษาควรได้รับการปลูกฝังแนวคิดด้านจริยธรรมในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติo พระพุทธศาสนามีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังคุณค่าของความเมตตา ความรับผิดชอบและความกลมกลืนกับธรรมชาติ 3. การส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนและการพัฒนาทักษะที่จำเป็นo การจัดโครงการในพื้นที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดสาลโคดมช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสกับบรรยากาศทางธรรมชาติและหลักธรรมo นักศึกษาเภสัชศาสตร์สามารถนำความรู้ที่ได้จากกิจกรรมไปใช้ในการศึกษาต่อเนื่องรวมถึงการวิจัยและพัฒนายาสมุนไพร 4. การมีส่วนร่วมของชุมชนและการสร้างเครือข่ายความร่วมมือo วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนที่สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสมุนไพรที่ยั่งยืนo การดำเนินโครงการร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษา วัด และชุมชนจะช่วยให้เกิดการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง 4. วัตถุประสงค์ของโครงการ1. เพื่อสร้างทัศนคติที่ดี ปลูกฝั่งจิตที่ดี มีสติ และคุณธรรมแก่นักศึกษาเภสัชศาสตร์และบุคลากรวิทยาลัยเภสัชศาสตร์2. เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมให้นักศึกษาเภสัชศาสตร์ และบุคลากรวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ได้เรียนรู้และปฏิบัติธรรมจริง ได้ฟังในเรื่องที่มีประโยชน์และเสริมสร้างจิตใจที่ดี3. เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของมหาวิทยาลัยรังสิต โครงการ ธมฺมจารี สุขํ เสติ: ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข         เป็นโครงการที่บูรณาการองค์ความรู้ด้านเภสัชศาสตร์กับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พืชสมุนไพร ควบคู่กับการพัฒนาจิตใจผ่านกิจกรรมการปลูกป่าและการเรียนรู้ภายในพื้นที่วัดและสถาบันการศึกษา การดำเนินโครงการนี้เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง การพัฒนาอย่างยั่งยืน (SustainableDevelopment Goals: SDGs) โดยเฉพาะด้าน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และ การส่งเสริมสุขภาวะที่ดี ทั้งนี้ ความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา คณาจารย์ นักศึกษา วัด และชุมชน ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาแหล่งเรียนรู้สมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อเภสัชศาสตร์และการแพทย์ รวมถึงการสร้างจิตสำนึกที่ดีในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ โครงการ "ธมฺมจารี สุขํ เสติ: ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข"เป็นโครงการที่บูรณาการองค์ความรู้ด้านเภสัชศาสตร์และพระพุทธศาสนา เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สมุนไพรและพัฒนาจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม โดยกิจกรรมหลักของโครงการประกอบด้วย การปลูกป่าสมุนไพรและการเรียนรู้คุณค่าทางเภสัชกรรมของพืชสมุนไพร ควบคู่กับการปลูกฝังหลักธรรมและจริยธรรมในการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน การดำเนินโครงการที่วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดสาลโคดม จังหวัดสิงห์บุรี ได้นำไปสู่การค้นพบและการตระหนักถึงประเด็นความรู้ที่สำคัญ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 มิติหลักได้แก่ (1) องค์ความรู้ด้านเภสัชศาสตร์และสมุนไพร (2) หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและการพัฒนาจิตใจ และ (3) แนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น มีหลัก "พุทธปรัชญาด้านสิ่งแวดล้อม"ซึ่งเน้นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุลและมีความรับผิดชอบ หรือหลักธรรม เช่น เมตตา กรุณา และสันโดษ ถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมความเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งการปลูกฝังแนวคิด "ธมฺมจารี สุขํ เสติ"(ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข) เชื่อมโยงกับการปฏิบัติที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อธรรมชาติและสังคม การปลูกพืชสมุนไพรหรือไม้ยืนต้นยังช่วยสร้างระบบนิเวศที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและการศึกษา และส่งเสริมการศึกษาความสัมพันธ์ของพืชสมุนไพรกับความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่วัดและชุมชน ตลอดจนเป็นการสร้างฐานข้อมูลสมุนไพรในพื้นที่วัดและสถานศึกษาเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สามารถต่อยอดการศึกษาและการวิจัย ดังนั้นความรู้ที่ได้รับจากโครงการนี้สามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนา นโยบายการอนุรักษ์สมุนไพร, การพัฒนาหลักสูตรด้านเภสัชศาสตร์ และการจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในระดับชุมชน นอกจากนี้ โครงการนี้ยังเป็นต้นแบบของการบูรณาการศาสตร์แขนงต่าง ๆ เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืนและมีความสมดุลทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณ ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)☑︎ อื่น ๆ (โปรดระบุ)ความรู้ที่เกิดประสบการณ์การจัดโครงการแล้วบุคลากรและนักศึกษาวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)☑︎ เจ้าของความรู้/สังกัด อ.ดร.ทนพ. ปฐมพงษ์ สถาพรพงษ์ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิธีการดำเนินการ 2.Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง โครงการ ธมฺมจารี สุขํ เสติ: ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข         เป็นกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สมุนไพรไทย ควบคู่กับการพัฒนาจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและคุณธรรมจริยธรรมในหมู่คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาเภสัชศาสตร์ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของพืชสมุนไพรที่เป็นทรัพยากรสำคัญในทางการแพทย์และเภสัชกรรม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูระบบนิเวศของพืชสมุนไพรที่กำลังลดลง การดำเนินโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากคณะผู้บริหารของวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งตระหนักถึงความจำเป็นของการบูรณาการองค์ความรู้ด้านสมุนไพรและเภสัชศาสตร์เข้ากับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรม โดยมีการดำเนินกิจกรรม ณ โถงหน้าสำนักงานธุรการวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดสาลโคดม จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 9.00-11.00 น. และนำต้นไม้และพืชสมุนไพรไปปลูกที่วัดสาลโคดม จังหวัดสิงห์บุรี ในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษามากกว่าร้อยละ 60 ของกลุ่มเป้าหมาย และมีระดับความพึงพอใจในกิจกรรมอยู่ในเกณฑ์สูง โดยได้ดำเนินการคัดเลือกและปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าทางเภสัชศาสตร์ และมีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของพื้นที่ในมหาวิทยาลัยและวัดที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้สามารถเติบโตและเป็นแหล่งเรียนรู้ระยะยาว โครงการนี้ยังมีนักศึกษาเภสัชศาสตร์ได้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมากซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและความตระหนักในความสำคัญของการอนุรักษ์สมุนไพร นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการได้รับประสบการณ์จริงในการเพาะปลูกและดูแลสมุนไพร ตลอดจนการศึกษาสรรพคุณทางเภสัชวิทยาของพืชแต่ละชนิดที่สามารถบูรณาการเนื้อหาด้านพฤกษศาสตร์เภสัชกรรมและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้าสู่หลักสูตรเภสัชศาสตร์ นอกจากนี้นักศึกษาและบุคลากรที่เข้าร่วมโครงการมีระดับความพึงพอใจสูงต่อกิจกรรม โดยเห็นว่ากิจกรรมนี้มีประโยชน์ทั้งทางด้านวิชาการและการพัฒนาคุณธรรม 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผลบทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่         การดำเนินกิจกรรมเป็นโครงการความร่วมมือทั้งทางด้านวิชาการ การส่งเสริม และสนับสนุนด้านจริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และสร้างสรรค์แนวทางปฏิบัติที่ดีในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเพื่อให้คณาจารย์ คลากรและนักศึกษาได้มีความสัมพันธ์ที่ดีในการร่วมดำเนินกิจกรรมในรั้ววิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โอกาสในการพัฒนาสติ เจริญปัญญา ทบทวนและขัดเกลาคุณธรรมและจริยธรรมสร้างสติภายในตัวเพื่อให้ทั้งคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาใช้ชีวิตทั้งการปฏิบัติงานการเรียนและการสอนตลอดจนความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร ตลอดจนเป็นโครงการต่อเนื่องเพื่อสร้างสันติสุข ปลูกฝังคุณธรรม  จริยธรรม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการสืบสานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมผ่านการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่มีพันธกิจหลักในการสร้างบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ ร่วมกับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นสถาบันที่มีบทบาท ส่งเสริมและสนับสนุน คุณธรรม จริยธรรม การประกอบสัมมาชีพและจรรโลงไว้ซึ่งพระศาสนา โดยผลที่เกิดขึ้นส่งเสริมให้คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาวิทยาลัยเภสัชศาสตร์มีโอกาสได้ฟังธรรมตามกาล ได้ฝึกสติ เจริญภาวนาซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้มีสติ อันจะนำไปสู่การหาทางออกและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นทั้งในการศึกษาเล่าเรียน และในชีวิตประจำวัน รวมถึงมีโอกาสสั่งสมบุญบารมี ได้มีโอกาสบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเกิดการบ่มเพาะ และส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรม และความซื่อสัตย์ทั้งต่อการศึกษาเล่าเรียนและต่อวิชาชีพ ตลอดจนนักศึกษาเภสัชศาสตร์มีโอกาสในการทำกิจกรรมและสร้างความสัมพันธ์กับทั้งคณาจารย์และบุคลากรอื่นๆ การมีสุขภาพทั้งกายและจิตที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาและสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพเจริญพร้อมทั้งทางด้านวัตถุและคุณภาพทางจิตใจส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยรังสิตสามารถสร้างบัณฑิตเภสัชศาสตร์ ที่มีคุณธรรม จริยธรรม วางตนในบริบทที่เหมาะสม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อมหาวิทยาลัย ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice เนื่องจากเป็นโครงการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ที่มีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างทั้งสองสถาบัน ดังนั้นการดำเนินกิจกรรมจึงมีกรอบแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสามารถดำเนินโครงการต่อเนื่องตามแนวทางความร่วมมือระหว่างสองสถาบันได้อย่างเกิดประสิทธิผล

ธมฺมจารี สุขํ เสติ ผู้ประพฤติธรรม อยู่เป็นสุข กิจกรรม ปลูกป่าสมุนไพร ปลูกใจกรุณา ดำเนินการที่วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดสาลโคดม จังหวัดสิงห์บุรี Read More »

การพัฒนางานวิจัยจากห้องวิจัยสู่การประกวดผลงานวิจัยเพื่อสร้างชื่อเสียงในระดับชาติและนานาชาติ

