ปีการศึกษา 2566

การพัฒนาระบบสวัสดิการบุคลากร (RSU Welfare Online)

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.2.1 การพัฒนาระบบสวัสดิการบุคลากร (RSU Welfare Online) ผู้จัดทำโครงการ​ คุณเพ็ญนภา กุลกานต์สวัสดิ์ สำนักงานบุคคล หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​ สวัสดิการ เป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการของสำนักงานบุคคล และเป็นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ให้กับบุคลากร ดังที่สำนักงานบุคคลได้เสนอแผนยุทธศาสตร์ของการเป็น Smart Organization โดยมี Key Point คือ การทำให้บุคลากรอยู่ในองค์กรอย่างมีความสุขนั้น ซึ่งประเด็นแรกที่สำนักงานบุคคลได้ดำเนินงานคือการพัฒนาระบบสวัสดิการเข้าสู่ระบบออนไลน์                การใช้สวัสดิการการรักษาพยาบาลนั้นจะมีอยู่ 2 แบบคือ                1.การใช้ใบส่งตัว (ใช้กับสถานพยาบาลในเครือและโรงพยาบาลคู่สัญญา โดยไม่ต้องชำระค่ารักษาพยาบาล)                2.การสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล                สำนักงานบุคคลได้เล็งเห็นว่าการใช้ใบส่งตัวในรูปแบบที่ 1 สามารถนำขั้นตอนการดำเนินการแบบที่เป็นอยู่พัฒนาเข้าสู่ระบบออนไลน์ได้ ซึ่งการนำขั้นตอนการดำเนินงานจากระบบกระดาษเข้าสู่ระบบออนไลน์นั้น จะช่วยแก้ปัญหาสะสมที่เกิดขึ้นมาตลอดคือ การเสียเวลาของบุคลากรในการมาติดต่อขอรับใบส่งตัวที่สำนักงานบุคคล วันหยุดยาวที่ไม่สามารถมารับใบส่งตัวได้ ยอดค่ารักษาพยาบาลคงเหลือที่ไม่อัพเดท ความล่าช้าของข้อมูล ความไม่สะดวกในการติดต่อสอบถามยอดค่ารักษาต่างๆ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงานของสำนักงานบุคคล เพื่อให้สามารถนำเวลามาพัฒนาต่อยอดงานอื่นๆ  ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ ความเข้าใจในระบบภาพรวมของการใช้สวัสดิการการรักษาพยาบาลของบุคลากร ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะในการทำงานเป็นทีม/การทำงานข้ามหน่วยงาน/ทักษะในการติดต่อประสานงาน การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : อื่น ๆ แผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต (ยุทธศาสตร์ที่ 3 – Smart Organization) ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด   สำนักงานบุคคล เจ้าหน้าที่/ผู้ใช้ระบบจากสถานพยาบาลต่างๆ  ผศ.ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี นายขุนคำ ปองรักษา วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้ Knowledge Vision –KV “การพัฒนาระบบสวัสดิการออนไลน์เพื่องดใช้ใบส่งตัว” Knowledge Sharing -KS แผนการดำเนินงานม.ค.2565 – พ.ค.2565– ประชุมหารือการออกแบบระบบร่วมกันกับผู้เขียนระบบและสถานพยาบาลภายในมหาวิทยาลัยรังสิต ระบบจะถูกออกแบบเป็น 3 ส่วนของผู้ใช้งานได้แก่                    – ระบบส่วนของสำนักงานบุคคล                                                   – ระบบส่วนของสถานพยาบาล                   – ระบบส่วนของบุคลากร มิ.ย. 2565– เริ่มให้สถานพยาบาลภายในทดลองใช้ระบบ โดยมีการจัดอบรมเพื่ออธิบายการใช้ระบบให้ผู้ใช้งานของสถานพยาบาล พร้อมทั้งมีคู่มือการใช้งานให้กับสถานพยาบาล ทั้งนี้มีการสร้างกลุ่ม Line สถานพยาบาลเพื่อแจ้งปัญหาในการใช้ระบบ โดยมีการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างสม่ำเสมอ ส.ค.2566– เริ่มให้โรงพยาบาลคู่สัญญา (โรงพยาบาลภายนอก) ทดลองใช้ระบบ โดยยังเป็นการทดลองใช้ระบบแบบคู่ขนานกับการใช้ใบส่งตัว ซึ่งหากโรงพยาบาลพบปัญหาสามารถแจ้งผ่านตัวแทนที่ดูแลระบบได้โดยตรง เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีและไม่เกิดความสับสนและล่าช้าในการติดต่อ พ.ย.2566 – จากการพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง โรงพยาบาลเปาโล รังสิต เป็นโรงพยาบาลภายนอกแรกที่ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวในการเข้ารับการรักษา ปัจจุบัน– บุคลากรสามารถเข้ารับการรักษาทั้งจากสถานพยาบาลภายในเครือมหาวิทยาลัยรังสิตได้โดยไม่ต้องใบส่งตัว รวมถึงโรงพยาบาลเปาโลสามารถเข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว สำหรับโรงพยาบาลปทุมเวช โรงพยาบาลแพทย์รังสิต โรงพยาบาลวิภาวดี ยังเป็นระบบคู่ขนาน แต่หากบุคลากรไม่ได้นำใบส่งตัวไป ทางโรงพยาบาลสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากระบบ ซึ่งสำนักงานบุคคลจะประกาศแจ้งให้บุคลากรทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง  Knowledge Assets –KA จากการพัฒนาระบบเรื่อยมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปีมานั้น ระบบได้ถูกพัฒนาจนสามารถเก็บฐานข้อมูลของบุคลากรได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญในการนำไปใช้และต่อยอดการพัฒนาระบบอื่นๆต่อไปได้  2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน                 ปัจจุบันสำนักงานบุคคลใช้ระบบสวัสดิการออนไลน์ตั้งแต่ มิถุนายน 2565 โดยเริ่มจากทดลองให้สถานพยาบาลภายในเครือมหาวิทยาลัยเป็นกลุ่มแรกที่ใช้ระบบ และเริ่มทดลองให้โรงพยาบาลคู่สัญญา (โรงพยาบาลภายนอก) ใช้ระบบเมื่อ พฤศจิกายน 2566                อุปสรรคหรือปัญหา ในช่วงแรกมีค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานและวัฒนธรรมขององค์กรไม่ใช่ระบบสำเร็จรูป จึงต้องค่อยๆแก้ปัญหาที่พบเพื่อให้ระบบออกมาดีที่สุด โดยเฉพาะการคำนวณยอดรวมของเงินค่ารักษาพยาบาลให้ถูกต้อง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือความง่ายต่อผู้ใช้งานระบบ ระบบต้องใช้งานง่าย ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องหมั่นตรวจสอบ ติดตาม จากทั้งสถานพยาบาลภายในและภายนอก จากเจ้าหน้าที่บุคคลที่ใช้ระบบ ว่าพบเจอปัญหาหรือต้องการปรับปรุงแก้ไขตรงส่วนใดหรือไม่ พร้อมกับแก้ไขปัญหาและพัฒนาเรื่อยมาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีในการใช้งานระบบ       3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           การตรวจสอบผลการดำเนินการพบว่า หลังจากนำระบบสวัสดิการออนไลน์มาใช้ มีดังนี้    ประการแรก ข้อมูลที่สำนักงานบุคคลบันทึกไว้ มีความถูกต้อง สอดคล้องกับการทำงานได้มากกว่าและตรวจสอบได้มากกว่าระบบเก่าซึ่งเป็นระบบสำเร็จรูป    ประการที่สอง สถานพยาบาลสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ผ่านระบบ ทั้งข้อมูลชื่อ-สกุลของผู้เข้ารับการรักษา ข้อมูลของผู้ที่มีสิทธิใช้สวัสดิการ ข้อมูลงบสวัสดิการที่ใช้ได้ สามารถเรียกดูรายงานเพื่อสรุปยอดในแต่ละเดือน หรือดูบันทึกการเข้ารับการรักษาได้ นอกจากนี้งบสวัสดิการคงเหลือยังเรียลไทม์เพื่อที่จะแก้ปัญหาการใช้สวัสดิการเกินตามสิทธิ์ได้    ประการที่สาม ลดขั้นตอนการปฏิบัติตนและปฏิบัติงานของบุคลากรทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ คือการงดใช้ใบส่งตัว ทำให้บุคลากรเข้ารับการรักษาพยาบาลได้สะดวกและรวดเร็ว ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นในการในการขอใบส่งตัวและการออกรายงานของสถานพยาบาล    ประการที่สี่ บุคลากรสามารถตรวจสอบข้อมูลสวัสดิการของตนเอง ข้อมูลผู้ใช้สิทธิ์ร่วม รายการรับการรักษาทั้งผ่านระบบสวัสดิการและผ่านทาง Line Official Account ซึ่งช่องทางนี้จะประกาศให้บุคลากรในเดือนเมษายน 2567 นี้           การพัฒนาระบบสวัสดิการนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานบุคคลที่ดูแลระบบเรื่องการใช้สวัสดิการบุคลากร ซึ่งจะทราบขั้นตอนการดำเนินงานเป็นอย่างดี สถานพยาบาลที่ได้แบ่งปันข้อมูลในการดำเนินงานของตนเอง และผู้เขียนระบบ การทำงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย จึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้ระบบได้รับการพัฒนาออกมาอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการทำงานให้มากที่สุด           บทสรุปของการพัฒนาระบบสวัสดิการออนไลน์นั้น                   – มีฐานข้อมูลตั้งต้นสำหรับนำไปพัฒนาต่อ                   – ลดขั้นตอนที่ไม่มีความจำเป็น ลดการใช้ทรัพยากรที่ฟุ่มเฟือย                   – สร้างความร่วมมือข้ามหน่วยงาน การทำงานข้ามหน่วยงานเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้การทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อกัน            บทสรุปสุดท้ายของการพัฒนาระบบสวัสดิการออนไลน์ ระบบนี้จะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะช่วยให้บุคลากรมีความสะดวกและเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมความเป็น Smart Organization ตามยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice            เริ่มต้นของการเสนอแผนยุทธศาสตร์ในเรื่อง Smart Organization ประจำปี 2566-2567 ของสำนักงานบุคคลนั้น ได้เสนอเรื่องการยกระดับการให้บริการ RSU HR Connect แผนแรกคือระบบสวัสดิการออนไลน์ (Welfare) โดยสำนักงานบุคคลได้วางแผนไว้ว่าระบบนี้จะเป็นระบบตั้งต้นเพื่อพัฒนาต่อยอดได้ การที่สำนักงานบุคคลเลือกระบบสวัสดิการเป็นประการแรกเพราะเล็งเห็นว่า เรื่องสวัสดิการมีความสำคัญต่อบุคลากร โดยเฉพาะสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลมีความสำคัญกับบุคลากรค่อนข้างมาก ซึ่งที่ผ่านมาการใช้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและเสียเวลาเกินความจำเป็น จึงตัดสินใจพัฒนาระบบนี้เป็นระบบตั้งต้น ระบบนี้จะมีข้อมูลของบุคลากรที่จำเป็นอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ดีในการที่หน่วยงานอื่นสามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อได้ เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อหน่วยงานอื่นต้องใช้ข้อมูลบุคลากร จะต้องขอจากสำนักงานบุคคลเท่านั้น และเป็นที่ทราบกันดีว่าข้อมูลบุคลากรมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น ระบบนี้จึงมีข้อมูลพื้นฐานที่จะเป็นข้อมูลกลางให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในอนาคต