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 1 : KR1. การพัฒนางานวิจัยจากห้องวิจัยสู่การประกวดผลงานวิจัยเพื่อสร้างชื่อเสียงในระดับชาติและนานาชาติ ผู้จัดทำโครงการ​ รศ.ปรียา อนุพงษ์องอาจ ผศ.ธวัช แก้วกัณฑ์ และ รศ.ว่าที่ร้อยตรี ดร.พิชิตพล โชติกุลนันทน์ วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​          วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพอาจารย์ด้านงานวิจัยควบคู่กับการพัฒนานักศึกษา โดยพัฒนาอาจารย์หรือนักวิจัยให้ได้รับรางวัลจากผลงานวิจัยและผลงานสร้างสรรค์และนวัตกรรมตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัยขึ้นไป พัฒนานักศึกษาทักษะทางวิชาการ ทักษะปฏิบัติ และพัฒนาความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสบการณ์ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ให้นักศึกษาเป็นผู้ร่วมสร้างนวัตกรรม (Innocreative Co-Creator) เผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม จำเป็นต้องมีความสามารถในการบูรณาการศาสตร์ต่างๆ เพื่อพัฒนาหรือแก้ปัญหาสังคม มีคุณลักษณะความเป็นผู้ประกอบการ รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและของโลกสามารถสร้างโอกาสและเพิ่มมูลค่าให้กับตนเอง ชุมชน สังคม และประเทศ และความเป็นพลเมืองเข้มแข็ง (Active Citizen) มีความกล้าหาญทางจริยธรรม ยึดมั่นในความถูกต้อง ร่วมมือรวมพลังเพื่อสร้างสรรค์การพัฒนานวัตกรรม โดยการนำความรู้จากการทำโครงงานเข้าประกวดในเวทีระดับชาติ ซึ่งเป็นการสนับสนุนนักศึกษาให้มีความพร้อมในการทำงานในอนาคต ซึ่งได้พัฒนาทักษะทางด้านการทำงานวิจัย การนำเสนอ การแสดงผลงานวิจัยต่อสาธารณชน ฝึกการตอบคำถามผ่านกิจกรรมการแข่งขันประกวดงานนวัตกรรมในระดับชาติและนานาชาติ และสร้างชื่อเสียงให้กับวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิตให้เป็นที่รู้จักในระดับชาติและนานาชาติ วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์จึงได้สนับสนุนอาจารย์และนักศึกษาด้านการสร้างแนวคิดในการสร้างนวัตกรรม ความเป็นผู้ประกอบการและความเป็นสากลเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของการเป็นวิศวกรชีวการแพทย์ มีความเป็นนวัตกร มีความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ โดยมอบหมายให้อาจารย์ในห้องวิจัยแต่ละห้องเป็นผู้รับผิดชอบในทุกๆปี โดยอาจารย์ประจำห้องวิจัยจะต้องสนับสนุนให้นักศึกษาทุกชั้นปีเข้าแข่งขันประกวดผลงาน โดยในปีที่ผ่านมาทางห้องวิจัยได้ส่งผลงานวิจัยเข้าประกวดในโครงการ Thailand New Gen Inventor Award 2024 (I-New Gen Award 2024) งานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2567 ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้  การพัฒนาศักยภาพอาจารย์ด้านงานวิจัย: วิทยาลัยมุ่งเน้นการผลักดันให้อาจารย์และนักวิจัยมีผลงานที่ได้รับรางวัลในระดับมหาวิทยาลัยและสูงกว่านั้น เพื่อสร้างชื่อเสียงและเสริมความน่าเชื่อถือของวิทยาลัย การส่งเสริมทักษะนักศึกษา: เน้นการพัฒนาทักษะทางวิชาการและปฏิบัติรวมถึงความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสบการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกการทำงานในศตวรรษที่ 21 นักศึกษาจะได้รับการพัฒนาให้เป็นผู้ร่วมสร้างนวัตกรรม (Innocreative Co-Creator) ที่สามารถบูรณาการศาสตร์ต่างๆ และเข้าใจบทบาทของตนในฐานะผู้แก้ปัญหาสังคม ความเป็นผู้ประกอบการและพลเมืองที่เข้มแข็ง: นักศึกษาจะได้รับการส่งเสริมให้มีความกล้าหาญทางจริยธรรม มีความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก สามารถสร้างมูลค่าให้ตนเองและชุมชน รวมถึงร่วมมือกับผู้อื่นในการพัฒนานวัตกรรมที่สร้างประโยชน์ให้แก่สังคม การเข้าร่วมแข่งขันและประกวดนวัตกรรม : วิทยาลัยสนับสนุนนักศึกษาให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมแข่งขันประกวดนวัตกรรมระดับชาติและนานาชาติ เพื่อฝึกทักษะการวิจัย การนำเสนอผลงาน การตอบคำถาม และการสร้างชื่อเสียงให้วิทยาลัย เช่น การเข้าร่วมโครงการ Thailand New Gen Inventor Award 2024 การสนับสนุนจากอาจารย์ประจำห้องวิจัย: อาจารย์แต่ละคนในห้องวิจัยมีหน้าที่ดูแลนักศึกษา ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และทักษะการพัฒนานวัตกรรม โดยสนับสนุนให้นักศึกษาทุกชั้นปีเข้าร่วมแข่งขันผลงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)ความรู้จากแหล่งข้อมูลหลายแหล่ง1.  องค์ความรู้ทางด้านการบริหารงานวิจัย2. องค์ความรู้ทางด้านการวิจัย ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)เป็นความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์การทำงาน วิธีการดำเนินการ วิธีการดำเนินการในการเตรียมผลงานวิจัยเพื่อเข้าร่วมประกวดในโครงการ Thailand New Gen Inventor Award 20241. ติดตามข่าวสารการประกวด อาจารย์ประจำห้องวิจัยจะติดตามข่าวสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกวดผลงานนวัตกรรมจากเว็บไซต์ของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบกำหนดการและข้อกำหนดต่าง ๆ2. คัดเลือกผลงานวิจัย อาจารย์ประจำห้องวิจัยในห้องวิจัยจะพิจารณาและคัดเลือกผลงานวิจัยที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าร่วมการประกวด โดยคำนึงถึงคุณภาพและความน่าสนใจของผลงานในสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยในปี 2024 นี้ ได้คัดเลือกผลงานทั้งหมด 5 ผลงาน ได้แก่ การศึกษาการออกแบบและสร้างเครื่องวัดความดันด้วยหลักการ PPG (Photoplethysmogram) และแสดงผลผ่านทางระบบ IOT เครื่องเตือนการรั่วซึมของเลือดที่สายส่งเลือดจากเครื่องไตเทียมเข้าสู่ผู้ป่วย การศึกษาการออกแบบและสร้างเครื่องสอบเทียบอินฟราเรดเทอร์โมมิเตอร์ การออกแบบและสร้าวเครื่องทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือแพทย์ตามมาตรฐาน IEC60601-1 และ IEC62353 เครื่องเลื่อยกระดูกสำหรับการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา 3. การเตรียมความพร้อมของผลงาน นักศึกษาจะจัดทำข้อเสนอโครงการ (Proposal)ตามแบบฟอร์มที่สำนักงานการวิจัยแห่งชาติกำหนด โดยเน้นหัวข้อทางด้านการแพทย์ที่สอดคล้องกับแนวทางของการประกวด อาจารย์ที่ปรึกษาจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อเสนอโครงการ และให้คำแนะนำในการปรับปรุงเนื้อหาเพื่อให้มีความสมบูรณ์และน่าสนใจยิ่งขึ้น4. การส่งผลงานเข้ารอบคัดเลือก เมื่อข้อเสนอโครงการผ่านการตรวจทานและปรับปรุงจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว นักศึกษาและคณะอาจารย์จะจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นและดำเนินการส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดในรอบคัดเลือกตามกำหนดการของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ5. เตรียมการสำหรับรอบต่อไป เมื่อมีการประกาศผลผลงานที่ผ่านรอบคัดเลือกจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ คณะผู้ดำเนินงานจะจัดเตรียมเอกสารและสื่อประกอบ เช่น โปสเตอร์แสดงผลงานและวิดีโอ (VDO) ให้นักศึกษามีตวามมั่นใจในการนำเสนอผลงาน โดยผลงานประดิษฐ์คิดค้นที่ผ่านเข้ารอบมีจำนวนทั้งสิ้น 5 ผลงาน ดังรูปที่ 1 โดยมีรายละเอียด ดังนี้ รูปที่ 1 แสดงเอกสารแจ้งการเข้ารอบคัดเลิอกผลงานการประดิษฐ์จากทางสำนักงานการวิจัยแห่งชาติรหัส 14688 เรื่อง การศึกษาการออกแบบและสร้างเครื่องวัดความดันด้วยหลักการ PPG (Photoplethysmogram) และแสดงผลผ่านทางระบบ IOTอาจารย์ที่ปรึกษา 1. รองศาสตราจารย์ ปรียา อนุพงษ์องอาจ2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธวัช แก้วกัณฑ์รายชื่อผู้ประดิษฐ์ 1. นางสาว ภูริดา นันทภัคพงศ์2. นางสาว นาตชา อินทโชติ3. นางสาว ชลดา ชื่นเจริญ รหัส 14883 เรื่อง เครื่องเตือนการรั่วซึมของเลือดที่สายส่งเลือดจากเครื่องไตเทียมเข้าสู่ผู้ป่วยอาจารย์ที่ปรึกษา 1. รองศาสตราจารย์ ปรียา อนุพงษ์องอาจ2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธวัช แก้วกัณฑ์รายชื่อผู้ประดิษฐ์ 1. นาย อับดุลรอฮมาน ดามิเด็ง2. นางสาว อารยา กัดเขียว3. นางสาว สุนิสา ไทยรัตน์ รหัส 14941 เรื่อง การศึกษาการออกแบบและสร้างเครื่องสอบเทียบอินฟราเรดเทอร์โมมิเตอร์อาจารย์ที่ปรึกษา 1. รองศาสตราจารย์ ปรียา อนุพงษ์องอาจ2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธวัช แก้วกัณฑ์ รายชื่อผู้ประดิษฐ์ 1. นาย ภูติวัฒน์ เพียรมั่น2. นางสาว ณัฎฐณิชา วิฑูรย์พันธ์3. นางสาว ธนภรณ์ เวชกุล4. นางสาว วรรณพร เปมานุกรรักษ์ รหัส 15024 เรื่อง การออกแบบและสร้าวเครื่องทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือแพทย์ตามมาตรฐาน IEC60601-1 และ IEC62353 อาจารย์ที่ปรึกษา 1. รองศาสตราจารย์ ปรียา อนุพงษ์องอาจ2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธวัช แก้วกัณฑ์รายชื่อผู้ประดิษฐ์ 1. นางสาว กันต์กนิษฐ์ ผู้สำรอง2. นางสาว สุภาพร พิศเพลิน3. นางสาว สุภาวดี จันทร์ฉาย4. นาย ภานุพงศ์ อุ่นคำ5. นาย นครินทร์ นพเก้า รหัส 17368 เรื่อง เครื่องเลื่อยกระดูกสำหรับการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยาอาจารย์ที่ปรึกษา 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าที่ร้อยตรีพิชิตพล โชติกุลนันทน์2. รองศาสตราจารย์ นันทชัย ทองแป้น3. อาจารย์ กิตติพันธ์ รุ่งประเสริฐ4. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อนันตศักดิ์ วงศ์กำแหง รายชื่อผู้ประดิษฐ์ 1. นางสาว สุชาดา ทองย้อย2. นางสาว ปิ่นเพชร เกษม3. นางสาว ศศิวิมล ศรีบุญเรื่อง4. นางสาว ขนารตี สามยอด5. นางสาว ภณัฐศวรรณ นวลศรี 6. ฝึกซ้อมการนำเสนอ นักศึกษาจะได้รับการฝึกซ้อมการนำเสนอผลงาน การตอบคำถามจากคณะกรรมการและการจัดเตรียมสื่อที่ใช้ในการนำเสนอ เพื่อให้มีความพร้อมและมั่นใจในการแข่งขันจริงอาจารย์จะให้คำแนะนำและเสริมสร้างความมั่นใจให้นักศึกษารวมถึงช่วยพัฒนาเทคนิคในการนำเสนอให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน จากการส่งผลงานวิจัยเข้าร่วมประกวดและรับรางวัลในโครงการ Thailand New Gen Inventor Award (I-New Gen Award 2024) งานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 2 – 6 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการเเละการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ จัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มีอาจารย์ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1,2 และ 3 วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 21 คน โดยได้รับรางวัลทั้งหมด 5 ผลงาน ดังนี้1. การออกแบบและสร้างเครื่องวัดความดันด้วยหลักการ PPG ได้รับรางวัลเหรียญทอง และ รางวัล The JIPA Award for the Best Innovation for ICT for the invention Blood Pressure Measurement using the PPG Principle2. เครื่องเตือนการรั่วซึมของเลือดที่สายส่งเลือดจากเครื่องไตเทียมเข้าสู่ผู้ป่วย ได้รับรางวัลเหรียญทอง3. การออกแบบและสร้างเครื่องทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือแพทย์ตามมาตรฐาน IEC60601-1 และ IEC 62353 ได้รับรางวัลเหรียญทอง4. การศึกษาการออกแบบและสร้างเครื่องสอบเทียบอินฟราเรดเทอร์โมมิเตอร์ ได้รับรางวัลเหรียญทอง5. เครื่องเลื่อยกระดูกสำหรับการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา ได้รับรางวัลเหรียญทอง บรรยากาศในงานประกวดและการขึ้นเวทีรับรางวัลระดับชาติ อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน1. งบประมาณการจัดทำโครงงานของนักศึกษาที่จำกัดงบประมาณที่จำกัดในการทำงานโครงงานของนักศึกษาส่งผลกระทบต่อการพัฒนางานวิจัยในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการทดสอบมาตรฐานต่างๆ ที่จำเป็นต่อการรับรองคุณภาพของงานวิจัย ด้วยข้อจำกัดของงบประมาณทำให้ไม่สามารถนำงานวิจัยไปสู่การทดสอบและพัฒนาต่อไปได้ในระดับที่ต้องการ2. เวลาของอาจารย์ที่ปรึกษาจำกัด อาจารย์ที่ปรึกษามีภาระการสอนที่มาก ส่งผลให้ไม่สามารถให้การสนับสนุนหรือให้คำแนะนำแก่นักศึกษาได้อย่างเต็มที่ อาจทำให้การทำงานวิจัยเป็นไปได้ช้าและประสิทธิภาพในการพัฒนางานลดลง เนื่องจากไม่ได้รับคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง3. ขาดงบสนับสนุนในการนำเสนอผลงาน มหาวิทยาลัยมีงบประมาณจำกัดในการสนับสนุนนักวิจัยเพื่อนำผลงานเข้าร่วมประกวดหรือเผยแพร่ ซึ่งทำให้นักวิจัยหลายคนขาดโอกาสในการนำเสนอผลงานในเวทีที่สำคัญ หรือไม่สามารถแข่งขันในระดับสูงได้ แม้ว่าการได้รับรางวัลจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยก็ตาม 4. ขาดการประชาสัมพันธ์ผลงานที่ได้รับรางวัลในระดับมหาวิทยาลัย ผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัลหรือการยอมรับจากเวทีภายนอกไม่มีการประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการในระดับมหาวิทยาลัย ทำให้อาจารย์และนักศึกษารู้สึกว่าผลงานของตนไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควรและขาดการสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง 5. แรงจูงใจในการสนับสนุนงานวิจัยเพื่อเข้าประกวดผลงาน อาจารย์ขาดแรงจูงใจในการสนับสนุนหรือช่วยผลักดันผลงานวิจัยให้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมการแข่งขันนั้นผลที่ได้รับในการทำงานแทบไม่มีความแตกต่าง จึงไม่ก่อให้เกิดแรงจูงใจในการพัฒนางานหรือผลักดันให้เข้าร่วมแข่งขัน แม้การเข้าร่วมจะเป็นประโยชน์ต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK 3.1 การตรวจสอบผลการดำเนินการ         ผลการดำเนินการในการส่งผลงานวิจัยเข้าร่วมโครงการ Thailand New Gen Inventor Award (I-New Gen Award 2024) ซึ่งจัดขึ้นในงานวันนักประดิษฐ์ ระหว่างวันที่ 2 – 6 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ได้สร้างผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในด้านการสร้างชื่อเสียงระดับชาติ โดยผลงานจากนักศึกษาและอาจารย์ของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ ได้รับรางวัลจากการประกวดทั้งหมด 5 ผลงาน ซึ่งทุกผลงานได้รับเหรียญทอง อีกทั้งยังมีรางวัลพิเศษ JIPA Award for the Best Innovation for ICT เพิ่มเติมอีกหนึ่งรางวัล แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของนักศึกษาและคณาจารย์ในการพัฒนาผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ และมีคุณภาพ 3.2 การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้         การเข้าร่วมโครงการและการประกวดครั้งนี้ เป็นโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกฝนทักษะในการนำเสนอผลงานแก่คณะกรรมการและผู้เข้าร่วมชมงานในระดับประเทศ การแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1, 2 และ 3 ในการพัฒนาผลงานที่สามารถใช้งานได้จริง ช่วยส่งเสริมให้เกิดแรงบันดาลใจและความสนใจในงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนักศึกษา ตลอดจนได้รับความรู้และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาผลงานต่อไป 3.3 สรุปและอภิปรายผล        การเข้าร่วมและได้รับรางวัลในครั้งนี้ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์และมหาวิทยาลัยรังสิต ในระดับชาติ ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีศักยภาพ สามารถผลักดันให้นักศึกษาได้แสดงศักยภาพในเวทีที่กว้างขวาง และยังเป็นกำลังใจให้คณาจารย์ในการพัฒนานักศึกษาอย่างต่อเนื่อง การได้รางวัลพิเศษ JIPA Award for the Best Innovation for ICT แสดงถึงการยอมรับในระดับสากลและแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ 3.4 บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่        การพัฒนานวัตกรรมและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับรางวัลครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการคิดค้นและสร้างสรรค์ของนักศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยการผสมผสานระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติจริง ทำให้เกิดนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงในอนาคต นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความรู้ใหม่ในด้านการออกแบบเครื่องมือทางการแพทย์ตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนางานวิจัยในวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ให้มีมาตรฐานสูงขึ้นและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของสังคม 3.5 การประสบความสำเร็จตาม Key Result ด้านการสร้างชื่อเสียงในระดับชาติ        ผลงานทั้ง 5 ชิ้นที่ได้รับรางวัลในการแข่งขันครั้งนี้ได้สะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างชื่อเสียงในระดับชาติและยังเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้กับนักศึกษาและอาจารย์ทุกคนที่มีส่วนร่วม การสนับสนุนจากคณาจารย์ในวิทยาลัยเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักศึกษาสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าและ มีความหมายในระดับสากล ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การดำเนินการครั้งนี้หรือในอนาคตสู่การประสบความสำเร็จตาม Key Result ด้านการสร้างชื่อเสียง 4.1 มหาวิทยาลัยควรเพิ่มการจัดสรรงบประมาณการจัดทำโครงง่นนักศึกษาและควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนงานให้เข้าประกวดแข่งขันเพิ่มขึ้น4.2 ปรับปรุงการบริหารจัดการภาระงานของอาจารย์ที่ปรึกษา ควรจัดสรรเวลาการทำงานให้เหมาะสม โดยลดภาระการสอนที่อาจารย์ต้องรับผิดชอบลง เพื่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาสามารถให้คำแนะนำและสนับสนุนการทำงานวิจัยได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ4.3 เพิ่มงบประมาณสำหรับการเข้าร่วมแข่งขันและนำเสนอผลงาน การสนับสนุนงบประมาณเพื่อนำเสนองานวิจัยในเวทีระดับชาติและนานาชาติถือเป็นสิ่งสำคัญ มหาวิทยาลัยควรมีแผนสนับสนุนที่ชัดเจนสำหรับการส่งผลงานเข้าประกวดหรือนำเสนอต่อสาธารณะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักศึกษาและอาจารย์ได้แสดงผลงานในระดับที่สูงขึ้น และสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย4.4 สร้างระบบการประชาสัมพันธ์ผลงานวิจัยที่ได้รับรางวัล มหาวิทยาลัยควรมีการโปรโมทผลงานที่ได้รับรางวัลอย่างเป็นทางการ ผ่านสื่อต่างๆ เช่น เว็บไซต์มหาวิทยาลัย จดหมายข่าว และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักวิจัยและแสดงถึงการยอมรับผลงานที่ได้รับรางวัลในวงกว้าง นอกจากนี้ ควรมีการจัดแสดงผลงานวิจัยในงานประชุมหรือกิจกรรมพิเศษของมหาวิทยาลัยเพื่อให้บุคลากรและนักศึกษาได้รับทราบและภาคภูมิใจในความสำเร็จของเพื่อนร่วมสถาบัน4.5 ส่งเสริมแรงจูงใจของอาจารย์ที่สนับสนุนการเข้าร่วมการแข่งขัน ควรพิจารณาสร้างแรงจูงใจให้อาจารย์ที่สนับสนุนการพัฒนางานวิจัย เช่น การให้รางวัลรวมถึงการนำผลงานวิจัยที่ได้รางวัลมาพิจารณาเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลงาน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยอาจจัดกิจกรรมพิเศษหรือรางวัลเฉพาะสำหรับอาจารย์ที่ช่วยผลักดันงานวิจัยสู่การแข่งขันในระดับสูง ทั้งนี้จะช่วยให้อาจารย์มีแรงจูงใจมากขึ้นในการสนับสนุนนักวิจัยและสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย

การพัฒนางานวิจัยจากห้องวิจัยสู่การประกวดผลงานวิจัยเพื่อสร้างชื่อเสียงในระดับชาติและนานาชาติ Read More »

แนวทางการบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียงของคณะบัญชี มหาวิทยาลัยรังสิต

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 1 : KR 5.1.2/1, 5.2.1/1, 5.2.2/1 แนวทางการบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียงของคณะบัญชี มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้จัดทำโครงการ​ ดร. ศิรประภา ศรีวิโรจน์ ผศ. ดร. นิ่มนวล วิเศษสรรพ์ และ ผศ. เกศรา สุพยนต์ คณะบัญชี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​            แผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ. 2565-2569 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 การบริหารภาพลักษณ์และสร้างความมีชื่อเสียงให้กับองค์กร (Image and Reputation Management) โดยมีวัตถุประสงค์ 1) การสร้างชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยรังสิต (Brand Reputation)2) กลุ่มคณะวิชามีชื่อเสียงหรือได้รับการยอมรับในระดับชาติหรือนานาชาติ (Faculty Quality) 3) การสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตของนักศึกษา (Student Life Experience) คณะบัญชีจึงได้นําเป้าหมายผลลัพธ์ (KR) ในแต่ละวัตถุประสงค์ดังกล่าวเป็นเป้าหมายของการพัฒนาคณะบัญชีในระยะ 5 ปีนับแต่ปี 2565 -2569 ดังแสดงในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาคณะบัญชี โดยกําหนดกลยุทธ์สําคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายผลลัพธ์ ดังนี้กลยุทธ์ที่ 1 การสนับสนุนการสร้างชื่อเสียงของอาจารย์โดยการพัฒนาทักษะการวิจัยและสร้างผลงานวิจัยคุณภาพเพื่อให้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารที่มีคุณภาพที่อยู่ในฐาน SCOPUS และการเพิ่มผลงานวิจัยคุณภาพ ทุนวิจัย ให้เป็นที่ประจักษ์ในการดําเนินงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษากลยุทธ์ที่ 2 การสร้างภาพลักษณ์ของอาจารย์และนักศึกษาโดยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับองค์กรวิชาชีพทั้งระดับประเทศ และระดับนานาชาติ จัดกิจกรรมทางวิชาการภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งการพัฒนานักศึกษา อาจารย์ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และสังคมชุมชนกลยุทธ์ที่ 3 การส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างชื่อเสียงของอาจารย์และนักศึกษาโดยส่งผลงานทางวิชาการที่ทําร่วมกัน ได้แก่ บทความวิจัย รายงานวิจัย เข้าประกวดในเวทีระดับชาติ และนานาชาติอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการส่งนักศึกษาเข้าแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการบัญชี บทวิเคราะห์การศึกษาด้านการบัญชีและธุรกิจ อย่างต่อเนื่องกลยุทธ์ที่ 4 การให้ความร่วมมือกับสถาบันส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ในการเข้าร่วมดําเนินกิจกรรม/โครงการ วันสําคัญของชาติการสืบสานประเพณี และ การส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรม/ โครงการด้านการทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่ก่อเกิดคุณค่า/มูลค่าเพิ่มแก่สังคมและประเทศชาติของคณะวิชาการสนับสนุนกิจกรรม/โครงการ คณะบัญชี โดยคณบดี และคณะกรรมการประจําคณะ ตระหนักถึงความสําคัญในการพัฒนาและนํากลยุทธ์ ทั้ง 4 ลงสู่การปฏิบัติดังปรากฏในแผนปฏิบัติการประจําปี โดยคณะบัญชี ได้วางเป้าหมายและมาตรการส่งเสริมการบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียง ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดความสําเร็จตามวัตถุประสงค์ ของแผนยุทธศาสตร์ฯ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 จนถึงปัจจุบัน โดยใช้จุดแข็งและโอกาสของคณะ ต่อไปนี้ในการกําหนดกลยุทธ์เพื่อให้คณะบัญชี สามารถขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว จุดแข็ง มีอาจารย์ที่มีความสามารถสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาหรือองค์กรวิชาชีพทั้งในและต่างประเทศ มีเครือข่าย และความร่วมมือในด้านวิชาการ การวิจัย กับองค์การวิชาชีพทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบริษัทต่างๆ บุคลากรมีความร่วมมือในการทํางาน สามารถทํางานเป็นทีม และมีความเกื้อกูลกัน มีโครงสร้างการบริหารคณะที่รองรับพันธกิจสถาบันอุดมศึกษา และมีคําอธิบายหน้าที่ความรับผิดชอบของตําแหน่งผู้บริหารและคณะกรรมการชุดต่างๆ ชัดเจน อาจารย์ส่วนใหญ่อุทิศตนในการทํางานเพื่อคณะ โอกาส ผลงานวิจัยที่อาจารย์ทํารวมกับนักศึกษาสามารถนับเป็นผลงานของทั้งอาจารย์และนักศึกษาได้ แหล่งทุนวิจัยเปิดโอกาสในการเสนอโครงการวิจัยแบบบูรณาการศาสตร์เพื่อมุ่งเป้าผลลัพธ์การพัฒนาชัดเจน หน่วยงานภายนอกและองค์กรวิชาชีพบัญชีในประเทศให้ความสนใจและยินดีที่จะพัฒนาเครือข่ายกับ มหาวิทยาลัยเอกชนที่เปิดดําเนินการสอนหลักสูตรทางการบัญชีมากขึ้น มหาวิทยาลัยมีสถาบันภาษาที่จะช่วยในการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้กับอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยมีศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา ที่จะช่วยสนับสนุนการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการวิชาการ         การคัดเลือกผลงานเชิงประจักษ์การจัดการความรู้ของคณะบัญชีในปีการศึกษา 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการประจําคณะ จึงเห็นสมควรให้นําเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีในเรื่อง การบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียงของคณะบัญชี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการคณะวิชาในประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 ที่มีความยากลําบากพอสมควรสําหรับคณะวิชาขนาดเล็ก ความสําเร็จที่เกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลาแผนยุทธศาสตร์แม้จะยังมีไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกันคณะวิชาอื่นที่มีขนาดใหญ่ แต่ก็กล่าวได้ว่า เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีส่งผลให้คณะบัญชีติดอันดับ TOP 10 ของตัวบ่งชี้ในการประกันคุณภาพ ที่เชื่อมโยงได้ กับเป้าหมายตัวชี้วัดความสําเร็จของแผนยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียงตลอด 2 ปีที่ผ่าน คือปี 2565-2566 รวมทั้งแนวโน้มที่ดีในปีการศึกษา 2567 ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้  เทคนิคและแนวทางในการแสวงหาและสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับองค์กรภายนอกทางวิชาชีพและวิชาการบัญชี ที่จะทําให้ความร่วมมือในการสร้างกิจกรรมหรือโครงการที่มุ่งพัฒนานักศึกษา อาจารย์ ให้มีจิตอาสาทําประโยชน์เพื่อส่วนรวม รวมทั้งการมุ่งส่งเสริมพันธกิจของคณะในการบริการวิชาการแก่สังคมและชุมชน การสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย การรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านมาตรฐานวิชาชีพบัญชี ดานเศรษฐกิจและการเงิน ด้านโมเดลทางธุรกิจ ที่มีต่อความต้องการของตลาด หรือความคาดหวังที่ตลาดมีต่อสถาบันการศึกษา การเรียนรู้ศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ และการทํางานของคณาจารย์ คณะบัญชี ที่มีอยู่ หลากหลาย สามารถนํามาใช้ประโยชน์ในการบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียงให้กับคณะวิชา ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knoedge) ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University(http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase และ https://rkms.rsu.ac.th/) เรื่อง การพัฒนาชุมชนด้วยการวิจัยพัฒนาและกิจกรรมขับเคลื่อนเจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.นิ่มนวล วิเศษสรรพ์/คณะบัญชี เรื่อง การพัฒนากลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนด้วยเครื่องมือทางสังคมเจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.นิ่มนวล วิเศษสรรพ์/คณะบัญชี เรื่อง การตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารเจ้าของความรู้/สังกัด รศ.ดร.คณิตศร เทอดเผ่าพงศ์/คณะบัญชี เรื่อง การบริหารจัดการที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเจ้าของความรู้/สังกัด รศ.นันทชัยทองแป้น/วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ เรื่อง การส่งเสริมให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมการประกวดงานวิจัยและนวัตกรรมเจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.จรูญรัตน์ ปริญญาคุปต์/วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ เรื่อง เทคนิคการเขียนบทความให้ได้ตีพิมพ์ระดับ Q1 Q2เจ้าของความรู้/สังกัด ดร.สื่อจิตต์ เพ็ชร์ประสาน ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)เจ้าของความรู้/สังกัด คณบดีคณะบัญชี/ มหาวิทยาลัยรังสิต วิธีการดำเนินการ การสร้างและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับองค์กรวิชาชีพและวิชาการบัญชีที่มีอยู่ และแสวงหาใหม่ ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ การสร้างวัฒนธรรมการทํางานแบบมุ่งมั่นสู่ความสําเร็จและบรรลุเป้าหมาย ในการบริการวิชาการ การทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม การส่งเสริมการเข้าแข่งขัน ประกวดผลงาน โดยใช้มาตรการส่งเสริมที่เหมาะสม และคงไว้ซึ่งคุณภาพการเรียนการสอน การศึกษากติกา ข้อบังคับ ระเบียบการต่าง ๆ ให้ชัดเจนในวางแผนดําเนินงาน เพื่อให้การดําเนินงาน ประสบผลสําเร็จ การสร้างความตระหนักรู้นความสําคัญ คุณค่าในตัวของนักศึกษา บุคลากร จากผลงานและความสําเร็จที่ ส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของคณะ การให้รางวัล และการขอบคุณแก่เจ้าของผลงานและผู้มีส่วนร่วมในความสําเร็จ รวมทั้งการเปิดเวทีภายในคณะเพื่อให้มีถ่ายทอดการทํางานและความสําเร็จที่เกิดขึ้น 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน การนําเป้าหมาย ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 การบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียงของคณะบัญชีลงสู่การปฏิบัติอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการงานแผน งบประมาณ และการบริหารความเสี่ยง คณะบัญชี ซึ่งมีคณบดีคณะบัญชีเป็นประธานคณะกรรมการ เริ่มจากการกําหนดเป้าหมายผลลัพธ์ และกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ที่จะดําเนินการในแต่ละปี้การศึกษา โดยมุ่งเป้าการบรรลุเป้าหมายผลลัพธ์ ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับนักศึกษา อาจารย์ และคณะวิชา ดังนี้ นักศึกษา เป้าหมายผลลัพธ์ คือ ผลงานของนักศึกษาที่ได้รับรางวัลอาจารย์ เป้าหมายผลลัพธ์ คือ ผลงานของอาจารย์ที่ได้รับรางวัล การได้รับเชิญเป็นกรรมการใน คณะกรรมการทางวิชาการ หรือวิชาชีพขององค์กรภายนอก ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพได้รับการตีพิมพ์ เผยแพร่ในวารสารที่อยู่ในฐาน SCOPUS คณะวิชา เป้าหมายผลลัพธ์ คือ โครงการบริการวิชาการแก่สังคมและชุมชน โครงการหรือกิจกรรม สืบสานศิลปะและวัฒนธรรม ที่นักศึกษาได้เข้ามามีส่วนร่วมดําเนินงานกับคณะ หรือมหาวิทยาลัยรังสิต ออกแบบกิจกรรม โครงการ มาตรการ ต่างๆ ที่จะสนับสนุนการดําเนินงานเพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ ในด้านนี้และในด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ประสบความสําเร็จและบรรลุเป้าหมาย โดยเปิดโอกาสให้มีการทํางานร่วมกันระหว่างนักศึกษา อาจารย์ และองค์กรภายนอก คณบดีให้การส่งเสริมสนับสนุนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับองค์กรภายนอก เพื่อใช้เป็นกลไกสําคัญในการขับเคลื่อนประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 โดยทําการเสาะแสวงหาความช่วยเหลือ อํานวยการประสานงานกับองค์กรวิชาชีพบัญชี ทั้งในระดับประเทศ และระหว่างประเทศ ในกระบวนการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการ การทําข้อตกลงความเข้าใจ รวมทั้งการทํางานร่วมกันในการสร้างสรรค์กิจกรรมทางวิชา การสร้างผลงานวิจัย และโครงการบริการวิชาการ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสังคมและชุมชน คณบดีให้การส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมหรือโครงการด้านการทํานุบํารุงศิลปะและวัฒนธรรม โดยรับเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการดําเนินงานการทํานุบํารุงศิลปะและวัฒนธรรม และสนับสนุนให้อาจารย์ และนักศึกษาของคณะเข้าร่วมเป็นกรรมการดําเนินงานในกิจกรรมต่างๆ และสร้างสรรค์กิจกรรมด้านศิลปะและวัฒนธรรมไทยอันดีงาม ในทุกโครงการหรือกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยสถาบันส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม การจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการดําเนินงานในปีต่อ ๆ ไป การจัดกิจกรรมยกย่อง ชมเชย การมอบรางวัลให้กับเจ้าของผลงาน และผู้มีส่วนร่วมในความสําเร็จ ในที่ประชุมคณะกรรมการประจําและอาจารย์ประจําคณะ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรืออาจารย์ และนําสิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกับการพิจารณาความดีความชอบประจําปี อุปสรรคหรือปัญหาในการดําเนินงาน และการแก้ไขปัญหา งบประมาณที่มีอยู่อย่างจํากัด ทําให้คณะจําเป็นต้องหาแหล่งทุนภายนอก เพื่อให้สามารถดําเนินงานตามแผนฯ ประสบความสําเร็จบรรลุเป้าหมาย ครอบคลุมตัวชี้วัดความสําเร็จตามแผนปฏิบัติการ กําลังคนที่มีเพียง 11 คน นั้นหมายความว่าทุกคนจะต้องรับผิดชอบและมีส่วนร่วมกันในการบริหาร ภาพลักษณ์และสร้างความมีชื่อเสียง แต่เป้าหมายทั้งหมดมีทั้งเป้าาหมายระดับบุคคล และระดับคณะดังนั้นจะต้องมีอาจารย์บางท่านเท่านั้นที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรม หรือโครงการในด้านการบริการวิชาการ การทํานุบํารุงศิลปและวัฒนธรรม ที่มีวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัดความสําเร็จ กําหนดไว้อย่างชัดเจน ในฐานะคณบดีจําเป็นตัองให้การสนับสนุน ช่วยเหลือตามความจําเป็นอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างขวัญกําลังใจ ให้เกิดเป็นพลังบวกให้กับอาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรม หรือโครงการในด้านการบริการวิชาการ การทํานุบํารุงศิลปและวัฒนธรรม นอกเหนือจากความรับผิดชอบในการผลิตผลงานวิจัยคุณภาพซึ่งเป็นของทุกคน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนเป้าหมายผลลัพธ์ของประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 นี้ให้สําเร็จ ภาระงานสอนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากจํานวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้น เบียดบังชั่วโมงการทํางานและการดําเนินงาน ที่จะขับเคลื่อนแผนและเป้าหมายผลลัพธ์ที่กําหนด อาจารย์เกิดความเหนื่อยล้า ส่งผลต่อผลลัพธ์การดําเนินงานตามวัตถุประสงค์ของแผนฯ ซึ่งพบว่า ผลงานที่ปรากฎในแต่ละปี ไม่สม่ําเสมอ จึงต้องปรับปรุงการดําเนินงานในปีต่อไป 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดําเนินการ การนํากลยุทธ์ทั้ง 4 ลงสู่การปฏิบัติปรากฏในรายงานผลการติดตามแผนปฏิบัติการประจําปีที่ผ่าน มา 2 ปี โดยคณะบัญชีได้วางเป้าหมายและมาตรการส่งเสริมการบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียง สอดคล้องกับเป้าหมายและตัวชี้วัดความ สําเร็จตามวัตถุประสงค์ของแผนยุทธศาสตร์ฯ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 จนถึงปัจจุบัน จากการติดตามผลการดําเนินงานตามแผนปฏิบัติการ เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียง มีดังนี้   ต่อตารางหน้า 11 ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ปัจจัยความสําเร็จในการบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียงในที่นี้ จะพิจารณาจําแนกเป็นรายด้านตามเป้าหมายผลลัพธ์ของแผนปฏิบัติการ มีดังนี้ในด้านผลงานของนักศึกษา การสร้างความสําเร็จ และนําผลแห่งความสําเร็จไปใช้เป็นสิ่งจูงใจให้กับนักศึกษารุ่นน้อง โดยจัดงานเลื้ยงและประกาศกิตติคุณใหกับนักศึกษาที่สร้างผลงานทําใหคณะและมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง และเปนภาพลักษณที่ดีของความสามารถ อาจารยประจําคณะ มีความรับผิดขอบสูงในการทําหนาที่โคชทีมแขงขัน อาจารยที่ปรึกษาทีมอาจารยติวสอบแขงขัน ภายใตการใหการสนับสนุนของคณบดีอยางเต็มที่ในดานสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และสิ่งอํานวยความสะดวก ระบบกลไกการสรางและพัฒนาทีมแขงขัน เพื่อใหเกิดความพร้อมในการแข่งขันการให้การยอมรับ ชื่นชม ยกยองชมเชย การประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และการมอบรางวัลแก่นักศึกษาที่ได้รับรางวัล ในด้านผลงานของอาจารย์ การสรางความตระหนักรูในความสําคัญและความจําเปนในการสรางความมีชื่อเสียงของคณะ มาจากผลงานของอาจารย ดังนั้นผลงานของอาจารยทุกทานคือผลงานของคณะ คณบดี ใหการสนับสนุนสงเสริมอาจารยทุกคน ใหมีการทําวิจัย ทําตํารา โดยสรรหาผูประเมินที่เหมาะสมในการใหความเห็น ขอแนะนําตางๆ รวมทั้งการจัดใหมีโครงการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการ วิชาชีพ และการวิจัยใหกับอาจารยประจํา อยางตอเนื่อง สรางวัฒนธรรมการทําวิจัยเปนทีม โดยมีการชวยเหลือเกื้อกูลระหวางผูที่มีประสบการณมากกวากับนักวิจัยมือใหม กอใหการเรียนรูจากการลงมือทํา การบริหารจัดการสิ่งสนับสนุนการเรียนรูและอํานวยความสะดวกใหตรงกับความตองจําเปน ในด้านผลงานของคณะวิชา การวางโครงสรางการบริหารคณะ ใหสอดรับกับพันธกิจสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งประกอบดวยการผลิตบัณฑิต การวิจัย การบริการวิชาการ และการทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม โดยการสรางระบบและกลไกการบริหารจัดการที่สนับสนุนการทํางานของทุกฝาย งบประมาณและการบริหารงบประมาณ ที่เอื้อความสามารถในการดําเนินงานใหประสบความสําเร็จภายใตขอจํากัดงบประมาณ มีระบบและกลไกการทํางานที่มีประสิทธิภาพ ในการวางแผน การดําเนินงาน การติดตามประเมินผล และการปรับปรุงการดําเนินงาน การมอบหมายงานที่เหมาะสมกับความสามารถของบุคคล บุคลากรของคณะ มีความรับผิดชอบสูงมาก ข้อเสนอแนะในการดําเนินการในอนาคต เนื่องจากภาระงานสอนที่เพิ่มมากขึ้น ทางคณะกรรมการงานแผน งบประมาณ และการบริหารความเสี่ยงของคณะบัญชี จะพิจารณาทบทวนปรับเปาหมายการดําเนินงาน และการกําหนดสัดสวนการใชทรัพยากรไปในงานแตละดานอยางเหมาะสม เพื่อไมสรางความกดดันใหอาจารยจนเกินไป และสรางสมดุลยในการดําเนินงานระหวางพันธกิจสถาบันตางๆ ใหมากขึ้น โดยให้คณาจารยคณะมีสวนรวมในการตัดสินใจ การสรางภาพลักษณและการสรางความมีชื่อเสียงดานนักศึกษา อาจทดลองใชแนวทางใหม โดยให้นักศึกษามีสวนขับเคลื่อนวัฒนธรรมองคกรนักศึกษา ใหสอดคลองกับภาพลักษณของนักบัญชียุคใหม เชน มีความสามารถดานเทคโนโลยีดิจิทัล AI ซึ่งสามารถสอดแทรกในการเรียนการสอน และกิจกรรมเสริมหลักสูตร เปนตน โดยมีความใสใจเรียนรูเทคโนโลยี และใชอยางมีคุณธรรมจริยธรรมแทนการมุงเนนการสรางผลงานที่ไดรับรางวัล การสรางภาพลักษณและการสรางความมีชื่อเสียงดานอาจารย ตองสนับสนุนใหอาจารยสามารถตีพิมพ์ผลงานวิจัยใน SCOPUS ให้มากขึ้น โดยเรียนรู้การใช้ AI อย่างมีคุณธรรมจริยธรรม

แนวทางการบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียงของคณะบัญชี มหาวิทยาลัยรังสิต Read More »

การพยาบาลเพื่อชุมชนสุขภาพดี ครบทุกมิติ (Nursing for Holistic Community Wellness)

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 1 และ 5 : KR1.2.1, 1.2.4, 3.1.1, 3.1.2/1 , 3.4.1/1, 5.1.2/1 การพยาบาลเพื่อชุมชนสุขภาพดี ครบทุกมิติ (Nursing for Holistic Community Wellness) ผู้จัดทำโครงการ​ รศ.ดร.มนพร ชาติชำนิ ผศ.ดร.นิภา กิมสูงเนิน อาจารย์สุภรัตน์ แป้นโพธิ์กลาง และนางปราณี บุญญา สำนักงานสวัสดิการสุขภาพ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ ในยุคปัจจุบัน ความท้าทายด้านสุขภาพในระดับชุมชนที่หลากหลายร่วมกับเพิ่มความซับซ้อนมากขึ้น โดยครอบคลุมทั้งปัญหาสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาพสังคม ซึ่งเป็นรากฐานสําคัญของคุณภาพชีวิตที่ดี การพยาบาลชุมชนจึงมีบทบาทสําคัญในการสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในชุมชนมหาวิทยาลัยรังสิตจากข้อมูลการสํารวจในปี 2567 ตรวจพบปัญหาสุขภาพหลายประการ เช่น อ้วนลงพุง โรคเรื้อรัง และโรคหัวใจ รวมถึงปัญหาสุขภาพจิตอย่างความเครียด และซึมเศร้าที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนและความสัมพันธ์ในครอบครัวตประสบปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย เช่น(1) ประชากรวัยทํางานและผู้สูงอายุร้อยละ 79.63 มีภาวะน้ําหนักเกิน (2) ร้อยละ 42.59 มีความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง (3) ร้อยละ 96.30 มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และ (4) ประชากรร้อยละ 53.70 ไม่เคยเข้ารับการคัดกรองมะเร็งเต้านม ทั้งนี้ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความเครียดและโรคซึมเศร้า ก็เป็นอีกประเด็นที่พบในกลุ่มเป้าหมาย โดยมีนักศึกษาถึงร้อยละ 68 รายงานว่ามีระดับความเครียดปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลการเรียนและความสัมพันธ์ในครอบครัว การพยาบาลเพื่อชุมชนสุขภาพดีในทุกมิติ (Nursing for Holistic Community Wellness) มุ่งเน้น การบูรณาการการดูแลสุขภาพกาย ใจ และจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน โดยใช้วิธีการที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงปัจจัยทั้ง ส่วนบุคคล ครอบครัว และชุมชน เป้าหมายหลักคือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคก่อนเกิดปัญหารุนแรง รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในระยะยาว ประเด็นปัญหา1. ภาวะน้ําหนักเกินและโรคเรื้อรัง ความชุกของภาวะน้ําหนักเกินและโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน โลหิตสูง และโรคหัวใจ กําลังเป็นภัยคุกคามสุขภาพในชุมชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุสําคัญมาจากพฤติกรรมสุขภาพ เช่น การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม การขาดการออกกําลังกาย และความเครียดสะสม2. สุขภาพจิตในกลุ่มวัยเรียนและวัยทํางาน ความเครียดและความกดดันในชีวิตประจําวัน ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตที่อาจพัฒนาไปสู่โรคซึมศร้าหรือภาวะคิดฆ่าตัวตาย จําเป็นต้องมีการดูแลด้านจิตใจอย่างครอบคลุม3. การขาดการคัดกรองและป้องกันโรค อัตราการเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งเต้านม และการวัดความดันโลหิต ยังอยู่ในระดับต่ํา ซึ่งเป็นช่องว่างสําคัญในการป้องกันโรค แนวทางการพัฒนาโครงการ• การส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม: จัดกิจกรรมการพยาบาลที่ครอบคลุมทั้งการดูแลสุขภาพกาย เช่น การให้ความรู้เรื่องโภชนาการและการออกกําลังกาย และสุขภาพจิต เช่น การฝึกสติ (Mindfulness-Based Stress Reduction)• การตรวจคัดกรองโรคเชิงรุก: เพิ่มการเข้าถึงการตรวจสุขภาพ เช่น การตรวจวัดความดันโลหิตและระดับ น้ําตาลในเลือด• การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ: รณรงค์การลดบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม และส่งเสริมการออกกําลังกายที่เหมาะสมสําหรับแต่ละช่วงวัย• การสนับสนุนสุขภาพจิต: สร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) สําหรับการพูดคุยปัญหาและให้คําปรึกษา ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้           โครงการนี้มีการจัดการเรียนการสอนที่ให้นักศึกษานําความรู้จากการเรียนพยาบาลอนามัยชุมชนมาใช้ในสถานการณ์จริง พัฒนาแผนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมกับชุมชน เน้นการสร้างสุขภาพที่ยั่งยืน อีกทั้งนําทฤษฎีการพยาบาลมาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์ในกิจกรรมเพื่อพัฒนาสุขภาพจิตในกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ โครงการยังเป็นตัวอย่างของการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับเป้าประสงค์การสร้างความเป็นเลิศทางการศึกษา  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ❒ ความรูจากคลังความรูของเว็บไซตระบบการจัดการความรู KM Rangsit University(http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase และ https://rkms.rsu.ac.th/)❒  เจาของความรู/สังกัด อื่น ๆ เอกสารPDCA จากผลสําเร็จของโครงการ วิธีการดำเนินการ           แนวทางการพัฒนาโครงการ “การพยาบาลเพื่อชุมชนสุขภาพดี ครบทุกมิติ” สําหรับแม่บ้านมหาวิทยาลัยรังสิต จากการวิเคราะห์ข้อมูลของโครงการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ “โครงการแม่บ้านรังสิต หัวใจฟิต ชีวิตฟิน กินดีมีสุข”, “สุขภาพใจดี ชีวีมีสุข” และ “สูงวัยรู้ทัน เข้าใจ ห่างไกลภัยติดเตียง”, มีแนวทางการดําเนินการที่สามารถนํามาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาโครงการ “การพยาบาลเพื่อชุมชนสุขภาพดี ครบทุกมิติ” ให้ครอบคลุมทุกมิติของสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนี้1. การวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพของแม่บ้านรังสิต ก่อนออกแบบโครงการ ควรมีการเก็บข้อมูลสุขภาพของแม่บ้านมหาวิทยาลัยรังสิตโดยนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 4 รายวิชา BNS 481 ปฏิบัติการการพยาบาลอนามัยชุมชน ผ่านแบบสํารวจสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อกําหนดปัญหาหลักที่ต้องการแก้ไข เช่น โรคเรื้อรัง (ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด) ภาวะเครียดจากการทํางานและชีวิตครอบครัว การขาดโอกาสในการออกกําลังกายและโภชนาการที่เหมาะสม และการดูแลสุขภาพจิต และการบริหารจัดการความเครียด2. แนวทางดําเนินโครงการ (PDCA Model)(P) Plan – การวางแผน1. กําหนดเป้าหมายของโครงการ    o สร้างความรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในทุกมิติ    o ลดอัตราความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)     o พัฒนาแนวทางการส่งเสริมสุขภาพที่ต่อเนื่องและยั่งยืน2. ออกแบบกิจกรรมที่ครอบคลุมสุขภาพแบบองค์รวม    o สุขภาพกาย: กิจกรรมออกกําลังกาย โภชนาการที่เหมาะสม การตรวจสุขภาพเบื้องต้น    o สุขภาพจิต: ฝึกสมาธิ ลดความเครียด เทคนิคจัดการอารมณ์    o สุขภาพสังคม: สร้างเครือข่ายการช่วยเหลือ สนับสนุนทางสังคม    o สุขภาพสิ่งแวดล้อม: การจัดการที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะ3. กําหนดกลุ่มเป้าหมาย    o แม่บ้านและพนักงานในมหาวิทยาลัยรังสิต    o จํานวนผู้เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของผู้ลงทะเบียน4. พัฒนาเครื่องมือประเมินสุขภาพ    o แบบสอบถามสุขภาพก่อน-หลังโครงการ    o การตรวจคัดกรองโรค (BMI, ความดันโลหิต, น้ําตาลในเลือด)5. เตรียมทรัพยากรและงบประมาณ    o ประสานงานกับคณะพยาบาลศาสตร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    o ขอสนับสนุนงบประมาณจากมหาวิทยาลัยและองค์กรที่เกี่ยวข้อง 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน (D) Do – การดําเนินโครงการ ตัวอย่างกิจกรรมที่สามารถนํามาใช้ในโครงการ:กิจกรรมที่ 1: รู้ทันโรค ห่างไกลความเสี่ยง        • ให้ความรู้เรื่องโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง       • ตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมคําแนะนําจากพยาบาล       • ใช้เครื่องมือประเมินพฤติกรรมสุขภาพกิจกรรมที่ 2: หัวใจฟิต ชีวิตฟิน       • ฝึกออกกําลังกายที่เหมาะสม เช่น การเดินเร็ว โยคะ เต้นแอโรบิก       • แนะนําโปรแกรมออกกําลังกายที่สามารถทําได้ที่บ้าน       • แนะนําเทคนิคการใช้เครื่องมือติดตามสุขภาพ เช่น สมาร์ทวอทช์ แอปพลิเคชันสุขภาพกิจกรรมที่ 3: กินดี มีสุข       • สาธิตการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ตามหลัก 2:1:1       • สอนการอ่านฉลากอาหาร และเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ       • เชิญนักโภชนาการมาให้คําแนะนําเกี่ยวกับเมนูสุขภาพ กิจกรรมที่ 4: สุขภาพใจดี ชีวีมีสุข       • เทคนิคการบริหารความเครียดและการทําสมาธิ       • จัดเวิร์กช็อปการฝึกสติและการจัดการอารมณ์       • สนับสนุนเครือข่ายสังคมเพื่อให้กําลังใจกันและกันกิจกรรมที่ 5: สิ่งแวดล้อมดี ชีวิตมีสุข      • แนะนําแนวทางปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะ      • การจัดสภาพแวดล้อมที่ช่วยลดความเครียด      • กิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อสุขภาพจิต 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECKการตรวจสอบผลการดําเนินการ การนําเสนอประสบการณ์การนําไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่        • แบบสอบถามวัดความรู้และพฤติกรรมสุขภาพก่อน-หลังโครงการ        • วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพที่ได้จากการคัดกรอง        • วัดระดับความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ        • ติดตามผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพหลังโครงการ 1 เดือน และ 3 เดือน ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice 1. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้และการสอนที่เน้นนวัตกรรม (O 1.2)• KR1.2.1 การพัฒนากิจกรรมเสริมการเรียนรู้ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ        o ปรับปรุงโครงการโดยใช้ผลการประเมินเพื่อนํามาพัฒนาเนื้อหาการอบรม        o ขยายขอบเขตของกิจกรรมไปยังบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง        o ส่งเสริมให้แม่บ้านเป็น “แกนนําสุขภาพ” ในครอบครัวและชุมชน ผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ • KR1.2.4 การสร้างเสริมคุณลักษณะบัณฑิตพึงประสงค์ผ่านโครงการที่มีผลลัพธ์ชัดเจน        o บูรณาการกิจกรรมด้านการพยาบาลและการดูแลสุขภาพให้สอดคล้องกับหลักสูตรการเรียนการสอน        o นักศึกษาพยาบาลสามารถเข้าร่วมโครงการและนําความรู้ไปพัฒนาแนวปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน 2. การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือข้ามหน่วยงาน (O3.1, O3.4)• KR3.1.1 การพัฒนาเครือข่ายสุขภาพผ่านความร่วมมือกับองค์กรภายในและภายนอก        o จัดตั้งกลุ่ม “แม่บ้านสุขภาพดี” เพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางการดูแลสุขภาพ        o ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์สําหรับการให้คําปรึกษาด้านสุขภาพผ่านคณาจารย์และบุคลากรทางการแพทย์ • KR3.1.2/1 การพัฒนาความร่วมมือระหว่างคณะและหน่วยงานเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดี        o ส่งเสริมให้หน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยร่วมมือกันในโครงการส่งเสริมสุขภาพ เช่นศูนย์สุขภาพมหาวิทยาลัย        o ประสานงานกับศูนย์บริการสุขภาพชุมชน เพื่อสร้างโครงการดูแลสุขภาพเชิงรุกที่สามารถขยายสูระดับชุมชน • KR3.4.2 การพัฒนาทักษะของบุคลากรสายสอนให้มีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพชุมชน        o สนับสนุนให้อาจารย์พยาบาลเข้าร่วมโครงการและพัฒนาทักษะด้านการพยาบาลชุมชน       o ให้บุคลากรทางการแพทย์มีบทบาทในการอบรมเชิงปฏิบัติการและสนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรสุขภาพ 3. การเสริมสร้างภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยและการพัฒนาโครงการที่มีคุณค่าต่อสังคม (O5.1)• KR5.1.2/1 การพัฒนาโครงการที่สร้างคุณค่าเชิงสังคมและยกระดับชื่อเสียงมหาวิทยาลัย        o จัดโครงการบริการวิชาการที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสําหรับชุมชน        o ทํางานร่วมกับองค์กรภายนอก เช่น โรงพยาบาล คลินิก และหน่วยงานด้านสุขภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโครงการ         o จัดทํา Health Map ของแม่บ้านเพื่อช่วยติดตามสุขภาพและวางแผนการดูแลที่เหมาะสม บทสรุป          โครงการ “การพยาบาลเพื่อชุมชนสุขภาพดี ครบทุกมิติ” มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยพัฒนาแนวทางการดูแลสุขภาพผ่านเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ชุมชน และองค์กรสุขภาพ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและสามารถขยายผลไปยังชุมชนได้ในอนาคต การดําเนินโครงการนี้จะช่วยให้แม่บ้าน และบุคลากรในชุมชนมีสุขภาพดีขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้บุคลากรและนักศึกษาพยาบาลมีโอกาสพัฒนาทักษะที่สําคัญต่อการพยาบาลชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในด้านการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ การพัฒนาความร่วมมือข้ามหน่วยงาน และการยกระดับภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยในฐานะศูนย์กลางการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน รูปภาพเพิ่มเติม

การพยาบาลเพื่อชุมชนสุขภาพดี ครบทุกมิติ (Nursing for Holistic Community Wellness) Read More »

โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น

รงวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.1.2/1 โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ผู้จัดทำโครงการ​ นางสาวณัฐวรรณ วาเรืองศรี นายศุภวิชญ์ พรมติ๊บ และนายสิทธินนท์ คำไวย์ สำนักงานบ่มเพาะธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยธนาคารออมสินร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษา มีบทบาทในการพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โครงการนี้มุ่งเน้นให้เยาวชนได้นำความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ในด้านต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการในชุมชน โดยมีแนวคิดสำคัญคือการส่งเสริมอาชีพ เพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ ด้านการเงินการบัญชี เป็นการนำความรู้เรื่องการทำบัญชีรายรับรายจ่าย รวมถึงการคำนวณต้นทุน เพื่อให้เกิดการขายในจุดที่เหมาะสม และมีกำไรเกิดขึ้น ด้านการตลาด โดยการนำกลยุทธ์ต่างๆ มาทำให้สินค้าเป็นที่น่าสนใจ และเกิดการซื้อของผู้บริโภค รวมถึงการซื้อซ้ำ ตลอดจนการวางแผนการตลาดเป็นวงกว้างเพื่อเพิ่มปริมาณการซื้อขาย ด้านการออกแบบ เป็นการนำความรู้มาออกแบบบรรจุภัณฑ์ และหีบห่อให้มีความน่าสนใจ เข้ากับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง และมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าของแต่ละผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ ด้านเทคโนโลยีและความเป็นนวัตกรรม เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในด้านการขาย หรือการนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตในแต่ละช่วง ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการเป็นผู้ประกอบการและนักพัฒนาชุมชนส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ช่วยให้ธุรกิจในชุมชนสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข่งขันได้ในตลาดกระตุ้นการมีส่วนร่วมของสถาบันการศึกษา และในการลงพื้นที่เพื่อไปปฏิบัติงานแต่ละครั้งต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมของแต่ละกลุ่ม ซึ่งมาจากหลากหลายคณะ ทั้งนี้จึงต้องมีการวางแผนและประสานงานกันให้ดี เพื่อให้งานที่ลงไปพัฒนาสำเร็จลุล่วง  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด นักศึกษา / มหาวิทยาลัยรังสิต วิธีการดำเนินการ 1.คัดเลือกชุมชนตามเงื่อนไขที่ได้รับ สถาบันการศึกษา (สำนักงานบ่มเพาะธุรกิจและทรัพยืสินทางปัญญา ผู้รับผิดชอบโครงการ)  ลงพื้นที่เพื่อทำการคัดเลือกชุมชนที่เหมาะสมตามเงื่อนไขที่ทางธนาคารออมสินกำหนด  จากนั้นนำเสนอต่อธนาคารออมสินภาค 14 ผ่านไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อพิจารณา อนุมัติโครงการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงาน 2.ตัวแทนอาจารย์ที่ปรึกษาและนักศึกษา โดยได้รับการแต่งตั้งจากมหาวิทยาลัยรังสิต           ทางสำนักงานบ่มเพาะธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา จะทำการวางแผนคัดเลือกคณะ/วิทยาลัย ที่เกี่ยวข้องเหมาะสมกับธุรกิจนั้นๆ เพื่อเป็นตัวหลักในการพัฒนา และจะแจ้งไปยังคณะต่างๆ เพื่อขอความอนุเคราะห์ส่งตัวแทนคณาอาจารย์ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน พร้อมนักศึกษา ที่มีความสนใจในการจะนำความรู้ในสิ่งที่เรียนมาพัฒนาชุมชนให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยุ่ในแต่ละด้าน เข้าร่วมโครงการ  และจะทำหนังสือไปขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาสุงสุดเพื่อส่งร่างขออนุมัติแต่งตั้ง ก่อนส่งให้สำนักงานบุคคลออกหนังสือแต่งตั้งเป็นทางการ 3.ลงพี้นที่เพื่อสอบถามความต้องการ และแก้ปัญหาให้กับชุมชน สำนักงานบ่มเพาะธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา  จะนำนักศึกษา/ อาจารย์ ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อพบปะพูดคุยกับสมาชิกในแต่ละชุมชน ว่ามีความต้องการที่ชุมชนอยากให้ช่วยเหลือ หรือแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อพัฒนาสินค้า/บริการ ของชุมชนที่มีอยู่หรือต้องการเพิ่มสินค้า/บริการให้มีมากขึ้น หรือพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทางทีมงานอาจารย์และนักศึกษาจะต้องนำปัญหา หรือสิ่งที่ชุมชนต้องการนำมาประชุมในกลุ่มอีกครั้งเพื่อวางแผนที่จะพัฒนาต่อไปในระยะเวลาที่เหลือของโครงการ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน โดยในระยะนั้นจะมีการลงพื้นที่เพื่อไปพัฒนา โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างสมาชิกในชุมชน และทีมงานนักสึกษา โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำในการดำเนินการในแต่ละช่วงเวลา และในแต่ละด้านที่เกี่ยวข้อง โดยแต่ละช่วงเวลาทางสำนักงานบ่มเพาะฯจะคอยเป็นพี่เลี้ยงและประสานงานต่างๆ ให้ในระหว่างการปฏิบัติงานของแต่ละกลุ่มให้สามารถดำเนินการได้สะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว 4.ดำเนินการและติดตามผล อาจารย์/นักศึกษา  นำผลของการปฏิบัติงาน มาหารือร่วมกันระหว่างชุมชน อาจารย์ และนักศึกษาในกลุ่ม เพื่อขอความคิดเห็นในเรื่องการพัฒนาไม่ว่าจะเป็นสินค้า หรือบริการ เพื่อทำการแก้ไขปรับปรุงจนสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่ชุมชนต้องการ ในแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดราคาขายที่เหมาะสม การเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ หีบห่อให้ทันสมัยดูดี ของสินค้า หรือบริการ และเพิ่มช่องทางการขายที่หลากหลาย โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตลาดให้เกิดวงกว้าง และเพิ่มจำนวนลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งในแต่ละช่วงการดำเนินการ ในส่วนของสำนักงานบ่มเพาะธุรกิจฯ จะต้องทำการถ่ายทำวีดิโอ ถ่ายภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดการพัฒนาสินค้า/บริการ เป็นไปตามความต้องการของชุมชน 5.สรุปผลและนำเสนอผลงาน ประเมินผลโครงการ โดยเมื่อได้สินค้า/บริการ ตามความต้องการของแต่ละชุมชน สำนักงานบ่มเพาะธุรกิจฯ จะต้องเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน จัดเวทีให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มมานำเสนอผลงาน ให้กับกรรมการประกอบด้วยกรรมการจากธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ธนาคารออมสินภาค 14 และ กรรมการจากมหาวิทยาลัยลัย ร่วมตัดสินเพื่อพิจารณาจาก 5 ทีม ให้เหลือ 1 ทีม ที่จะต้องเข้าไปแข่งขันกับอีก 63 ทีม ที่ผ่านการคัดเลือกจากทุกมหาวิทยาลัย เพื่อเป็น THE BEST OF THE BEST เป็นสิ่งที่เราคาดหวัง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยากที่สุด และในปี 2566 เราสามารถเป็น THE BEST OF THE BEST  ในหมวดคิดดี  และเป็น รอง THE BEST OF THE BEST  ในปี 2567 ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่เราสามารถไปสู่จุดมุ่งหมาย 2 ปีซ้อน และได้รับการยกย่องว่าเป็น BEST PRACTICES ในการดำเนินโครงการออมสินยุวพัฒน์  และเอาแนวปฏิบัตินี้ไปนำเสนอให้กับมหาวิทยาลัยอื่นได้ปฏิบัติงาน 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน สำนักงานบ่มเพาะธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา เป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานวิสาหกิจชุมชน ทีมงานของอาจารย์และนักศึกษาของแต่ละกับ และกับทางธนาคารออมสินภาค 14 และธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่  นอกจากนี้ยังทำหน้าที่รับผิดชอบในการถ่ายทำวีดิโอ ถ่ายภาพ ทำโปสเตอร์ รวมถึงการช่วยให้ความเห็นเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ หีบห่อ ของแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ตอบโจทย์กับตลาด และความเป็นเอกสักษณ์ของชุมชนซึ่งจะต้องดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นจนปิดโครงการ  โดยการจัดทำเอกสารตั้งแต่เสนอโครงการเพื่อขอเงินสนับสนุนงบประมาณ และรายงานขั้นตอนจนปิดโครงการอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังต้องมีหน้าที่ติดตามดูแลโครงการชุมชนที่เข้าร่วมอยู่สม่ำเสมอ ร่วมกับธนาคารออมสิน          อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน                – อุปกรณ์ในการทำงานของสำนักงานบ่มเพาะธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา มีจำกัด เพราะในบางครั้งมีตารางลงพื้นที่ของกลุ่มภายในวันเดียวกัน จนทำให้ต้องแบ่งอุปกรณ์ในการใช้งาน ไปใช้งานตามกลุ่มต่างๆ หรือ ต้องขอความร่วมมือกับนักศึกษาที่มีอุปกรณ์มาช่วยในการเก็บภาพและวีดีโอ ตลอดระยะเวลาในการทำโครงการ                – อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของทางสำนักงานบ่มเพาะธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา เป็นเครื่องรุ่นเก่า มากๆ spec คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเปิดโปรแกรมที่ใช้งานได้ในบ้างครั้ง ส่งผลให้งานล่าช้าต้องแก้ไขกันบ่อยครั้ง ซึ่งการทำคลิปวีดิโอมีความจำเป็น เพราะชิ้นงานคลิปมีผลต่อการให้คะแนนไนการประกวดผลงาน 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น เป็นโครงการที่ดี มุ่งพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นฐานรากทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ได้ผลลัพธ์จริง  ซึ่งการทำงานดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน งานจึง่จะเกิดการพัฒนาไปสู่จุดมุ่งหมายที่แท้จริง ซึ่งทางสำนักงานบ่มเพาะธุรกิจตระหนักถึงความสำคัญโครงการดังกล่าว จึงพยายามให้ความรู้และชี้แนะในบางส่วนที่ทางเราจะสามารถช่วยทีมนักศึกษาและชุมชนได้ โดยอาศัยความร่วมมือจาก อาจารย์ นักศึกษาและชุมชน ความสำเร็จของโครงการไม่ได้อยู่แค่การเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับนักศึกษา นำความรู้ ความสามารถ พัฒนาทักษะและได้เรียนรู้ในการทำงาน นำไปใช้พัฒนาชุมชนได้แบบยั่งยืน และชณะเดียวกันชุมชนก็ให้ความรู้กับนักศึกษาของเราเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice สำนักงานบ่มเพาะธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ และเข้าร่วมโครงการมาเป็นปีที่ 7 การดำเนินงานดังกล่าว ทำให้นักศึกษาทุกคณะ/วิทยาลัย ได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน จึงถือว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อนักศึกษา สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจให้ประเทศชาติได้  และสิ่งที่เราประสบผลสำเร็จก็คือ เราสามารถนำทีมนักศึกษาเข้ารอบจนได้รับเป็น ทีม THE BEST OF THE BEST  ระดับประเทศ และได้ระดับรอง THE BEST OF THE BEST  2 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่องจากธนาคารออมสินให้เป็น  BEST PRACTICES ในการดำเนินโครงการออมสินยุวพัฒน์  และเอาแนวปฏิบัตินี้ไปเผยแพร่ให้กับมหาวิทยาลัยอื่นได้ปฏิบัติงานตามแบบอย่างของมหาวิทยาลัยรังสิตต่อไป นอกจากโครงการดังกล่าวยังใช้งบประมาณจากภายนอกมาสนับสนุน ในการดำเนินงานได้ โดยไม่ต้องของบประมาณของมหาวิทยาลัยรังสิตในการดำเนินงาน

โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น Read More »

การบูรณาการความร่วมมือระหว่างคณะ/วิทยาลัย/หน่วยงาน เพื่อพัฒนาความเป็นสากลและการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในระดับนานาชาติ

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2567 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.1.2/1, 5.2.1, 5.3.1/1  การบูรณาการความร่วมมือระหว่างคณะ/วิทยาลัย/หน่วยงาน เพื่อพัฒนาความเป็นสากลและการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในระดับนานาชาติ ผู้จัดทำโครงการ​ รองศาสตราจารย์ ดร. ทศนัย ชุ่มวัฒนะ และบุคลากรสำนักงานนานาชาติทุกท่าน สำนักงานนานาชาติ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ จากวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยรังสิตที่ต้องการจะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในระดับนานาชาติ และผู้นำทางด้านความเป็นสากล (Internationalization) ร่วมกับนโยบายของผู้บริหารที่มุ่งเน้นการวางแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในด้านต่างๆ  ซึ่งหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การเสริมสร้างและพัฒนาความเป็นสากล (Internationalization) และยุทธศาสตร์ที่ 5 : การบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียง เพื่อการเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการพัฒนาคุณภาพของบัณฑิตให้แข่งขันได้ในระดับนานาชาติและพัฒนาไปสู่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหรือได้รับการยอมรับในระดับชาติหรือนานาชาติ           จากประเด็นความท้าทายในเรื่องของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทยในปี 2559 จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้มหาวิทยาลัยรังสิตต้องมีการกำหนดกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยรังสิต พ.ศ.2565-2569 ทางด้านการพัฒนาความเป็นสากล ซึ่งจะทำให้เกิดการยกระดับมาตรฐานของการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพของคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาให้มีความรู้ ทักษะ ความสามารถในการรับมือและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงและความหลากหลายทั้งในบริบทของประเทศและบริบทโลกได้                    สำนักงานนานาชาติ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายพันธกิจด้านการพัฒนาความเป็นสากลจากอธิการบดี รองอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ และผู้บริหารมหาวิทยาลัยรังสิต  จึงได้สร้างความร่วมมือระหว่างวิทยาลัย คณะ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดให้มีกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาไทยและนักศึกษาชาวต่างชาติให้ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน มีประสบการณ์การแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม (Cross Cultural) หน่วยงานจึงจัดทำโครงการ RSUnival ขึ้นมาในปีการศึกษาที่ 2567 ซึ่งกิจกรรม RSUnival จะเป็นเวทีให้นักศึกษาไทยและต่างชาติได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรมและภาษาต่างประเทศ รวมถึงมีประสบการณ์ซึ่งกันและกันและสืบสานประเพณีไทยงานสงกรานต์สืบไป ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญจากกิจกรรม RSUnival งานสงกรานต์ ที่นอกจากความสนุกสนานและความสำเร็จแล้ว ยังได้มอบความรู้และบทเรียนที่สำคัญหลายประการ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมในอนาคตได้  โดยสรุปเป็นประเด็นสำคัญดังนี้ การส่งเสริมความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างวัฒนธรรม: กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาไทยและนักศึกษาต่างชาติมีปฏิสัมพันธ์กันโดยตรง เช่น การเล่นน้ำสงกรานต์ การแสดงทางวัฒนธรรม หรือ International Food Festival เป็นต้น ช่วยส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างวัฒนธรรม ลดอคติ และสร้างมิตรภาพ การจัดกิจกรรมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย ช่วยเผยแพร่ความงดงามและเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยให้นักศึกษาต่างชาติได้รู้จักและเข้าใจมากขึ้น การบริหารจัดการกิจกรรม: การวางแผนและเตรียมงานอย่างเป็นระบบ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของกิจกรรม ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น งบประมาณ สถานที่ กิจกรรม บุคลากร และการประชาสัมพันธ์ การประเมินผลกิจกรรม ช่วยให้เห็นจุดเด่น จุดด้อย และข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนากิจกรรมในครั้งต่อไป การสร้างความร่วมมือ: ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย เป็นสิ่งสำคัญในการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ เช่น วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยฮอสปิตอลลิตี้ วิทยาลัยศิลปศาสตร์ วิทยาลัยดนตรี และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล้วนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม RSUnival การมีส่วนร่วมของนักศึกษา ช่วยให้กิจกรรมมีความหลากหลาย สนุกสนาน และตรงกับความต้องการของนักศึกษามากขึ้น การใช้กิจกรรมเป็นสื่อกลางในการเรียนรู้: กิจกรรม RSUnival งานสงกรานต์ เป็นมากกว่ากิจกรรมสันทนาการ แต่ยังเป็นสื่อกลางในการเรียนรู้วัฒนธรรม ภาษา และการทำงานร่วมกัน การบูรณาการกิจกรรมเข้ากับการเรียนการสอน ช่วยให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และเกิดทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับมหาวิทยาลัย: กิจกรรมที่ประสบความสำเร็จ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับมหาวิทยาลัย ดึงดูดนักศึกษาต่างชาติ และส่งเสริมความเป็นนานาชาติของมหาวิทยาลัย ความรู้และบทเรียนเหล่านี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมอื่นๆ ของมหาวิทยาลัย  เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักศึกษา  และบรรลุเป้าหมายของมหาวิทยาลัย  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด สำนักงานนานาชาติ วิธีการดำเนินการ ประชุมหารือในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างวิทยาลัย/คณะ/หน่วยงานต่างๆ โดยหน่วยงานได้ติดต่อประสานงานไปยังวิทยาลัยฮอสปิตอลลิตี้ วิทยาลัยศิลปศาสตร์ วิทยาลัยดนตรี วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยนานาชาติจีน ศูนย์สุวรรณภูมิศึกษา สถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม สำนักงานสิทธิประโยชน์ สำนักงานวิสด้อมมีเดีย ฝ่ายสื่อสารองค์กร และฝ่ายการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อวางแผนการดำเนินงานกิจกรรม RSUnival ร่วมกัน จัดทำแผนการดำเนินกิจกรรมและงบประมาณ กิจกรรมนี้ได้จัดขึ้นในปีการศึกษาที่ 2567 ระหว่างวันที่ 2-4 เมษายน 2567 จัดขึ้นบริเวณหน้าอาคารอาทิตย์อุไรรัตน์ ตึก1 โดยมอบหมายการปฏิบัติงานให้แต่ละภาคส่วนดังนี้ International Food Festival จัดโดยวิทยาลัยฮอสปิตอลลิตี้ การแสดงดนตรีและการจัดบูทจำหน่ายสินค้า จัดโดยสำนักงานสิทธิประโยชน์ International Costume and Performance Day จัดโดยวิทยาลัยศิลปศาสตร์ International Music Festival จัดโดยวิทยาลัยดนตรี การแข่งขัน “มวยทะเล” จัดโดยสำนักงานสิทธิประโยชน์ พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง สถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม การแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงวัฒนธรรมพื้นเมือง จัดโดยศูนย์สุวรรณภูมิศึกษาและสถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม การแสดงขบวนแห่กลองยาวและการแสดงนานาชาติ จัดโดยวิทยาลัยนานาชาติ คณะบริหารธุรกิจ และสถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม Songkran Festival with EDM จัดโดยวิทยาลัยนานาชาติ การแสดงนานาชาติ โดย วิทยาลัยนานาชาติ การแสดงนานาชาติจีน โดย วิทยาลัยนานาชาติจีน International Fair การแสดงของนักศึกษาและชุมชนหลักหก ประสานงานโดยสำนักงานสิทธิประโยชน์ วงดนตรีบัวแก้วเกษร ประสานงานโดยสำนักงานสิทธิประโยชน์ งบประมาณโครงการ รับผิดชอบโดยสำนักงานนานาชาติ งานประชาสัมพันธ์ รับผิดชอบโดยสำนักงานวิสด้อมมีเดียและฝ่ายสื่อสารองค์กร รายละเอียดรายจ่ายงบประมาณโครงการ (ที่ตั้งไว้ในระบบงบประมาณ) ตามตารางที่ 1 ตารางที่1 ลำดับ รายการ หน่วย ราคา/หน่วย (บาท) ยอดรวม (บาท) 1 ฝ่ายสื่อสารองค์กร 1 6,851.00 6,851.00 2 Wisdom Media 1  3,600.00  3,600.00 3 สถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม 1 88,000.00 88,000.00 4 วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ 1 9,625.00 9,625.00 5 วิทยาลัยฮอสปิตอลลิตี้ 1 3,000.00 3,000.00 6 วิทยาลัยศิลปศาสตร์ 1 13,500.00 13,500.00 7 วิทยาลัยดนตรี 1 18,000.00 18,000.00 8 วิทยาลัยนานาชาติ 1 14,000.00 14,000.00 9 วิทยาลัยนานาชาติจีน 1 5,000.00 5,000.00 รวมทั้งหมด 161,576.00 รายละเอียดรายจ่ายงบประมาณโครงการ (ค่าใช้จ่ายจริง) ตามตารางที่2 ตารางที่2 ลำดับ รายการ หน่วย ราคา/หน่วย (บาท) ยอดรวม (บาท) 1 ฝ่ายสื่อสารองค์กร 1  6,849.00  6,849.00 2 Wisdom Media 1 3,600.00 3,600.00 3 สถาบันศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาสังคม 1  87,951.00  87,951.00 4 วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ 1 9,865.00 9,865.00 5 วิทยาลัยฮอสปิตอลลิตี้ 1  3,018.00  3,018.00 6 วิทยาลัยศิลปศาสตร์ 1 13,480.00 13,480.00 7 วิทยาลัยดนตรี 1 11,890.00 11,890.00 8 วิทยาลัยนานาชาติ 1 14,000.00 14,000.00 9 วิทยาลัยนานาชาติจีน 1  5,451.90  5,451.90 รวมทั้งหมด 156,104.90 ยอดเงินอนุมัติ 161,576.00 บาทยอดเงินค่าใช้จ่ายจริง 156,105.50 บาทยอดเงินคงเหลือ 6,180.40 บาท 3. ดำเนินกิจกรรมตามกำหนดการดังรูปภาพที่ 1 ภาพกำหนดการงาน “RSUnival” 4. สรุปผลกิจกรรมและผลประเมินความพึงพอใจ ผลการดำเนินงานกิจกรรม RSUnival มีกิจกรรมภายในงานเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีและสร้างความคุ้นเคยกันระหว่างนักศึกษาไทยและนักศึกษาต่างชาติ สืบสานประเพณีไทยและเผยแพร่วัฒนธรรมไทย สร้างความสนุกสนานและรื่นเริงให้กับนักศึกษา โดยมีกิจกรรมหลากหลายด้าน เช่น การแสดงทางวัฒนธรรม: การแสดงจากนักศึกษาไทยและต่างชาติ การละเล่นพื้นบ้าน: สะบ้าบ่อน ไทยทรงดำ การออกร้านจำหน่ายอาหาร: อาหารไทยและอาหารนานาชาติ การแสดงดนตรี: ดนตรีสดจากวงดนตรีนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต ผลลัพธ์ความสำเร็จจากกิจกรรม RSUnival           ภาพรวมของกิจกรรมถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมงานทั้งคนไทยและต่างชาติรวมมากกว่า 300 คน สามารถจัดกิจกรรมได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้กิจกรรมต่างๆภายในงานยังได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเล่นน้ำสงกรานต์ การแสดงวัฒนธรรมและการแข่งขันมวยทะเล กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักศึกษาไทยและนักศึกษาต่างชาติ และเผยแพร่ประเพณีวัฒนธรรมไทยได้เป็นอย่างดี ผลประเมินความพึงพอใจ           มีจำนวนผู้ตอบแบบประเมิน 157 คน คิดเป็นร้อยละ 52 ของผู้เข้าร่วมโครงการ สรุปผลการประเมินงานได้ดังแผนภูมิรูปภาพ 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน 2.1 ผลการดำเนินการกิจกรรม RSUnival กิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาไทยและนักศึกษาชาวต่างชาติได้ และยังช่วยส่งเสริมและพัฒนาภาพลักษณ์ความเป็นสากลให้มหาวิทยาลัยมากขึ้น 2.2 การนำไปใช้หรือการลงมือปฏิบัติจริง ช่วยให้เข้าใจกระบวนการทำงานเป็นทีมทำให้เกิดสหวัฒนธรรมภายในองค์กรและดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน สามารถนำประสบการณ์ไปพัฒนาและต่อยอดการทำงานหรือการจัดกิจกรรมอื่นๆในอนาคตได้ 2.3 อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน          ปัญหาการสื่อสารภายใน เนื่องจากต้องทำงานกับทุกภาคส่วนในมหาวิทยาลัย บางครั้งอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและการบริหารจัดการเวลาที่ไม่ตรงกัน ส่งผลต่อการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันและล่าช้าในบางครั้ง จึงจัดประชุมเพื่อหารือและหาข้อตกลงก่อนดำเนินงานร่วมกัน 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ จำนวนและความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมในมหาวิทยาลัยรังสิต กิจกรรมได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมเป็นอย่างดี จึงทำให้มีการจัดงานอย่างต่อเนื่องในปี 2568 งานโครงการ กิจกรรม ตอบโจทย์ตามเป้าหมายที่ระบุไว้ใน ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นสากล (Internationalization) และประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5 : การบริหารภาพลักษณ์และการสร้างความมีชื่อเสียง   ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice วัตถุประสงค์ (Objectives): สร้างและรวบรวมองค์ความรู้จากกิจกรรม RSUnival เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการจัดงานในอนาคต เพื่อสร้างฐานข้อมูลองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนากิจกรรม RSUnival อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถ่ายทอดประสบการณ์จากกิจกรรม RSUnival เพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่นักศึกษาและบุคลากรสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับกิจกรรม RSUnival พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการจัดการความรู้สำหรับกิจกรรม RSUnival เพื่อสร้างระบบการจัดการความรู้ที่มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรม RSUnival ผลลัพธ์หลัก (Key Results): จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับกิจกรรม RSUnival ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี สร้างฐานข้อมูลองค์ความรู้เกี่ยวกับกิจกรรม RSUnival