การพัฒนาระบบสวัสดิการบุคลากร (RSU Welfare Online) Read More »

การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการเงินภายในของศูนย์บริการวิชาการด้วย Google Sheet

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 3 : KR 3.2.1, KR 3.4.1, KR 3.4.3, KR 3.4.4 การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการเงินภายในของศูนย์บริการทางวิชาการ ด้วย Google Sheet ผู้จัดทำโครงการ​ ผศ.ดร.ธรรณพ อารีพรรค, คุณนงเยาว์ พุ่มประเสริฐ, คุณสุภาวิตา ตรุยานนท์ และ ผศ.ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี ศูนย์บริการทางวิชาการ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​             ศูนย์บริการทางวิชาการเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการให้บริการวิชาการแก่ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยมีการดำเนินงานที่หลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1. งานบริการทางวิชาการและหน่วยบริการทางวิชาการ 2. งานประกันคุณภาพด้านการบริการวิชาการ 3. งานอบรมหลักสูตรระยะสั้น และ 4.งานอบรมภายในสำหรับบุคลากร (Cyber U) ทั้งนี้ในการดำเนินงานของแต่ละส่วนงานดังกล่าว จะมีประเด็นด้านการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการรับและเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการต่างๆ ดังนั้นศูนย์บริการทางวิชาการ จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่รับหน้าที่ในการดำเนินการด้านการเงินภายในศูนย์ฯ ให้เก็บเอกสารหลักฐานการรับและจ่าย พร้อมทั้งออกเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการเก็บไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งนำเงินส่งทางมหาวิทยาลัยตามประเภทงานต่างๆ และส่งสรุปข้อมูลให้คณะใช้เป็นข้อมูลประกอบงานประกันคุณภาพและรายงานตามตัวชี้วัดของมหาวิทยาลัยในแต่ละปีการศึกษา โดยการดำเนินนั้นจะจัดเก็บและบันทึกข้อมูลในรูปแบบของกระดาษเป็นส่วนใหญ่ โดยมีแผนภาพการดำเนินการเบื้องต้นดังรูปต่อไปนี้           จากรูปข้างต้นจะพบว่าเจ้าหน้าที่การเงินจะมีการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ในรูปแบบกระดาษ แล้วจึงส่งต่อข้อมูลในรูปกระดาษเพื่อให้เจ้าที่สรุปข้อมูลบันทึกข้อมูลลงในโปรแกรม excel เพื่อดำเนินการสรุปข้อมูลต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินการ โดยสรุปได้ในเบื้องต้นดังนี้1. ตัวเลขจากเจ้าหน้าที่การเงินไม่สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่สรุปข้อมูล2. ไม่สามารถติดตามข้อมูลต่างๆของเจ้าหน้าที่การเงินได้แบบออนไลน์และเรียลไทม์3. การดำเนินการต่างๆมีความล่าช้าเนื่องจากเอกสารค่อนข้างเยอะ4. ไม่สามารถสรุปข้อมูลได้แบบออนไลน์และเรียลไทม์ ซึ่งหากสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ จะทำให้การดำเนินงานด้านการเงินและการติดตามข้อมูลต่างๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการจึงเสนอให้มีการใช้ Google Sheet เข้ามาใช้ในการจัดการงานด้านการเงินในการบันทึกข้อมูลการรับเงิน การเบิกจ่าย พร้อมทั้งใช้ในการออกใบสำคัญรับเงิน ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ ใบสำคัญจ่าย ใบอนุมัติเช็ค และใบอนุมัติถอนเงิน อีกทั้งสามารถใช้ในการสรุปข้อมูลต่างๆ โดยสามารถเรียกดูข้อมูลทั้งหมดได้พร้อมๆกันหลายๆในรูปแบบออนไลน์แบบเรียลไทม์อีกด้วย ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้                               จากการวิเคราะห์รูปแบบของงานด้านการเงินที่มีอยู่ในศูนย์บริการวิชาการนั้น ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการได้มีการใช้ Google Sheet เข้ามาใช้ในการจัดการงานด้านการเงิน โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สำคัญดังต่อไปนี้ ความรู้ด้านการบันทึกบัญชีและการเงิน: การนำ Google Sheet มาใช้ในการบันทึกข้อมูลการรับเงิน การเบิกจ่าย และการจัดทำเอกสารทางการเงินต่างๆ เช่น ใบสำคัญรับเงิน ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ ใบสำคัญจ่าย ใบอนุมัติเช็ค และใบอนุมัติถอนเงิน ทำให้การบันทึกและจัดการข้อมูลทางบัญชีและการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้อง ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ: การใช้ Google Sheet ซึ่งเป็นเครื่องมือออนไลน์ที่ทำงานแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การเข้าถึงและแชร์ข้อมูลทำได้สะดวกรวดเร็ว ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเรียกดูและแก้ไขข้อมูลพร้อมกันได้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการติดตามข้อมูล ความรู้ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล: Google Sheet มีฟังก์ชันและเครื่องมือที่หลากหลายในการประมวลผลและสรุปข้อมูล ทำให้สามารถนำข้อมูลที่บันทึกไว้มาวิเคราะห์และจัดทำรายงานสรุปในรูปแบบต่างๆได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและวางแผนงานของผู้บริหารได้ดียิ่งขึ้น ความรู้ด้านการทำงานเป็นทีม: การใช้ Google Sheet ยังช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม เนื่องจากสมาชิกในทีมสามารถเข้าถึง แก้ไข และปรับปรุงข้อมูลได้พร้อมกันแบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดการสื่อสารและประสานงานที่ดี ลดความผิดพลาดและความล่าช้าในการทำงาน           ด้วยความรู้และประสบการณ์เหล่านี้ ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการจึงเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการนำ Google Sheet มาประยุกต์ใช้ในการจัดการงานด้านการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้อง ความโปร่งใส และการทำงานเป็นทีมให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในการทำงานแบบเดิมและยกระดับการดำเนินงานของศูนย์บริการทางวิชาการโดยรว ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : Google Sheet ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด  บุคลากรในศูนย์บริการทางวิชาการ วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้           ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการจัดประชุมบุคลากรภายในหน่วยงานเพื่อสอบถามถึงการทำงาน ปัญหา อุปสรรค รวมทั้งกำหนดพัฒนางาน และแนวทางในการพัฒนาบุคลากรรายบุคคล โดยมีแผนสำหรับการปรับปรุงการทำงานด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชา ดังนี้ ส่งบุคลากรที่เกี่ยวข้องเข้าอบรมการใช้งานโปรแกรม Excel มอบหมายให้รองผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาระบบให้รองรับการทำงานด้านการเงินของศูนย์ทางวิชาการโดยใช้ Google Sheet เนื่องจากมีหลักการทำงานเหมือน Excel แต่ Google Sheet สามารถเข้าใช้งานได้พร้อมกันหลายๆคนในรูปแบบออนไลน์ และสามารถเรียนดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย ทดลองนำมาใช้ในการปฏิบัติงานจริง 2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน                ผลการดำเนินการแผนสำหรับการปรับปรุงการทำงานด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชา ดังนี้ บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมการอบรมเรื่อง พื้นฐานการจัดการข้อมูลด้วย EXCEL รุ่นที่ 1 จัดโดย สำนักงานพัฒนาบุคคล มหาวิทยาลัยรังสิต บรรยายโดย ผศ.ดร.วุฒิพงษ์ ชินศรี รองผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาได้พัฒนาระบบการทำงานด้านการเงินของศูนย์ทางวิชาการบน Google Sheet เพื่อนำมาใช้ในการบันทึกข้อมูลการรับเงิน การเบิกจ่าย และการจัดทำเอกสารทางการเงินต่างๆ เช่น ใบสำคัญรับเงิน ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ ใบสำคัญจ่าย ใบอนุมัติเช็ค และใบอนุมัติถอนเงิน ทำให้การบันทึกและจัดการข้อมูลทางบัญชีและการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้อง โดยมีออกแบบ Sheet ต่างๆ และมีการผูกสูตรคำนวณเพื่อให้ข้อมูลในแต่ล่ะ Sheet เชื่อมโยงกัน เพื่อแสดงผลลัพธ์ตามที่กำหนดไว้ โดยออกแบบไว้ทั้งหมด 10 Sheet โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้                    2.1)  โครงการ: สำหรับใช้ในการบันทึกข้อมูลโครงการทั้งหมด ตัวอย่างเช่น รหัสโครงการ ชื่อโครงการ หน่วยงานที่ว่าจ้าง มูลค่างาน หัวหน้าโครงการ คณะวิทยาลัย ประเภท เปอร์เซ็นต์ งวดงานทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการกำหนดประเภทของโครงการต่างๆไว้อย่างชัดเจน ดังรูปต่อไปนี้                    2.2) รับ: ใช้ในการบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินเข้าในบัญชี โดยจะมีการเชื่อมโยงรหัสโครงการทำให้สามารถทราบได้ทันทีว่ายอดเงินที่รับเข้ามาจะถูกหักเข้ามหาวิทยาลัยเป็นจำนวนเงินเท่าไ ตัวอย่างดังรูปต่อไปนี้                    2.3) ใบเสร็จรับ: ใช้สำหรับพิมพ์ใบสำคัญรับเงิน โดยผู้ใช้สามารถกรอกเลขรับจากข้อ2 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับพิมพ์ใบสำคัญรับเงิน ดังนี้                    2.4) จ่าย: ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลการเบิกจ่ายในโครงการต่างๆ ดังนี้                    2.5) เบิก: ใช้สำหรับพิมพ์ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ โดยผู้ใช้สามารถกรอกรหัสจ่ายจากข้อ4 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับพิมพ์ใบเบิกค่าบริการทางวิชาการ ดังนี้                    2.6) ใบสำคัญจ่าย: ใช้สำหรับพิมพ์ใบสำคัญจ่าย โดยผู้ใช้สามารถกรอกรหัสจ่ายจากข้อ4 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับพิมพ์ใบสำคัญจ่าย ดังนี้                    2.7) อนุมัติจ่ายเช็ค: ใช้สำหรับพิมพ์ใบขออนุมัติโอนเงินสำหรับออกเช็ค โดยผู้ใช้สามารถกรอกรหัสจ่ายจากข้อ4 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับใบขออนุมัติโอนเงินสำหรับออกเช็ค ดังนี้                    2.8) อนุมัติถอนเงิน: ใช้สำหรับพิมพ์ใบขออนุมัติโอนเงิน โดยผู้ใช้สามารถกรอกรหัสจ่ายจากข้อ4 เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงในหน้านี้สำหรับใบขออนุมัติโอนเงิน                    2.9) แยกประเภทรายได้: ใช้สำหรับดูสรุปรายได้แยกตามประเภทงานต่างๆ ดังนี้                    2.10) แยกคณะ: ใช้สำหรับดูสรุปรวมรายรับ-รายจ่ายแยกตามคณะ           3. ทดลองนำระบบการดำเนินการด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชาการบน Google Sheet มาใช้ในการปฏิบัติงานจริง 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่                จากการใช้งานระบบการดำเนินการด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชาการบน Google Sheet เป็นระยะเวลาหนึ่ง ทางศูนย์ฯ ได้ทำการตรวจสอบผลการดำเนินการและพบว่า ระบบใหม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในระบบเดิมได้เป็นอย่างดี การบันทึกข้อมูลการรับ-จ่ายเงินมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันมากขึ้น การออกเอกสารทางการเงินต่างๆ ทำได้รวดเร็วและมีความผิดพลาดน้อยลง และการสรุปรายงานทางการเงินสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถติดตามผลการดำเนินการในโครงการต่างๆได้แบบเรียลไทม์                บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบใหม่ได้ให้ข้อมูลว่า Google Sheet ใช้งานง่าย ทำให้การทำงานด้านการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานร่วมกันผ่านระบบออนไลน์ช่วยให้การสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการเปลี่ยนผ่านไปใช้ระบบใหม่ บุคลากรบางส่วนยังต้องการเวลาในการปรับตัวและเรียนรู้การใช้งาน ซึ่งได้นำความรู้จากการเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาตนเองด้วยทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนางาน และมีผลเชิงประจักษ์ที่แสดงถึงความสามารถในการทำงานได้ดีขึ้น บรรลุเป้าหมายแผนพัฒนาบุคลากร เป็นรายบุคคล เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด                บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ จากการนำ Google Sheet มาใช้ในการจัดการงานด้านการเงิน ทำให้ได้ข้อสรุปความรู้ที่สำคัญ ดังนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ เช่น แอปพลิเคชันบนคลาวด์อย่าง Google Sheet สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการอย่างรอบด้านเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาและตอบโจทย์การทำงาน การให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นแก่บุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิผล การทำงานแบบออนไลน์และเรียลไทม์ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นทีม การสื่อสาร และการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานยุคใหม่   ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice            ในส่วนของระบบการดำเนินการด้านการเงินของศูนย์บริการทางวิชาการบน Google Sheet ในอนาคตจะมีการปรับปรุงทั้งส่วนการกรอกข้อมูลให้ง่ายขึ้น และปรับปรุงในส่วนการแสดงผลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นทางการมากยิ่งขึ้น            สุดท้ายนี้ศูนย์บริการทางวิชาการเชื่อในเรื่องของการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนการทำงานและการตัดสินใจ โดยให้ความสำคัญกับการจัดเก็บ วิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานมีความชัดเจน โปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน เพื่อสงเสริมการทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการเงินภายในของศูนย์บริการวิชาการด้วย Google Sheet Read More »

ทำอย่างไรให้นักศึกษาไทยและต่างชาติมีปฏิสัมพันธ์กันผ่านกิจกรรมการบูรณาการทางวิชาการในรายวิชา

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 4 : KR 4.1.3 ทำอย่างไรให้นักศึกษาไทยและต่างชาติมีปฏิสัมพันธ์กันผ่านกิจกรรมการบูรณาการทางวิชาการในรายวิชา ผู้จัดทำโครงการ​ อ.อำพร พัวประดิษฐ์ อ.อุษณีย์ มะลิสุวรรณ และ อ.ศรีสองรัก พรหมวิทักษ์ วิทยาลัยนานาชาติ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           นักศึกษาไทยและนักศึกษาต่างชาติมีโอกาสค่อนข้างจำกัดในการทำกิจกรรมแบบมีปฏิสัมพันธ์กัน (Interactive activity) เพื่อพัฒนาทักษะในการสื่อสารและการเรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ในขณะที่กิจกรรมที่มีอยู่ก็มักเป็นไปในลักษณะพัฒนาตนเองโดยเฉพาะ และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนน้อย อาทิเช่น การไปแลกเปลี่ยนนักศึกษา ซึ่งต้องอาศัยความสนใจอย่างเข้มข้นจริงจัง ความมั่นใจในตนเอง ความสามารถในการสื่อสารและสถานภาพทางเศรษฐกิจ หรือการเข้าร่วมสัมมนา มักเป็นลักษณะ one way communication  ปราศจาก engagement การมีส่วนร่วมในการสื่อสารแสดงความคิดเห็น เนื่องจากข้อจำกัดทางภาษา (Language barrier) จึงนำไปสู่แนวคิดในการจัดทำกิจกรรมเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ของนักศึกษาสองกลุ่มนี้ โดยการบูรณาการวิชาการในรายวิชาของหลักสูตรไทย และหลักสูตรนานาชาติร่วมกัน  วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะความเป็นนานาชาติผ่านกิจกรรมในห้องเรียน เช่น การถกเถียงระดมความคิดการวิเคราะห์และแก้ปัญหา ตลอดจนเรียนรู้ผ่านวัฒนธรรมต่าง ๆ ร่วมกันความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ Integration: การบูรณาการการจับคู่บูรณาการรายวิชาที่เหมาะสมโดยผู้สอนทั้งสองฝ่ายสมัครใจและต้องการพัฒนาทั้งตัวผู้สอนเองและตัวนักศึกษา เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นสากล (Internationalization) ผู้สอนสามารถออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับแนวทางของวิชาตนเอง เช่น การสัมภาษณ์คนไข้, การเล่นเกมส์, การต่อ Lego การ discussion ด้านวัฒนธรรม Communication: การสื่อสารทำอย่างไรให้นักศึกษาไทยมีจุดเริ่มต้นในการกล้าพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติในลักษณะที่สามารถเข้าใจกันได้ โดยไม่คาดหวังความถูกต้องของโครงสร้างทางภาษา 100% ส่วนนักศึกษาต่างชาติหัดพูดทักทายเป็นภาษาไทย Personality: บุคลิกภาพทำอย่างไรให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้บุคลิกภาพที่มีมิติทางวัฒนธรรมของแต่ละผ่าย เพื่อให้เข้าใจลักษระการตอบสนองจากการสื่อสารผ่านวัจนภาษา (verbal communication) และอวัจนภาษา (non-verbal communication) ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explecit Knowledge) : ความรู้จากคลังความรู้ของเว็บไซต์ระบบการจัดการความรู้ KM Rangsit University (http://lc.rsu.ac.th/km/Knowledgebase) เจ้าของความรู้/สังกัด หลากหลาย ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด อ.อำพร พัวประดิษฐ์  อ.อุษณีย์  มะลิสุวรรณ อ.ศรีสองรัก พรหมวิทักษ์ วิทยาลัยนานาชาติ  วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้ แสวงหาความร่วมมือจากผู้สอนทั้งหลักสูตรไทยและนานาชาติและจับคู่รายวิชา แบ่งกลุ่มทำงานนักศึกษาที่มีส่วนผสมระหว่าง Thai และ non-Thai อย่างเหมาะสม เตรียมกิจกรรมที่เหมาะสม ไม่ยาก หรือซับซ้อนและสนุก เตรียมใจนักศึกษาทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะนักศึกษาต่างชาติต้องมีความเข้าใจบุคลิกภาพของนักศึกษาไทยที่มักแสดงออกผ่านอวัจนภาษาในการสื่อสาร เช่น ยิ้มมากกว่าพูด นักศึกษาสรรหาเทคนิคเองเพื่อสร้างแรงจูงใจให้อีกฝ่ายแสดงออกมา เช่น การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ผู้สอนทำหน้าที่เป็น coach ดึงเอาความสามารถของนักศึกษาออกมาและกระตุ้นให้มีการ discussion, critical analysis, problem-solving, solution และpresentation 2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน  อุปสรรคทางภาษา (Language barrier) ยังคงเป็นปัญหาหลักในตอนเริ่มต้นของนักศึกษาไทย แต่ถูกทะลายลงด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สนุกสนาน การไม่มีช่องว่างระหว่งวัยและความคิด ตัวกิจกรรมที่ไม่ซับซ้อนและเป็นเรื่องใกล้ตัวเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การ discussion ด้านวัฒนธรรม ทำให้ทั้งสองฝ่ายกล้าแสดงออกมากขึ้น โดยเฉพาะนักศึกษาไทย  เวลาที่ใช้ดำเนินการประมาณ 2 ชั่วโมง/วัน เหมาะสมกับกิจกรรม ทุกคนตั้งใจทำงานให้บรรลุเป้าหมาย นักศึกษาไทยและต่างชาตินำเสนอหน้าชั้นร่วมกัน โดยฝ่ายแรกใช้ภาษาอังกฤษนำเสนออย่างง่าย ๆ เข้าใจได้ บางคนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี เป็นที่ชื่นชมของเพื่อนร่วมชั้น          3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่ เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคทางภาษา ผู้สอนทำหน้าที่เป็น coach ดึงความสามารถนักศึกษาออกมาพร้อมทั้งกระตุ้นให้กำลังใจ ไม่จับผิด ให้เป็นตัวของตัวเองและกล่าวยกย่องชมเชย การเตรียมความพร้อม ไม่ใช่เฉพาะสำหรับนักศึกษาเท่านั้น แต่รวมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคือผู้สอนทั้งสองฝ่าย ผู้เรียน และเจ้าหน้าที่ เพื่อให้บรรยากาศของกิจกรรมน่าสนใจ ไม่น่ากลัว ทำให้นักศึกษาอยากเข้าร่วมเพราะสนุกและได้เพื่อนใหม่ นักศึกษาไทยสะท้อนเรื่องเวลาของกิจกรรมที่น้อยไป จึงนำไปสู่การเพิ่มเวลาจาก 3 ชั่วโมงเป็น 9 ชั่วโมง (3 วันไม่ต่อเนื่อง) ในครั้งต่อ ๆ ไป และอยากให้จัดกิจกรรมแบบนี้เพิ่มขึ้นอีก เรียนรู้ข้ามวัฒนธรรมที่สร้างรอยยิ้มร่วมกัน เช่น ขนมครก นักศึกษาพม่าเรียกว่า Husband and wife cake โดยอธิบายจากลักษณะของขนมที่มีสองฝาประกบบนล่าง ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice นักศึกษานานาชาติอยากให้เพิ่มความท้าทายและความน่าสนใจของกิจกรรมให้มากขึ้น กิจกรรมครั้งต่อ ๆ ไปจึงเน้น discuss เพื่อทำ business deal ร่วมกัน หรือออกแบบ design สินค้าร่วมกัน เพิ่มเวลากิจกรรมมากขึ้นในครั้งต่อไป โดยดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีการศึกษา รวมรายวิชาที่เข้าร่วมทั้งสิ้นโดยประมาณ 10 รายวิชา จากวิทยาลัยนานาชาติ คณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม  คณะรัฐศาสตร์  คณะเทคนิคการแพทย์