การบูรณาการความร่วมมือระหว่างคณะ/วิทยาลัย/หน่วยงาน เพื่อพัฒนาความเป็นสากลและการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในระดับนานาชาติ Read More »

บริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ

การมีส่วนร่วมกับท้องถิ่นและชุมชุน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย ยุทธศาสตร์ที่ 1 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ดร.สุมามาลย์ ปานคำ วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           จาก KM Rangsit University ปี พ.ศ. 2562 หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม (Social Media Technology: SMT) ได้ส่งการจัดการความรู้ ประเด็นการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ เรื่อง เทคนิคการบริหารหลักสูตรสู่ความเป็นเลิศด้วย SMT Model ซึ่ง S : Scanning ค้นหาจุดเด่นของหลักสูตรฯ, M : Marketing ทำการตลาดออนไลน์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก และ T : Teaching-Learning Process วางแผนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพนั้น  โดยหลักสูตรฯ กำหนดวิสัยทัศน์ คือ สร้างนักเทคโนโลยีสื่อสังคมที่มีคุณภาพเน้นความรู้ ลงมือปฏิบัติจริงและผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี           ในปีการศึกษา 2561 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 20 คน ได้ตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI1 จำนวน 5 บทความ TCI2 จำนวน 11 บทความ การประชุมวิชาการระดับนานาชาติ จำนวน 2 บทความ และการประชุมวิชาการระดับชาติ จำนวน 2 บทความ นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 2 คน ได้แก่ นายกีรติ แย้มโอษฐ รหัสนักศึกษา 6102332  และนางสาวสุดาทิพย์ สันทนาประสิทธิ์ รหัสนักศึกษา 6102314           ในปีการศึกษา 2562 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 29 คนและตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI 1 จำนวน 7 บทความ TCI 2  จำนวน 19 บทความ และการประชุมวิชาการระดับชาติ จำนวน 3 บทความ นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 1 คน ได้แก่ ร้อยโทศุภสัณห์ เกิดสวัสดิ์ รหัสนักศึกษา 6202892          ในปีการศึกษา 2563 มีผู้สำเร็จการศึกษาภายใน 1 ปี จำนวน 32 คนและตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ TCI1 จำนวน 15 บทความ TCI2 จำนวน 22 บทความ  นอกจากนี้ นอกจากนี้ ยังมีนักศึกษาบางคนสามารถตีพิมพ์บทความวิจัยได้มากกว่า 1 บทความ ภายในระยะเวลา 1 ปี จำนวน 5 คน ได้แก่  นางสาวนงนภัส ชัยรักษา รหัสนักศึกษา 6302966, นายกิตติธัช ช้างทอง รหัสนักศึกษา 6304047, นายกฤษฎา ฟักสังข์ รหัสนักศึกษา 6304277, นางสาวกัญญ์กานต์ กุญโคจร รหัสนักศึกษา 6303580 และนางสาวกัญญานีน์ กุลกนก รหัสนักศึกษา 6303041           จากการบริหารหลักสูตรฯ ที่มีประสิทธิภาพ เน้นความรู้ ลงมือปฏิบัติจริง และวางแผนการเรียนการสอนที่ดีทำให้ผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี และมีผลงานตีพิมพ์ที่สูงกว่าเกณฑ์การสำเร็จการศึกษาปกติ ในส่วนของการจัดการความรู้ครั้งนี้ ผู้ให้ความรู้ขอถอดความรู้เกี่ยวกับการบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อหลักสูตรอื่นฯ และมหาวิทยาลัยต่อไป ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge)🗹 ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University      (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase) ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)🗹 เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.สุมามาลย์ ปานคำ วิธีการดำเนินการ การบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ สามารถเขียนเป็นแผนภาพเพื่อให้เห็นขั้นตอนกระบวนการที่ชัดเจน รวมถึงระบุช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับแต่ละกระบวนการตั้งแต่วันที่รับนักศึกษาเข้ามาศึกษาจนจบการศึกษา ดังภาพที่ 1 การบริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปีและตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ สามารถเขียนเป็นแผนภาพเพื่อให้เห็นขั้นตอนกระบวนการที่ชัดเจน รวมถึงระบุช่วงเวลาที่กำหนดสำหรับแต่ละกระบวนการตั้งแต่วันที่รับนักศึกษาเข้ามาศึกษาจนจบการศึกษา ดังภาพที่ 1 จากภาพที่ 1 แสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนการสอนของหลักสูตร เน้นให้มีวิชาการวิจัย 2 วิชาในแต่ละเทอม เพื่อใช้สําหรับถ่ายทอดความรู้และติดตามการทําวิจัยควบคู่ไปกับการเรียนการสอนหรือเรียกว่า เรียนรู้ไปพร้อมกับการปฏิบัติจริง 2.Prototype testing in an operational environment – DO  หลักสูตรสารสนเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสังคม (Social Media Technology: SMT) ได้ปฏิบัติตามกระบวนการตามแผนที่วางไว้ ดังภาพที่ 1 รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินการ  ดังนี้ คลังข้อมูลวิจัย: ผู้สอนสร้างคลังความรู้เกี่ยวกับงานวิจัยของศิษย์เก่า หรือ มหาวิทยาลัยอื่นๆ ใน Google Drive ตามความต้องการของผู้เรียน เช่น บทความวิจัย, เล่มวิจัย, PPT ของศิษย์เก่าในการสอบปกป้องวิทยานิพนธ์/การศึกษาค้นคว้าอิสระ เป็นต้น  ไลน์กลุ่มวิจัย: นักศึกษาส่งชื่อเรื่องวิจัยในไลน์กลุ่มเพื่อตรวจสอบไม่ให้หัวข้อวิจัยของนักศึกษาซ้ำกันในรุ่น และซ้ำกับรุ่นพี่ที่ทำวิจัยเสร็จสิ้นไปแล้ว สร้างแรงจูงใจและเป้าหมายร่วมกัน: ผู้สอนวางแผนร่วมกันกับนักศึกษาทุกคน โดยสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาว่าตั้งใจเรียนจบ 1 ปีหรือไม่ ซึ่งนักศึกษาทุกคนจะตอบว่า “จะเรียนให้จบ 1 ปี” เป็นการสร้างแรงจูงใจและคำสัญญาระหว่างผู้สอนกับนักศึกษา แผนปฏิบัติการวิจัย: ผู้สอนอธิบายกระบวนการทำวิจัยและส่งแผนการทำวิจัยที่จะทำให้นักศึกษาสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 1 ปี ให้นักศึกษาทุกคนทราบ และ ดำเนินการวิจัยตามขั้นตอนในภาพที่ 1 จนถึงนักศึกษาสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ / การศึกษาค้นคว้าอิสระ  5. การจัดสรรเวลาให้คำปรึกษา: สิ่งสำคัญในการดำเนินการ คือ ผู้สอนต้องจัดสรรเวลาให้คำปรึกษาออฟไลน์หรือออนไลน์กับนักศึกษานอกเหนือจากเวลาเรียนเสาร์-อาทิตย์ เช่น วันจันทร์ เวลา 9.00 – 16.00 น. หรือวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK           จากปัญหาและอุปสรรคที่พบ หลักสูตรพยายามแก้ปัญหานักศึกษาที่ไม่ทำตามแผนปฏิบัติการวิจัยโดย ผู้สอนจัดทำตารางตรวจสอบผลการดำเนินงานวิจัยของนักศึกษาทุกคน เพื่อติดตามความก้าวหน้าของงานวิจัยในแต่ละเดือน จะพบว่ามีนักศึกษาบางคนทำวิจัยไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด ดังนั้น ผู้สอนจะดำเนินการแก้ไขในทันที โดยให้เพื่อนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม (เด็กเก่ง) ที่ทำวิจัยสำเร็จในขั้นตอนนั้นๆ แล้ว ไปช่วยให้คำแนะนำ สอนวิธีการ เพื่อให้งานวิจัยเสร็จสิ้นตามเวลาที่กำหนด ถ้าไม่ได้ผู้สอนจะไปช่วยเหลือนักศึกษาด้วยตนเองว่าติดปัญหาอะไรและดำเนินการช่วยเหลือ นอกจากนี้ ผู้สอนยังสร้างแรงจูงใจให้หัวหน้ากลุ่มและเพื่อนๆในกลุ่มที่จะรับปริญญาพร้อมกันทุกคนในเดือนธันวาคมของทุกปี หากนักศึกษารู้สึกท้อให้นักศึกษาคิดถึงรูปเพื่อนๆ ในรุ่นใส่ชุดครุยวิทยฐานะ 2 แถบ ถ่ายรูปพร้อมกันทุกคน ให้นักศึกษาทุกคนมองความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นความสำเร็จร่วมกันไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ทุก ๆ คนพยายามที่จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดี และพยายามที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อให้ทุกคนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้           สิ่งสำคัญในการดำเนินการ คือ ต้องแก้ไขในทันทีไม่ให้นักศึกษาหลุดลอยจากแผนที่วางไว้ เนื่องจากเมื่อหลุดลอยไปแล้วจะทำให้ตามเพื่อนๆ ไม่ทันส่งผลให้เกิดความท้อไม่อยากทำวิจัยและทิ้งวิจัยไปในที่สุด           บทสรุปความรู้ คือ ผู้สอนวางแผนและติดตามผลการดำเนินการวิจัยของนักศึกษาทุกคนในทุกขั้นตอนเป็นระยะ นอกจากนี้ยังสร้างแรงจูงใจให้นักศึกษาทุกคนช่วยเหลือเพื่อนเพื่อจะได้รับปริญญาพร้อมกันทุกคน ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice ต้องมีการวางแผนที่ดี รู้ว่าปัจจัยของความสำเร็จอยู่ที่ใด ซึ่งในการศึกษาระดับปริญญาโท คือการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงาน ดังนั้นหลักสูตรจึงให้ความสำคัญกับกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตั้งแต่การกำหนดวิชาวิจัยให้มี 2 วิชา และจัดในแต่ละเทอม การกำหนดหัวข้อวิจัยในขอบเขตที่ไม่กว้างจนเกินไป เพื่อที่จะให้นักศึกษาทุกคนรวมถึงผู้สอน สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ซึ่งการวางแผนดังกล่าว ทำให้การทำวิจัย ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่มเติมหรือต้องทำหลังจากเรียนทุกวิชาครบ แต่สามารถทำได้ในขณะที่เรียน จุดนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้นักศึกษาสามารถเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยได้ สร้างผู้นำทีมของนักศึกษาในการทำวิจัย เนื่องจากนักศึกษาจะไม่กล้าขอคำแนะนำจากผู้สอนเพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิเมื่อวิจัยล่าช้า 3. สร้างทีมผู้สอน โดยดึงสมรรถนะของผู้รับผิดชอบหลักสูตรมาใช้ให้ตรงตามความสามารถของแต่ละบุคคล เช่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมชาย เล็กเจริญ ช่วยแนะนำวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติให้นักศึกษาส่งบทความวิจัยเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ต่อไป และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุมามาลย์ ปานคำ ช่วยแนะนำวิธีการเขียนบทความวิจัยตามแบบฟอร์มของแต่ละวารสารวิชาการต่างๆ เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ต่อไป

บริหารอย่างไรให้นักศึกษาเรียนจบได้ใน 1 ปี และตีพิมพ์บทความวิจัยที่มีคุณภาพ Read More »

การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival”

การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival” ยุทธศาสตร์ที่ 2 รางวัลดีเด่น ปี2564 ผู้จัดทำโครงการ​ อ.สุรัตน์ ทองหรี่ วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ด้วยเครือข่ายนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ (Communication Consortium) 18 สถาบัน ตระหนักถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันสร้างกลไกเพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์และการเผยแพร่ผลงานของอาจารย์ในระดับนานาชาติ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาตามตัวบ่งชี้ สกอ. และได้เล็งเห็นว่าผลงานสร้างสรรค์ประเภทภาพถ่าย เป็นงานที่อยู่ในหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิตทุกสถาบัน จึงมีโครงการจัดกิจกรรมการเผยแพร่ผลงานภาพถ่ายนานาชาติของอาจารย์ในเครือข่ายนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ โดยกำหนดจัดโครงการประมาณเดือนเมษายนของทุกปี ทั้งนี้ผลงานที่ได้รับการคัดเลือกจัดแสดงต้องผ่านการประเมินจากนักวิชาการ นักวิชาชีพ และศิลปินแห่งชาติ โดยมีผู้ส่งผลงานจากประเทศนอกอาเซียนอย่างน้อย 5 ประเทศ โครงการนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการพัฒนาอาจารย์และการประกันคุณภาพการศึกษาอีกด้วย           ในปี พ.ศ. 2565 เครือข่ายนิเทศศาสตร์ ได้จัดนิทรรศการภาพถ่ายนานาชาติในหัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival’ โดยได้เชิญชวนผู้สนใจส่งภาพถ่ายเข้าประกวดเพื่อคัดเลือกผลงานนำไปจัดแสดง ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในการนี้ผู้เล่าเรื่องได้ส่งผลงานภาพถ่ายเข้าร่วมประกวดและได้รับคัดเลือกภาพถ่ายที่ทำขึ้นภายใต้ชื่อ ‘Give Alms to a Buddhist Monk : ตักบาตรเช้า’ ให้แสดงในนิทรรศการในครั้งนี้           นิทรรศการภาพถ่าย ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ เป็นพื้นที่ของการสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ สะท้อนผ่านมุมมองที่หลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจัยแวดล้อมในปัจจุบัน การแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับตัวตนของมนุษย์ต่อคำถาม เราคือใคร เป็นอยู่อย่างไร การดำเนินชีวิตอย่างไรที่สร้างความหวังเพื่อความอยู่รอดท่ามกลางความรวนเรแปรปรวนของระบบคุณค่าทั้งเชิงชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม ปรัชญา ศาสนา สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 เราค้นพบวิถีปรับตัวสู่ชีวิตในวิถีใหม่อย่างสร้างสรรค์ในลักษณะใดบ้าง อะไรคือความหวังและความอยู่รอด เครือข่ายนิเทศศาสตร์เล็งเห็นว่า ภาพถ่ายในช่วงรอดต่อของภัยคุกคามสู่สภาวะความเป็นปกติใหม่นี้ จะเป็นสื่อเตือนใจให้ผู้คนตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท ดำรงชีวิตอย่างมีความหวังเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป            ภาพถ่ายเป็นสื่อประเภทหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ในการถ่ายนทอดเรื่องราว ความคิด ในการสื่อสารความหมาย เรื่องราว เหตุการณ์ สถานที่ ช่วงเวลา รวมถึงความหมายที่ผู้รับสารเกิดการรับรู้ด้วยการสัมผัสทางสายตา การสื่อสารด้วยภาพจึงเป็นวิธีการแสดงออกทางความคิดที่ง่ายตรงไปตรงมา ภาพถ่ายยังเป็นสื่อที่ช่วยสร้างความสนใจ การจดจำและการตีความหมายเนื้อหาและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นนามธรรมออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมและภาพถ่ายยังเป็นการสื่อสารความคิดของมนุษย์ผ่านภาษาภาพไปยังผู้ที่ต้องการสื่อสารด้วย           ภาพถ่ายเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิต เปรียบเสมือนสาร (Message) ที่ผู้ส่งสาร (Sender) ส่งไปยังผู้รับสาร (Receiver) ผ่านช่องทาง (Channel) ต่าง ๆ ภาพถ่ายเป็นสื่อที่สำคัญในการบันทึกความรู้สึก เหตุการณ์ ความทรงจำ รวมถึงค่านิยมเพื่อก่อให้เกิดสิ่งใหม่ผ่านการนำเสนอมุมมองทางความคิด ประสบการณ์ จินตนาการ ในการสะท้อนการรับรู้ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่อวิถีชีวิตของทุกสรรพสิ่ง            จากที่มาของแนวคิดข้างต้น จึงเกิดแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดมุมมองที่จะสะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ ผ่านมุมมองหลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมทั้งเชิงชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม ปรัชญา ศาสนา สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ผู้คนค้นพบวิถีปรับตัวสู่ชีวิตในวิถีใหม่อย่างสร้างสรรค์ในลักษณะใดบ้าง อะไรคือความหวังและความอยู่รอด ส่งผ่านความคิดมุมมองต่อการดำเนินชีวิตความหวังเพื่อความอยู่รอดของคนรุ่นต่อ ๆ ไป ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ ผู้เล่าเรื่อง ได้ศึกษาทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นองค์ความรู้ในการกำหนดแนวทางในการสร้างสรรค์ อันประกอบด้วย แนวคิดศิลปะแห่งการภาพถ่าย แนวคิดการสื่อความหมายด้วยภาพ และแนวคิดการถ่ายภาพแนว Life Photography จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้เล่าเรื่องกำหนดแนวคิดการสร้างสรรค์ภาพถ่าย ได้แก่ แนวคิดการสร้างสรรค์ กระบวนการสร้างสรรค์ และขั้นตอนการสร้างสรรค์ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ แนวคิดการสร้างสรรค์ ประกอบด้วย 1.1 แนวคิดหลัก (Main Idea) คือ ‘ภาพสะท้อนความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ผ่านมุมมองหลากหลายที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ 1.2 การพัฒนาแนวคิดหลัก ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดหลักมาเป็นหัวใจหลักของ           การสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography โดยเน้นการนำเสนอเรื่องราวของสรรพสิ่งที่มีชีวิตกระทำต่อกันที่สะท้อนความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีการจัดฉากเหตุการณ์ โดยสร้างสรรค์ผ่านความรู้ ประสบการณ์และแรงบันดาลใจของผู้เล่าเรื่อง กระบวนการสร้างสรรค์ ผู้เล่านำแนวคิด ‘ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ เป็นประเด็นสำคัญในการสื่อสารสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยมีเนื้อหาที่ต้องการสื่อความหมายให้รับรู้ถึงความงดงามที่ก่อตัวขึ้นเป็นธรรมชาตินั่นเกิดจากสรรพสิ่งที่มีชีวิตที่ให้และแบ่งปันซึ่งกันและกันเพื่อความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ เป็นเพียงสื่อที่นำพาไปสู่ความรู้สึกทางจิตใจทั้งของผู้ให้และผู้รับ และผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดการจัดวางองค์ประกอบทางศิลปะ โดยหลอมรวมเนื้อหาให้เป็นหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงสัมพันธ์กันเพื่อนำไปสู่จุดเด่นในภาพที่เกิดจากการเชื่อมโยงความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ3. ขั้นตอนการสร้างสรรค์ ผู้เล่าเริ่มจากการสำรวจสถานที่ โดยการนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้และเตรียมพร้อมบันทึกภาพเหตุการณ์นั้น ๆ โดยที่ภาพเหตุการณ์จะต้องปราศจากการจัดฉากหรือการปรุงแต่งใด ๆ เพียงแต่การเฝ้ารอจังหวะให้เหตุการณ์นั้นดำเนินเรื่องราวของมันไป โดยกำหนดและค้นหาฉากหลังที่ตรงกับการสื่อความหมายที่วางไว้ จากนั้นเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ ประกอบด้วย กล้อง เลนส์ ขาตั้งกล้อง เมมโมรีการ์ด ปรับตั้งค่าโหมด รูรับแสง สปีดชัตเตอร์ รวมถึงความยาวโฟกัสให้มีความพร้อม จากนั้นเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จินตนาการไว้ ผู้เล่าเรื่องอดทนรอจน Subject ที่ต้องการปรากฏตามตำแหน่งขององค์ประกอบภาพที่จินตนาการไว้ รวมถึงอากัปกิริยาของ Subject ที่ต้องการ แล้วลงมือกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) ☑ ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University      (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase)       เจ้าของความรู้/สังกัด ผศ.ดร.สำราญ แสงเดือนฉาย วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)☑ เจ้าของความรู้/สังกัด อาจารย์คมศร สนองคุณ วิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิธีการดำเนินการ ผู้เล่าเรื่องกำหนดขั้นตอนการดำเนินการภาพถ่ายไว้ โดยมีขั้นตอนคือ การบ่งชี้ความรู้ เครือข่ายนิเทศศาสตร์ จัดประกวดภาพถ่ายนานาชาติ ในหัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ โดยผู้เล่าสนใจส่งภาพถ่ายเข้าประกวด โดยผู้เล่าได้สนใจสร้างสรรค์ภาพถ่ายในประเด็นที่ทุกชีวิตล้วนมีความหวังเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคมในบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้อย่างไรบ้าง  การสร้างและแสวงหาความรู้ เมื่อกำหนดประเด็นการสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ ผู้เล่าดำเนินการแสวงหาประเด็นที่จะใช้ในการถ่ายภาพโดยให้เกี่ยวข้องกับ “สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด” โดยเน้นไปที่วิถีชีวิตของมนุษย์ที่ปรับตัวให้อยู่กับบริบทสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมไปถึงแสวงหาเทคนิคการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography เพื่อที่ทำให้สามารถถ่ายทอดเรื่องได้ตรงกับโจทย์มากที่สุด การจัดการความรู้ให้เป็นระบบ ผู้เล่าเรื่องมีขั้นตอนการจัดการความรู้โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ – Background : กลุ่มเครือข่ายนิเทศศาสตร์จัดประกวดภาพถ่ายนานาชาติ หัวข้อ ‘Human Condition : Hope and Survival (สถาวะมนุษย์ : ความหวังและความอยู่รอด)’ เพื่อสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Objective Communication : เพื่อสร้างการตระหนักรู้ต่อวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Target Audience : บุคคลที่มีต้องการความหวังเพื่อความอยู่รอด – What to Say Concept : ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม – Mood and Tone : ความหวัง ความอยู่รอด วิถีชีวิต และธรรมชาติ การประมวลและกลั่นกรองความรู้ ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิด ‘ทุกชีวิตล้วนมีความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดที่เชื่อมโยงสู่สายใยชีวิตและสังคม’ เป็นประเด็นสำคัญในการสื่อสารสะท้อนภาพความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยมีสาระสำคัญด้าน 1) เนื้อหา (Content) ผู้เล่าเรื่องกำหนดเนื้อหาที่ต้องการสื่อความหมายให้รับรู้ถึงความงดงามที่ก่อตัวขึ้นเป็นธรรมชาตินั่นเกิดจากสรรพสิ่งที่มีชีวิตที่ให้และแบ่งปันซึ่งกันและกันเพื่อความหวังและวิถีเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ เป็นเพียงสื่อที่นำพาไปสู่ความรู้สึกทางจิตใจทั้งของผู้ให้และผู้รับ 2) รูปทรง (Form) ผู้เล่าเรื่องนำแนวคิดองค์ประกอบทางศิลปะมาหลอมรวมเพื่อประกอบสร้างความหมายตามประเด็นเนื้อหาที่กำหนดไว้ คือ การจัดวางองค์ประกอบทางศิลปะ (Composition Art) ในแบบเอกภาพ (Unity) โดยหลอมรวมเนื้อหาให้เป็นหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงสัมพันธ์กันของส่วนประกอบอื่น นำไปสู่จุดเด่นในภาพที่เกิดจากการเชื่อมโยงความคิด ความรู้สึก และจินตนาการ  การเข้าถึงความรู้ สถานที่ ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นดินแดนอีสานใต้ ที่มีความงดงามทางด้านวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม ที่น่าสนใจ โดยมีจุดเด่น เป็นพื้นที่ที่มีแม่น้ำมูลไหลผ่าน ด้านล่างติดเทือกเขาพนมดงรักและชายแดนกัมพูชา ผู้คนมีหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันมานานนับพันปี จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมที่หลากหลาย ‘ตักบาตรข้าวเหนียว’ ก็เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ที่ทุกเช้าจะมีชาวบ้านจะมานั่งรอพระสงฆ์ที่เดินเรียงแถวกันมาเพื่อตักบาตรข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ ที่สืบทอดกันมายาวนานของวิถีชีวิตที่สงบ เรียบง่าย และงดงามอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทุกคนต้องเว้นระยะห่างในการตักบาตรเพื่อความปลอดภัยทั้งพระสงฆ์และชาวบ้าน การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ผู้เล่าได้เข้าไปศึกษาข้อมูลที่มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ในคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University เพื่อนำมาใช้เป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายในครั้งนี้ การเรียนรู้ ผู้เล่าได้เรียนรู้ดังนี้ 7.1 การสำรวจสถานที่ โดยการนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้และเตรียมพร้อมบันทึกภาพเหตุการณ์นั้น ๆ โดยที่ภาพเหตุการณ์จะต้องปราศจากการจัดฉากหรือการปรุงแต่งใด ๆ เพียงแต่การเฝ้ารอจังหวะให้เหตุการณ์นั้นดำเนินเรื่องราวของมันไป 7.2 การเลือกฉาก ผู้เล่าเรื่องค้นหาฉากหลังที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่ต้องการสื่อความหมาย ระหว่างนั้นเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ ประกอบด้วย กล้อง Mirrorless Sony A5100  เลนส์ 18-55 mm และขาตั้งกล้อง โดยปรับตั้งค่าโหมด AV รูรับแสง F2.8 สปีดชัตเตอร์ 1/250 ISO 200 รวมถึงกำหนดความยาวโฟกัสให้เก็บภาพได้เต็มตัว ให้มีความพร้อม จากนั้นเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จินตนาการไว้ 7.3 การบันทึกภาพ ผู้เล่าเรื่อง เฝ้ารอเหตุการณ์จน Subject ที่ต้องการปรากฏตามตำแหน่งขององค์ประกอบภาพที่จินตนาการไว้ รวมถึงอากัปกิริยาของ Subject ที่ต้องการ แล้วลงมือกดชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพ โดยบันทึกภาพหลาย ๆ ภาพเพื่อนำมาคัดเลือกภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้ง แสง สี ฉาก และอากัปกิริยาของ Subject 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน * 2.1 ผลงานการสร้างสรรค์ภาพถ่าย  ชื่อผลงาน : ‘Give Alms to a Buddhist Monk : ตักบาตรเช้า’ 2.2 อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน                    1) การเลือกสถานที่ สถานที่ถ่ายภาพเป็นสถานที่จริงที่มิได้มีการจัดฉากหรือองค์ประกอบใด ๆ ดังนั้นผู้ถ่ายทำต้องเลือกมุมและจัดองค์ประกอบภาพให้ภาพออกมาสมบูรณ์ในการสื่อความหมายมากที่สุด                    2) การเลือกฉาก ด้วยการเป็นชุมชนชนบท ฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าจะส่งให้ภาพมีความน่าสนใจมากกว่าที่จะเป็นบ้านเรือนหรือต้นไม้ในชุมชน                    3) การบันทึกภาพ ก่อนกดชัตเตอร์ผู้ถ่ายภาพต้องรอจังหวะเวลาที่ดีที่สุดเพราะเหตุการณ์นั้นจะเกิดเพียงเสี้ยววินาที หรืออาจต้องใช้การบันทึกภาพแบบต่อเนื่องเพื่อสามารถนำมาเลือกภาพที่ดีที่สุด 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           ผู้เล่าเรื่อง สรุปข้อค้นพบองค์ความรู้ใหม่ของการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life photography โดยสาระสำคัญ ดังนี้                    3.1 การถ่ายภาพแนว Life Photography เป็นการถ่ายภาพวิถีชีวิตที่สะท้อนมุมมองความคิด เรื่องราว สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เน้นเรื่องความเป็นจริงของสภาพที่เป็นไปในสังคม ไม่มีการจัดฉาก จะอยู่บนท้องถนน ในที่ใดก็ตาม มันก็คือภาพชีวิตจริง ไม่ได้จำกัดสถานที่และเวลา แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนไป ต้องเว้นระยะห่าง ต้องใส่หน้ากาก จึงทำให้ผู้เล่าเรื่องต้องมีการจัดวางองค์ประกอบภาพให้เหมาะสมกว่าปกติเพื่อการถ่ายภาพให้สมบูรณ์ที่สุด                    3.2 ฉากหน้าฉากหลัง ผู้เล่าเรื่องได้ใช้การองค์ประกอบภาพฉากหลังด้วยกฎสามส่วน โดยแบ่งเป็นพื้นดินสองส่วนท้องฟ้าหนึ่งเพื่อให้ฉากหลังกับวัตถุอยู่ในโทนสีข้างเคียงดูแล้วกลืนกันมีมิติที่น่าสนใจในการสื่อความหมายของภาพ                    3.3 เทคนิคการใช้กล้องและอุปกรณ์ต่าง ๆ ผู้เล่าเลือกถ่ายภาพแนวตั้งเพื่อจะได้บันทึกภาพแบบเต็มตัว ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดได้ใกล้และชัดเจนกว่าการถ่ายภาพแนวนอน อีกทั้งลดพื้นที่ด้านข้างของภาพแนวนอน จึงทำให้สามารถเน้นสิ่งที่ถ่ายได้ชัดเจนขึ้น เต็มตามากขึ้น ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           ผู้เล่าเรื่อง สรุปข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคตของการสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนว Life Photography เพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice โดยสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ด้านสถานที่ การนำตัวของผู้เล่าเรื่องเข้าไปร่วมในเหตุการณ์ตามเรื่องราวที่กำหนดไว้อาจยุ่งยากเพราะด้วยจังหวะเวลา และปรากฏการณ์นั้นอาจเกิดเพียงเสี้ยววินาที ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดี ในการสำรวจช่วงเวลาและสถานที่ก่อนบันทึกภาพเพื่อให้ได้ภาพที่ตรงกับการสื่อความหมายมากที่สุด การเลือกฉากหลัง ก่อนกดบันทึกภาพ สิ่งที่ผู้เล่าเรื่องต้องคำนึงถึงคือฉากหลังและองค์ประกอบภาพที่ผู้รับสารจะสัมผัสได้ผ่านภาพถ่ายนั้น ซึ่งบางครั้งการถ่ายภาพมีมุมจำกัดในการบันทึกภาพ ผู้ถ่ายภาพอาจต้องเตรียมอุปกรณ์ ทั้ง กล้อง เลนส์ ฯลฯ ให้ตรงกับภาพที่จะบันทึก การบันทึกภาพ ผู้เล่าเรื่องควรบันทึกภาพหลากหลายมุม หลากหลายองค์ประกอบ เพราะภาพที่เป็นธรรมชาติ อาจมีอากรับกิริยา อาการ อารมณ์ สีหน้า ท่าทาง ที่แตกต่างกันไปทุกเสี้ยววินาที การบันทึกภาพหลากหลายมุมและองค์ประกอบจะทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด

การสร้างสรรค์ภาพถ่ายนานาชาติ “Human Condition : Hope and Survival” Read More »

Scroll to Top