ทำอย่างไรให้นักศึกษาไทยและต่างชาติมีปฏิสัมพันธ์กันผ่านกิจกรรมการบูรณาการทางวิชาการในรายวิชา Read More »

พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง เจริญพระพุทธมนต์ และปฏิบัติธรรมโดยความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัช มหาวิทยาลัยรังสิต และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.1.2 พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง เจริญพระพุทธมนต์ และปฏิบัติธรรมโดยความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ผู้จัดทำโครงการ​ ดร.ทนพ.ปฐมพงษ์ สถาพรพงษ์ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ปัจจุบันความเจริญทางด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งก่อให้เกิดวัสดุ อุปกรณ์ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน เครื่องทุ่นแรง การสื่อสาร รวมถึงการดูแลรักษาโรค เป็นต้น นวัตกรรมใหม่ ๆ มีบทบาทกับหลายกิจกรรมในการดำรงชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เริ่มตื่นนอน ครอบคลุมในขณะหลับตลอดรุ่งจวบกระทั่งรุ่งเช้าที่ชีวิตของมนุษย์ได้เริ่มต้นอีกครั้งในวันใหม่ หากพบว่าความเจริญด้านวัตถุกลับมีทิศทางที่สวนทางกับการพัฒนาทางด้านจิตใจของพลเมืองในหลายสภาวะสังคมและประเทศชาติ สภาพสังคมและเศรษฐกิจ การทำงาน การแข่งขันในหลากหลายด้านเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดในสังคมล้วนส่งผลให้เกิดสภาวะที่ทำให้การพัฒนาคุณภาพทางจิตใจถดถอยอันจะนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพทั้งทางกายและจิตได้           00การให้โอกาสตนเองได้เจริญปัญญาและขัดเกลาทำจิตใจให้ผ่องใสเบิกบานเป็นวิถีทางที่ลดความตึงเครียดทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงเป็นการฟื้นฟูคุณภาพของจิตให้เจริญสอดคล้องไปกับการเจริญและพัฒนาทางด้านวัตถุจึงเป็นสิ่งจำเป็นและควรได้รับการสนับสนุนส่งเสริม วิทยาลัยเภสัชศาสตร์เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมให้บุคลากรทุกฝ่าย ตลอดจนนักศึกษาได้มีโอกาสพัฒนาคุณภาพทางด้านจิตใจและเจริญปัญญาจึงมีโครงการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อส่งเสริม และสนับสนุนด้านจริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และสร้างสรรค์แนวทางปฏิบัติที่ดีในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนากับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม โดยได้รับความอนุเคราะห์คณะสงฆ์มารับสังฆทานและแสดงพระธรรมเทศนาเพื่อช่วยฟื้นฟูและยกระดับจิตใจของบุคลากรและนักศึกษาให้ผ่อนคลายและเจริญปัญญา ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ เขียนโครงการและวางแผนการดำเนินงานตั้งแต่ต้นภาคการศึกษา ร่างกรอบและแนวทางปฏิบัติความร่วมมือในการส่งเสริม และสนับสนุนด้านจริยธรรมระหว่างสองสถาบัน ประสานงาน งานเพื่อดำเนินโครงการพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร โดยมีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร โดยพระพรหมวัชราจารย์ เจ้าอาวาส พระเมธาวินัยรส พระวชิรธรรมเมธี และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เภสัชกรธนภัทร ทรงศักดิ์ คณบดีวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อส่งเสริม และสนับสนุนด้านจริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และสร้างสรรค์แนวทางปฏิบัติที่ดีในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ในวันที่ 26 กันยายน 2565 ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ดำเนินกิจกรรมตามแผนของโครงการ โดยมีคณะสงฆ์มารับสังฆทานและแสดงพระธรรมเทศนาเพื่อช่วยฟื้นฟูและยกระดับจิตใจของบุคลากรและนักศึกษาเป็นประจำทุกปีการศึกษา ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) : อื่นๆ  ได้แก่ ความรู้ที่เกิดประสบการณ์การจัดโครงการแล้วบุคลากรและนักศึกษาวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด  ดร.ทนพ.ปฐมพงษ์ สถาพรพงษ์ วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ วิธีการดำเนินการ 2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง           คณะผู้บริหารวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรในสังกัดและนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ให้มีโอกาสได้เจริญปัญญา พัฒนาจิตใจ และร่างกาย โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 7:30-9:00 น. ณ สวนหน้าอาคาร 4  โดยมีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร ตลอดจนนักศึกษาวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ ที่เห็นความสำคัญและโอกาสที่จะได้พัฒนา จิตใจ และเจริญปัญญาอันเป็นวิถีทางที่นำไปสู่ระงับทุกข์ หรือความเครียดรวมถึงก่อให้เกิดปัญญาอันนำไปสู่การหาทางออกและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการปฏิบัติงานและการศึกษาเล่าเรียนทำให้เกิดผลดีและประสิทธิผลสูงสุดในการปฏิบัติงานและการเล่าเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่าร้อยละ 60 และมีความพึงพอใจในกิจกรรม          3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           การดำเนินกิจกรรมเป็นโครงการความร่วมมือทั้งทางด้านวิชาการ การส่งเสริม และสนับสนุนด้านจริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และสร้างสรรค์แนวทางปฏิบัติที่ดีในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเพื่อให้คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษาได้มีความสัมพันธ์ที่ดีในการร่วมดำเนินกิจกรรมในรั้ววิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โอกาสในการพัฒนาสติ เจริญปัญญา ทบทวนและขัดเกลาคุณธรรมและจริยธรรม สร้างสติภายในตัวเพื่อให้ทั้งคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาใช้ชีวิตทั้งการปฏิบัติงานการเรียนและการสอน ตลอดจนความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร ตลอดจนเป็นโครงการต่อเนื่องเพื่อสร้างสันติสุข ปลูกฝัง คุณธรรม จริยธรรม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการสืบสานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมผ่านการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่มีพันธกิจหลักในการสร้างบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ ร่วมกับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นสถาบันที่มีบทบาท ส่งเสริมและสนับสนุน คุณธรรม จริยธรรม การประกอบสัมมาชีพและจรรโลงไว้ซึ่งพระศาสนา โดยผลที่เกิดขึ้นส่งเสริมให้คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาวิทยาลัยเภสัชศาสตร์มีโอกาสได้ฟังธรรมตามกาล ได้ฝึกสติ เจริญภาวนาซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้มีสติ อันจะนำไปสู่การหาทางออกและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นทั้งในการศึกษาเล่าเรียน และในชีวิตประจำวัน รวมถึงมีโอกาสสั่งสมบุญบารมี ได้มีโอกาสบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเกิดการบ่มเพาะ และส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรม และความซื่อสัตย์ทั้งต่อการศึกษาเล่าเรียนและต่อวิชาชีพ  ตลอดจนนักศึกษาเภสัชศาสตร์มีโอกาสในการทำกิจกรรมและสร้างความสัมพันธ์กับทั้งคณาจารย์และบุคลากรอื่น ๆ การมีสุขภาพทั้งกายและจิตที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาและสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพเจริญพร้อมทั้งทางด้านวัตถุและคุณภาพทางจิตใจส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยรังสิตสามารถสร้างบัณฑิตเภสัชศาสตร์ ที่มีคุณธรรม จริยธรรม วางตนในบริบทที่เหมาะสม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อมหาวิทยาลัย  ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           เนื่องจากเป็นโครงการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ที่มีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างทั้งสองสถาบัน ดังนั้นการดำเนินกิจกรรมจึงมีกรอบแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสามารถดำเนินโครงการต่อเนื่องตามแนวทางความร่วมมือระหว่างสองสถาบันได้อย่างเกิดประสิทธิผล หลักฐานและเอกสารประกอบ

พิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง เจริญพระพุทธมนต์ และปฏิบัติธรรมโดยความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเภสัช มหาวิทยาลัยรังสิต และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม Read More »

กีฬาว่ายน้ำสู่การพัฒนาแห่งความเป็นเลิศ

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.1.3 กีฬา ว่ายน้ำ สู่ การพัฒนาแห่ง ความเป็นเลิศ ผู้จัดทำโครงการ​ อ.อสมาพัณณ์ บุญเกิด และ ผศ.ปรานม ดีรอด สถาบันกีฬา หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งการพัฒนาประเทศให้เจริญได้นั้นต้องมีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ กีฬาสร้างเสริมสุขภาพ สร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ สร้างเศรษกิจ สร้างความเจริญ กีฬาเป็นจักรกลสำคัญในการพัฒนาคุณภาพบุคคล ซึ่งสามารถพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสติปัญญาได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเห็นควรปลูกฝัง และให้การส่งเสริม กีฬา ตั้งแต่ระดับเยาวชนเป็นต้นไป พัฒนากีฬา พัฒนาคน พัฒนาประเทศ นักเรียนเป็นเยาวชนของชาติที่มีการพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อย่างรวดเร็ว การพัฒนาในด้านต่าง ๆ ของเยาวชนควรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน ความสามารถของเยาวชนแต่ละคนมีอยู่ในตัวแล้ว ถ้าได้รับการกระตุ้นหรือเสริมแรงจะทำให้เห็นเด่นชัดในความสามารถ และสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง แก่สังคม และแก่ประเทศชาติ ประกอบกับปัจจุบันนักจิตวิทยา และนักวิชาการได้มีการยอมรับว่า ทักษะทางด้านกีฬาเป็นทักษะทางปัญญาอีกด้านหนึ่ง เยาวชนสมควรได้รับการพัฒนาทางด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับวัยและความถนัด ดังนั้น เพื่อให้เป็น University Social Responsibility (USR) หรือ มหาวิทยาลัยกับความรับผิดชอบต่อสังคม จึงมีแนวคิดในการสร้างพัฒนากี ว่ายน้ำ อย่างเป็นระบบ โดย ส่งเสริมสนับสนุนการเล่นกีฬาว่ายน้ำ กำกับดูแลฝึกซ้อม ส่งนักกีฬาในสังกัดเข้าร่วมการแข่งขันในระดับต่าง ๆ และจัดการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำ โดย มุ่งเน้น กลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 6-1 7 ปี ที่ยังคงศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา  ซึ่งขาดการสนับสนุนอย่างจริงจัง เป็น กลุ่มที่มีศักยภาพที่จะก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพได้ เปรียบเสมือนการสร้างฐานไว้ แต่มิได้มีการต่อยอดเป็น โดยให้มีการถ่ายทอดความรู้ทักษะ และ เทคนิคกีฬา ตลอดจนระเบียบ วินัย และมารยาทในการเล่นการฝึกกีฬาไปสู่ความเป็นเลิศ และกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติต่อไปในระดับนานาชาติ ให้ได้มาตรฐานสากล ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติ และเป็นนักกีฬาอาชีพ พัฒนาชาติต่อไปในระดับนานาชาติ ให้ได้มาตรฐานสากล ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติ และเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไปในอนาคตต่อไปในอนาคต ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้ ที่นำมาใช้          เริ่มในสิ่งที่ชอบ มาสู่ความรับผิดชอบเริ่มในสิ่งที่ชอบ มาสู่ความรับผิดชอบ ในเรื่องของในเรื่องของ “กีฬาว่ายน้ำ” ในอดีตเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำมาก่อน เป็นครูสอนว่ายน้ำเป็นครูสอนว่ายน้ำพิเศษพิเศษตามตามโรงเรียนโรงเรียนต่าง ๆ ใน กทม. เพื่อหารายได้ระหว่างการศึกษาเล่าเรียน หลังจากจบการศึกษาในการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ก็ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยรังสิต ในตำแหน่งอาจารย์พลศึกษา ช่วงของการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำนั้น สร้างให้เรามีความอดทน มีระเบียบ วินัย  จากการที่ได้เป็นนักกีฬามาก่อนทำให้รู้จากการที่ได้เป็นนักกีฬามาก่อนทำให้รู้ระบบระบบว่าเราต้องทำว่าเราต้องทำอย่างไร รู้จักการวางแผน มีอย่างไร มีความอดทน มีระเบียบวินัย เคารพกฎกติกา จัดการความอดทน มีระเบียบวินัย เคารพกฎกติกา จัดการงานงานอย่างมีระบบ อย่างมีระบบ            การทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในส่วนของกีฬาว่ายน้ำนั้น จะใช้ประสบการณ์จะใช้ประสบการณ์ทุกช่วงชีวิตมาใช้ในการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาว่ายน้ำ โดยการเริ่มต้น ดังนี้          1. การวางแผน แผนการทำงาน ในการพัฒนากีฬาว่ายน้ำสู่ความเป็นเลิศ นั้น เริ่มจากการกำหนดจุดประสงค์ หรือเป้าหมายไว้ 3 ข้อ คือ            1.1 การพัฒนาเยาวชน ตั้งแต่อายุระหว่าง 6-17 ปี ให้เป็นระบบโดยให้มีการปูพื้นฐานความรู้ และทักษะของการว่ายน้ำ ตลอดจนระเบียบวินัย และมารยาทในการเล่นกีฬาว่ายน้ำไปสู่ระดับการแข่งขันกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ             1.2 กำกับดูแลฝึกซ้อมและส่งนักกีฬาในสังกัด ที่ดูแลรับผิดชอบ เข้าร่วมการแข่งขันกีฬา รายการต่าง ๆ ทั้ง ในระดับชาติ และระดับ นานาชาติ            1.3 จัดการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำ โดย มุ่งเน้นกลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 6 -17 ปี           2. การคัดเลือกทีมงาน คือ จัดหาโค้ชที่ดี มี ความ สร้างสรรค์และพร้อมจะทำงานเป็นทีม มีแผน การทำงานที่ร่วมกัน คิดร่วมกัน วางแผนและร่วมกันทำ มีความเข้าใจร่วมกันและแบ่งงานกันทำ ที่สำคัญการเป็นโค้ชกีฬาว่ายน้ำ ไม่ได้มีแค่หน้าที่สอนเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสถานะมาก เป็นทั้งครู , คนให้คำแนะนำ , ผู้ดูแลการฝึกซ้อม , เป็นผู้จัดการเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญเป็นนักเรียนไปในตัว เพราะต้องศึกษาสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา          3. การมีผู้นำ หรือผู้บังคับบัญชาที่เปิดใจ เปิดไฟเขียวให้ ค่อย สนับสนุน ชี้แนะ ให้การทำงาน ไม่หลงทางและ มีใจในการดำเนินงานต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้          4. จัดหาอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก นับเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการ เตรียมทีมนักกีฬาเพื่อการแข่งขัน          5. นำหลักวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ การประสบผลสำเร็จทางการกีฬา  “ไม่มีทางลัดใด ๆ ที่จะทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว” นักกีฬาจะต้องประสบผลสำเร็จในระยะยาว มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เก่งขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นการวางแผนการฝึกซ้อมอย่างมีระบบมีขั้นตอน ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา จะก่อให้เกิดพัฒนาการในนักกีฬาและความสำเร็จในการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการบาดเจ็บ อีกทั้งกีฬา จะก่อให้เกิดพัฒนาการในนักกีฬาและความสำเร็จในการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการบาดเจ็บ อีกทั้งยังเป็นชัยชนะที่ภาคภูมิใจยังเป็นชัยชนะที่ภาคภูมิใจอีกด้วยอีกด้วย ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : เจ้าของความรู้/สังกัด  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปรานม ดีรอด สถาบันกีฬา วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้ ประชุมปรึกษาหารือ เสนอความคิดเห็น กันระหว่างผู้บริหารและทีมงาน ในการวาง แผนการทำงาน ในทฤษฎีที่ว่า ร่วมกันคิด ร่วมกันวางแผน และร่วมกันทำ  แบ่งหน้าที่ของ ทีมงาน และหาข้อมูลในการดำเนินงาน การสรรหานักกีฬา การวางโปรแกรมการฝึกซ้อม การดูแล ด้านการเรียน และอื่นๆ ของนักกีฬา 2. Prototype testing in an operational environment – DOผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงานจากการวางแผน ในการพัฒนากีฬาว่ายน้ำสู่ความเป็นเลิศนั้น ได้ดำเนินการตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในแผน ดังนี้          2.1 ดำเนินการสอนว่ายน้ำให้กับเยาวชน นักกีฬา Academy RSU ของสถาบันกีฬา และสอนว่ายน้ำให้กลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 6-17 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ซึ่งขาดการสนับสนุนอย่างจริงจัง เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพที่จะก้าวไปสู่การเป็นนักกีฬาได้ อย่างเป็นระบบโดยสอนพื้นฐานความรู้ และทักษะของการว่ายน้ำ ตลอดจนระเบียบ วินัย และมารยาทในการเล่นกีฬาว่ายน้ำไปสู่ระดับการแข่งขันกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ                    นอกจากสอนว่ายน้ำให้กับเยาวชนอายุระหว่าง 6-17 ปี และในขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาศักยภาพนักศึกษาที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำควบคู่ไปด้วย โดยส่งเข้ารับการอบรมผู้ฝึกสอนกีฬาว่ายน้ำระดับพื้นฐาน Level 1 ในโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรกีฬาว่ายน้ำ ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 1-5 ธันวาคม 2566 ณ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุพรรณบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อรำความรู้ที่ได้รับมาต่อยอดเป็นผู้ฝึกสอนกีาว่ายน้ำให้กับน้องๆ เยาวชนต่อไป           2.2 สถาบันกีฬา ได้จัดโครงการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำขึ้นเพื่อส่งเสริมพัฒนากีฬาว่ายน้ำ ส่งเสริมให้นักกีฬาและเยาวชน ได้แสดงศักยภาพด้านกีฬาว่ายน้ำ และปลูกฝังให้เยาวชนหันมาสนใจเล่นกีฬาว่ายน้ำอย่างต่อเนื่อง           2.3 ในส่วนของยักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย หรือนักกีฬาว่ายน้ำรุ่นใหญ่นั้น ก็ได้กำกับดูลฝึกซ้อมและส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬารายการต่างๆ  ทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ ตลอดปีการศึกษา เพื่อให้มีการพัฒนาความสามารถให้ก้าวสู่เวทีระดับชาติและนานาชาติ           ในปีการศึกษา 2566 นักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยรังสิต จำนวน 7 คน (ชาย 4 คน และหญิง 3 คน) ได้เข้าร่วมการแข่งขัรกีฬามหาวิทยาลัยฯ ครั้งที่ 49 “นนทรีเกมส์” ระหว่างวันที่ 29 มกราคม 2567- 3 กุมภาพันธ์ 2567 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม สรุปเหรียญรางวัลกีฬาว่ายน้ำ มหาวิทยาลัยรังสิต อยู่ในอันดับที่ 3 คว้าเหรียญรางวัลมาได้รวมทั้งสิ้น 6 เหรียญ (2 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง) ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกในกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยรังสิต           หลังจากเสร็จสิ้นจากการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยฯ ครั้งที่ 49 “นนทรีเกมส์” นางสาวกมลลักษณ์ ตั้งนภากร นักศึกษาวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ สาขานิเทศศาสตร์การกีฬา นักศึกษาทุนความสามารถพิเศษด้านกีฬาว่ายน้ำ ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำในรายการต่างๆ อีก ได้แก่– รายการ BIMSTEC YOUTH WATER SPORTS ระหว่างวันที่ 5-10 กุมภาพันธ์ 2567 ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย คว้าเหรียญรางวัลมาได้ 6 เหรียญทอง– รายการ Swimming Championship :XX Martin’s Cup 2024 ระหว่างวันที่ 14-17 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์กีฬาทางน้ำ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ          นอกจากนี้ สถาบันกีฬา ยังได้ให้การสนับสนุนส่งเสริม นางสาวณธีร์ พิมสาร นักกีฬาว่ายน้ำคนพิการ ซึ่งเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ ให้ขึ้นทะเบียบเป็นนักกีฬาของจังหวัดปทุมธานี และได้เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาคนพิการทางด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวชิงแชมป์โลกการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ รายการ World Abilitysport Games ระหว่างวันที่ 1 – 9 ธันวาคม 2566 ณ จังหวัดนครราชสีมา 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECKการตรวจสอบผลการดำเนินการ การ นำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและ อภิปราย ผล บทสรุปความรู้ หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่          3.1 การพัฒนา กีฬาว่ายน้ำสู้ ความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ผู้บริหาร บุคลากร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรตระหนักถึงความสำคัญเพื่อช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนสู่การปฏิบัติต่อไป         3. 2 การวางแผนพัฒนานักกีฬาในระยะยาวสู่ความเป็นเลิศและเพิ่ ม ประสิทธิภาพการแข่งขันในระดับชาติและนานาชาติ ต้องทำ อย่างต่อเนื่อง          3.3 การนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ในการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาในเชิงบูรณาการ มีความสำคัญเกิดประโยชน์สูงสุด ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice           สนับสนุนส่งเสริมผู้ฝึกสอน นักกีฬาเข้ารับการฝึกอบรม เพื่อพัฒนาศักยภาพ ในการ ศึกษาสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา และ มีความรู้ความเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา

กีฬาว่ายน้ำสู่การพัฒนาแห่งความเป็นเลิศ Read More »

RSU อาสาเปลี่ยน

รางวัลชมเชย ปีการศึกษา 2566 ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR 5.1.2 RSU อาสา เปลี่ยน ผู้จัดทำโครงการ​ คุณจุฑามาศ กิจวรรณจักร์ และ คุณกนกกร ชูแก้ว สำนักงานกิจการนักศึกษา หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​             สำนักงานกิจการนักศึกษา สานต่อนโยบายของฝ่ายกิจการนักศึกษา ในการพัฒนาทักษะผู้นำนักศึกษา โดยการบูรณาการทักษะ Hard  skills และ Soft skills อีกทั้งนำผลของการจัดโครงการสรรค์สร้างนักกิจกรรม รุ่นที่ 1 ในหัวข้อ เรื่อง “พลังสร้างทีม” ซึ่งเห็นความสำคัญของการสร้างผู้นำนักศึกษา หัวใจหลัก คือ การทำงานเป็นทีม  ซึ่งได้ดำเนินการจัดพัฒนาทักษะดังกล่าวกับกลุ่มนักศึกษาทุนกิจกรรมนอกหลักสูตร และให้ความเห็นว่า ควรรวมกลุ่มนี้และขยายผลเปิดกว้างกับกลุ่มนักศึกษาทั่วไป และอยากให้รวมกลุ่มผู้นำในการจัดกิจกรรมปลูกจิตสำนึกด้านจิตอาสา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักศึกษาส่วนใหญให้ความสนใจ และประสงค์ให้เน้นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน                    ดังนั้น จึงจัดโครงการสรรค์สร้างนักกิจกรรม ปีที่ 2 หรือ รุ่นที่ 2 ในหัวข้อ “RSU อาสา เปลี่ยน” เพื่อปลูกจิตสำนึกจิตอาสาด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยจัดกิจกรรมเปิดรับบริจาคขวดน้ำพลาสติกใส หรือขวดพลาสติก ประเภท Polyethylene Terephthalate (PET) ที่ใช้แล้ว เพื่อรวบรวมและนำส่งมอบให้กับทางศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อมวัดจากแดง เพื่อนำมาแปรเป็นผ้าไตรหรือผ้าบังสุกุลจีวรต่อไป  รวมถึงการพัฒนานักศึกษาให้เกิดกระบวนการเรียนรู้คิดสร้างสรรค์โครงการ ด้วยการระดมความคิดจากกกลุ่มแกนนำนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการต่อไปในอนาคต ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้                นำทักษะ Hard  skills ที่เรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาพัฒนาร่วมกับทักษะ  Soft skills ในการทำงานเป็นทีม ร่วมระดมความคิดสร้างสรรค์  ค้นหา Good Practice รูปแบบหรือตัวอย่างกิจกรรม ในการพัฒนาความมีจิตอาสาในตัวนักศึกษาด้านอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยขยายผลดำเนินโครงการสืบเนื่องเป็นรุ่น ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะนักศึกษา ได้ให้บุคลากรทุกระดับในมหาวิทยาลัยได้มีส่วนร่วมด้วย นอกจากนี้ ได้ร่วมมือกับองค์กรภายนอก คือ ศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อม วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยนำขวดน้ำพลาสติกไปแปรรูปเป็นผ้าไตรจีวรถวายพระสงฆ์ ทั้งนี้เป็นไปตาม Concept ของโครงการ คือ “RSU อาสา เปลี่ยน”  ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : อื่นๆ ได้แก่ ความรู้มาจากการระดมความคิดของกลุ่มเจ้าหน้าที่และกลุ่มนักศึกษา ในแนวทางหรือรูปแบบในการดำเนินกิจกรรมปลูกจิตสำนึกด้าน “จิตอาสา” โดยเน้นการปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยใช้ Concept “RSU อาสา เปลี่ยน” และได้ร่วมมือกับองค์กรภายนอก วิธีการดำเนินการ 1. วิธีการดำเนินการ   ดำเนินการตามขั้นตอน plan, do, check, act ดังนี้ จัดตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วยกลุ่มทีมงานเจ้าหน้าที่สำนักงานกิจการนักศึกษาและกลุ่มนักศึกษาทุนกิจกรรมนอกหลักสูตร ประชุมวางแผนการดำเนินงาน นำผลจากการดำเนินงานโครงการสรรค์สร้างนักกิจกรรม ปีที่ 1 หัวข้อ “พลังสร้างทีม”มาต่อยอด ดำเนินการสืบเนื่อง โดยประชุมแกนนำ ระดมความคิดหารูปแบบ โครงการต้นแบบ Good Practice และกลุ่มแกนนำ ซึ่งนำข้อเสนอแนะจากรุ่นที่ 1 ขยายผลรับสมัครนักศึกษาทั่วไปที่มีใจรักทำกิจกรรมจิตอาสาด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และคิดรูปแบบกิจกรรมที่ให้ทุกคนทุกระดับในมหาวิทยาลัยได้มีส่วนร่วม ทั้งนี้ ดำเนินการสืบเนื่อง โครงการสรรค์สร้างกิจกรรม ปีที่ 2 ใช้หัวข้อว่า “ RSU อาสา เปลี่ยน” นอกจากนี้ ได้ติดต่อกับองค์กรภายนอก คือ ศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อมวัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยนำขวดน้ำพลาสติกไปแปรรูปเป็นผ้าไตรจีวรถวายพระสงฆ์ จัดกิจกรรมตามแผนงาน กิจกรรมที่ 1 ปลูกจิตสำนึกด้านการมีจิตอาสา และปลูกจิตสำนึกให้ความตระหนักเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำวัสดุมารีไซเคิล โดยเปิดรับบริจาคขวดน้ำที่ใช้แล้ว นำมารวบรวมและส่งมอบให้กับทางศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อมวัดจากแดง เพื่อนำมาแปรสภาพขวดน้ำ เป็น “ผ้าไตร”หรือผ้าบังสุกุลจีวร ซึ่งถือว่าได้บุญ แปรของเหลือใช้หรืออันตรายต่อสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็น “บุญ”  กิจกรรมที่ 2 พัฒนาการเรียนรู้และปลูกจิตสำนึกด้านการมีจิตอาสาในด้านอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปลูกจิตสำนึกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม จะเป็นแกนนำ “RSU อาสา เปลี่ยน” โดยเดินทางร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลน เพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติปาชายเลน ณ คลองโคลน จังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากนี้ ได้จัดกระบวนการระดมความคิด (Brainstorm) คิดโครงการกิจกรรมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินการอย่างจริงต่อเนื่องในปีการศึกษาหน้า เพื่อให้เกิดแนวทางการผลิตโครงการในอนาคต สรุปผลและประเมินผลการดำเนินงาน                    นำผลการดำเนินงาน เพื่อปรับปรุงและต่อยอด รวมถึงเสนอต่อผู้บริหาร ขอรับคำแนะนำในการพัฒนาและขอรับการสนับสนุน จัดโครงการ/กิจกรรมต่อเนื่อง เป็น Good Practice รวมถึงได้แกนนำนักศึกษา ในชื่อ “RSU อาสา เปลี่ยน”   2. Prototype testing in an operational environment – DO ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน           ผลการดำเนินงานโครงการ สร้างสรรค์นักกิจกรรม ปีที่ 2 หัวข้อ “RSU อาสา เปลี่ยน”  แบ่งรูปแบบกิจกรรม 2 รูปแบบ กิจกรรมที่ 1 มอบงานให้นักศึกษาแกนนำ “RSU อาสา เปลี่ยน” เปิดหน่วยรับบริจาคขวดน้ำพลาสติกใส จากนักศึกษาและบุคลากรทั่วไปของมหาวิทยาลัย ทุกหน่วยงานและวิทยาลัย/คณะสถาบัน ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2566 ซึ่งได้รับความสนใจให้การตอบรับด้วยดี สามารถรวบรวมได้มากถึง 10,000 ขวด และได้จัดส่งมอบให้กับศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อม วัดจากแดง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 18-19 กันยายน 66 ณ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งจะได้นำขวดน้ำเหล่านี้ไปรีไซเคิลเป็นผ้าไตรจีวรถวายแด่พระสงฆ์ กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมพัฒนาทักษะความมีจิตอาสาด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนักศึกษา หัวข้อ “RSU อาสา เปลี่ยน”  โดยพัฒนาทักษะ Hard  skills และ Soft skills ระหว่างวันที่ 11-15 กันยายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยรังสิต และกิจกรรมปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม โดยเรียนรู้เกี่ยวกับป่าชายเลนและลงพื้นที่ปลูกป่าชายเลน พื้นที่ตำบลคลองโคลน                    ได้จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะ Soft skills ดังนี้                    กิจกรรมหัวข้อ “พัฒนาทักษะความรู้ การทำงาน ผ่านการทำกิจกรรมสันทนาการ” เพื่อให้นักศึกษาการให้ความร่วมมือหรือการมีส่วนร่วมกับการทำงานร่วมกันในกลุ่มเพื่อนนักศึกษาของผู้เข้าร่วมโครงการ และได้ใช้ลังกระดาษเป็นวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการเล่นเกมสันทนาการ                    กิจกรรม หัวข้อ “กระชับความสัมพันธ์” เพื่อเสริมสร้างความรักและความสามัคคีของทีมนักศึกษาผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นน้ำหนึ่งเดียวกันของ แกนนำ “RSU อาสา เปลี่ยน”                    กิจกรรม หัวข้อ “ระดมความคิดสร้างสรรค์โครงการด้านอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”โดยพัฒนากระบวนการคิด (Brainstorm) เพื่อให้เกิดแนวทางการผลิตโครงการในอนาคต เพื่อสืบสานและต่อยอดให้เกิดโครงการต้นแบบ หรือ Good Practice  โดย รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการนักศึกษา เป็นวิทยากร  ทั้งนี้  นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ได้นำเสนอโครงการต้นแบบด้านปลูกจิตสำนึกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเพื่อความยั่งยืนหลายโครงการ ซึ่งทางสำนักงานกิจการนักศึกษา จะคัดเลือกโครงการดังกล่าวมาต่อยอดและดำเนินการจริงในปีการศึกษาหน้า เช่น โครงการเตรียมความพร้อมผู้นำ Smart Camp และโครงการสรรค์สร้างนักกิจกรรม ปีที่ 3 สานต่อ แกนนำนักศึกษา “RSU อาสา เปลี่ยน”                    ในการดำเนินกิจกรรมส่วนที่ 2 ในพื้นที่ ตำบลคลองโคลน จังหวัดสมุทรสงคราม มีนักศึกษาเข้าร่วมจำนวน 36 คน                    สำหรับปัญหาหรืออุปสรรคการดำเนินงาน ไม่มี  เนื่องจากได้รับความร่วมมือด้วยดีจากทุกฝ่าย            3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK การตรวจสอบผลการดำเนินการ การนำเสนอประสบการณ์การนำไปใช้ สรุปและอภิปรายผล บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ค้นพบใหม่           จากผลการดำเนินงาน ได้ดำเนินการประเมินผลความพึงพอใจและประโยชน์ที่ได้รับด้านการเรียนรู้ รวมถึงการพัฒนาความมีจิตอาสาด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พบว่า ในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ “ดีมาก”ด้วยค่าคะแนน 4.73             ทั้งนี้ ประเด็นการสรุปและอภิปรายผล ได้รับการประเมินในเกณฑ์ดีมากทุกข้อ ซึ่งขอนำเสนอเฉพาะประเด็นที่สำคัญ ดังนี้ กิจกรรมปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและการเรียนรู้เกี่ยวกับป่าชายเลน ระดับ “ดีมาก”ด้วยค่าคะแนน 4.91 ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของเพื่อนนักศึกษาที่เข้าร่วมทีม/โครงการ ระดับ “ดีมาก”ด้วยค่าคะแนน 4.91 การระดมควาคิดเรียนรู้พัฒนาทักษะความมีจิตอาสา หัวข้อ “RSU อาสา เปลี่ยน” ระดับ “ดีมาก”ด้วยค่าคะแนน 4.82 การปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม ระดับ “ดีมาก”ด้วยค่าคะแนน 4.77 การพัฒนาทักษะความมีจิตอาสาด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ระดับ “ดีมาก”ด้วยค่าคะแนน 4.86  สาระการเรียนรู้และประโยชน์ที่ได้รับ ระดับ “ดีมาก”ด้วยค่าคะแนน 4.82 การนำไปประยุกต์ใช้ทำกิจกรรมในอนาคต ระดับ “ดีมาก”ด้วยค่าคะแนน 4.73           นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมเปิดใจ นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งถือว่าเป็นแกนนำ “RSU อาสา เปลี่ยน”ได้กล่าวสรุปและบอกถึงสิ่งดีที่ได้รับ ดังนี้ “การทำกิจกรรมร่วมกัน พัฒนาทักษะการอยู่ร่วมกันและจิตอาสา คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ได้รู้ถึงวิธีการปลูกป่าชายเลน และสานสัมพันธ์พี่น้อง” “ได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีม ตอนทำกิจกรรมโรบอตและกิจกรรมคิดโครงการ และการสร้างจิตสำนึกในการดูแลธรรมชาติ การปลูกต้นโกงกาง การนำขวดน้ำ วัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์” “ได้สนิทกับเพื่อนมากขึ้น ได้เรียนรู้ถึงจิตสำนึกในการรักษาระบบนิเวศติดทะเล” “ได้ลองไปปลูกป่าจริงๆ ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่ปกติอาจจะไม่ได้เจอแบบนี้ ได้รู้จักกันมากขึ้นมีการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันและช่วยเหลือกัน” “การใช้ชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยกันของธรรมชาติ คน สัตว์ เป็นสิ่งที่ล้ำค่า ควรตระหนัก และมีจิตสำนึกอนุรักษ์เพื่อส่วนรวม” “ได้รับความรู้เกี่ยวกับการปลูกป่าชายเลน ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคย เพราะหนูยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการปลูกป่าชายเลน เป็นอะไรที่สนุกมาก เอ็นจอยกับค่ายนี้มากๆ” “ได้พัฒนาภาวะผู้นำ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” “ได้รับประสบการณ์ปลูกป่าชายเลนและได้รับความสนุกสนาน รู้จักการอยู่ร่วมกันและสามัคคีกันมากขึ้น” “เข้าใจในการปลูกป่ามากขึ้น และได้เข้าใจการทำงานเป็นกลุ่มได้มากกว่าเดิม”              ด้านกลุ่มบุคลากรได้สะท้อนความคิดเห็นกับโครงการในภาพรวมว่า ชื่นชอบมากที่นำขวดน้ำพลาสติกที่เหลือใช้นำไปรีไซเคิล เปลี่ยนเป็นบุญได้ เหมือนได้ทำบุญ ได้ช่วยถวายผ้าไตรจีวรให้กับพระสงฆ์ทางอ้อม อยากให้มีโครงการแบบนี้ทุกๆปี จะคอยเก็บขวดน้ำไว้ให้ฯลฯ                บทสรุปความรู้หรือความรู้ที่ได้ค้นพบ การผสมผสานทักษะของ Hard  skills และ Soft skills ด้วยการปลูกจิตสำนึกจิตอาสาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “RSU อาสา เปลี่ยน” ต้องเริ่มเปลี่ยนที่จิตสำนึกของนักศึกษา สร้างแกนนำนักศึกษาในการจัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสร้างเสริมจิตสำนึกกับทุกคนใน มหาวิทยาลัยรังสิต  ให้ทุกคนมีส่วนร่วมพร้อมใจให้ความร่วมมือ เห็นคุณค่าจากสิ่งของเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรภายนอกที่เน้นความยั่งยืนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม   ข้อเสนอแนะในการดำเนินการในอนาคต หรือการดำเนินการเพื่อสามารถนำไปสู่การเป็น Good Practice             เปิดตัวสร้างแกนนำนักศึกษา “RSU อาสา เปลี่ยน” และต่อยอดจัดโครงการสรรค์สร้างนักกิจกรรม เป็นประจำทุกปี นับเป็นรุ่น  โดยคัดเลือกโครงการที่เป็นผลระดมความคิดในครั้งนี้มาต่อยอดและดำเนินการจริงในปีการศึกษาหน้า เช่น โครงการเตรียมความพร้อมผู้นำ Smart Camp และโครงการสรรค์สร้างนักกิจกรรม ปีที่ 3 สานต่อ แกนนำนักศึกษา “RSU อาสา เปลี่ยน” และเชิญชวนให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมในกิจกรรมปลูกจิตสำนึก จิตอาสารักษ์สิ่งแวดล้อม “เปลี่ยน”สิ่งของเหลือใช้ในมือเราแปลเป็น “บุญ” เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือสิ่งแวดล้อม เช่น การนำวัสดุเหลือใช้ไปรีไซเคิล หรือ บริจาค ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนร่วมหรือผู้ด้อยโอกาส ซึ่งสำนักงานกิจการนักศึกษา ร่วมกับ กลุ่มนักศึกษาทุนกิจกรรมนอกหลักสูตร ดำเนินการเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกปีการศึกษา ติดตามชมข้อมูลกิจกรรมได้ในคลิปโครงการสร้างสรรค์นักกิจกรรม ปีที่ 2  หัวข้อ “RSU อาสา เปลี่ยน” คลิปที่ 1 https://youtu.be/sckv-NJRRrc?si=bdZS_gQzzDUJiggB คลิปที่ 2 https://youtu.be/EWGTaW-zhLI?si=dDvCV6Wmv-k1dVom ภาคผนวก

RSU อาสาเปลี่ยน Read More »

สร้างอิทธิพลบนโลกโซเชียล เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหลักสูตรให้เป็นที่รู้จักในระดับชาติและนานาชาติ

สร้างอิทธิพลบนโลกโซเชียล เพื่อสื่่อสารภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหลักสูตร ให้เป็นที่รู้จักในระดับชาติและนานาชาติ ยุทธศาสตร์ที่ 5 : KR5.2.1 รางวัลดีเด่น ปี2566 ผู้จัดทำโครงการ​ อ.ศุภณัฐ จินตวัฒน์สกุล วิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี หลักการและเหตุผล/ความสำคัญ/ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้​           ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน โซเชียลมีเดียไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือสำหรับการสื่อสารและการเชื่อมต่อระหว่างบุคคลเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับองค์กร สถาบันการศึกษา และธุรกิจในการสร้างและสื่อสารภาพลักษณ์ของตนเอง การใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สถาบันการศึกษาเองก็ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถช่วยให้เกิดการรับรู้และความสนใจที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมาก           อย่างไรก็ตามด้วยความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน การแข่งขันในภาคการศึกษาของมหาวิทยาลัยในยุคปัจจุบันนั้นกลายเป็นเรื่องที่เข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการลดลงของจำนวนนักศึกษา เนื่องจากอัตราการเกิดที่ต่ำลง ซึ่งส่งผลให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งพบปัญหาในการรักษาตัวเลขการรับเข้านักศึกษาให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ รวมถึงค่านิยมและทัศนคติของคนรุ่นใหม่ต่อการศึกษามหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนแปลงไป มีทางเลือกมากมายในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่ไม่จำกัดอยู่เพียงภายในกรอบของสถาบันการศึกษา มีทางเลือกในการเรียนรู้ที่เน้นทักษะเฉพาะทางเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่และมีความเกี่ยวข้องกับยุคสมัย           นอกจากประเด็นปัญหาข้างต้นแล้ว สาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมและอีสปอร์ตเองก็ได้เผชิญปัญหาที่มีความท้าทายเฉพาะตัว หลายประการ เช่น ภาพลักษณ์เชิงลบของเกมในสื่อต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เกมเป็นเหมือนผู้ร้ายในสังคม, ผู้ปกครองและครูยังขาดความเข้าใจการเรียนการสอนของสาขาวิชาและอาชีพในอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหลักสูตร ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อของนักเรียน สอดคล้องกับงานวิจัยจำนวนมากที่ได้ศึกษาปัจจัยการปัจจัยที่ส่งผลต่อการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี จะเห็นว่าปัจจัยด้านภาพลักษณ์ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลอย่างมากในการเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาใด ๆ           จากประเด็นปัญหาและความสำคัญข้างต้น การสร้างตัวตนบนโลกโซเชียลของหลักสูตร และการสื่อสารและบริหารภาพลักษณ์ของหลักสูตร จึงมีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อกำหนดตำแหน่งทางการตลาด ลดความเข้าใจผิด สร้างความแตกต่างและสะท้อนภาพลักษณ์ของสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมและอีสปอร์ต ตลอดจนช่วยสร้างชื่อเสียงและสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดการศึกษา ความรู้ที่เป็นประเด็นสำคัญที่นำมาใช้  หลักการตลาดแบบเป้าหมาย (Target Marketing)  หลักการนี้เน้นการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเข้าถึง โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า เช่น อายุ สภาพครอบครัว รายได้ และความต้องการ การใช้หลักการตลาดแบบเป้าหมายช่วยให้เราสามารถสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของเราได้ (“Target Market,” 2023) ความเข้าใจในพฤติกรรมและค่านิยมของ Gen Z (นักเรียน) และ Gen อื่น ๆ (ครู และ ผู้ปกครอง) Gen Z คือกลุ่มสำคัญนี่คือกลุ่มที่กำลังเป็นนักเรียน นักศึกษาเป็นกลุ่มที่เติบโตมากับเทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลในการสื่อสารและการเรียนการสอนเป็นสิ่งที่คุ้นเคยและต้องการ ทาง YouGov ได้เปิดเผยสถิติที่น่าสนใจเพิ่มเติม จากการจัดอันดับการใช้งาน Social Media ประเภทต่าง ๆ แบ่งตาม Generation ในประเทศไทย Gen Z ใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดย 35% ของ Gen Z ใช้เวลามากกว่า 4ชั่วโมงต่อวัน เมื่อสอบถามเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม social media ที่ใช้งานบ่อยที่สุด (Generational Trends in Thailand’s Social Media Use, n.d.) กลุ่มคน Gen Z ประมาณ 1 ใน 5 ใช้งาน TikTok เป็นจำนวนถึง 20% และนี่เป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงอายุอื่น ๆ ที่ใช้งาน TikTok เพียง 4-12% และ Instagram ที่น้อยกว่า 2% ดังแสดงในภาพประกอบที่ 1  ภาพประกอบ 1 จากการจัดอันดับการใช้งาน Social Media ประเภทต่างๆ แบ่งตาม Generation (Generational Trends in Thailand’s Social Media Use, n.d.) จากสถิติล่าสุดนี้ เราเห็นได้ชัดเจนว่า ทุก Generation ยังคงใช้ Social Media อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Gen Z ที่มีแนวโน้มที่จะใช้ TikTok และ Instagram มากขึ้น และพวกเขายังนำเสนอการใช้งานในมุมต่าง ๆ เช่นการค้นหาสถานที่น่าสนใจหรือข้อมูลเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ แทนการใช้ Search Engine ตามเดิม ในบางกรณี ซึ่งสอดคล้องกับการสำรวจของ Adobe (Adobe, n.d.) ในการใช้ TikTok  เพื่อการค้นหา จะเห็นว่าจากช่วงอายุทั้งหมด กลุ่ม Gen Z ถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ดังแสดงในภาพประกอบที่ 2 อย่างไรก็ตาม การเข้าใจ Generation อื่น ๆ ก็มีความสำคัญ เพราะกลุ่มเหล่านี้เป็นผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักเรียนด้วย โดยเฉพาะครูและผู้ปกครอง (SEA, 2022) ภาพประกอบ 2 การสำรวจของ Adobe ในการใช้ TikTok ในการค้นหา จะเห็นว่าจากช่วงอายุทั้งหมด กลุ่ม Gen Z ถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด Adobe (Adobe, n.d.) Brand Awareness  Brand Awareness หมายถึง การรับรู้แบรนด์หรือการที่ผู้บริโภครู้จักและจำได้ถึงแบรนด์ของผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น ๆ มันเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของตนเอง การมี Brand Awareness ที่สูงหมายความว่าผู้บริโภคมีความรู้สึกที่ดีและความเชื่อมั่นต่อแบรนด์นั้น ๆ ซึ่งสามารถนำไปสู่การตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น Brand Awareness มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เช่น การรับรู้ชื่อแบรนด์ (Brand Recognition) ไปจนถึงระดับที่ผู้บริโภคสามารถนึกถึงแบรนด์ได้เป็นอันดับแรกเมื่อคิดถึงหมวดหมู่สินค้าหรือบริการนั้น ๆ (Top of Mind Awareness) การสร้าง Brand Awareness สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การโฆษณา, การส่งเสริมการขาย, การใช้สื่อสังคมออนไลน์, การตลาดผ่านเหตุการณ์, หรือการตลาดทางอ้อมผ่านการใช้ influencer หรือการทำ content marketing การมี Brand Awareness ที่ดีช่วยให้แบรนด์สามารถแยกตัวเองออกจากคู่แข่งและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้ Marketing Funnel Marketing Funnel เป็นเครื่องมือที่ใช้อธิบายการเดินทางพฤติกรรมของลูกค้าและในการวางแผนทำการตลาด ที่ช่วยให้แบรนด์บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ โมเดลนี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจว่าลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของพวกอย่างไรในแต่ละขั้นตอน และช่วยให้สามารถปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มอัตราการเปลี่ยนแปลงได้ Marketing Funnel มักถูกแบ่งออกเป็นหลายขั้นตอน ซึ่งมีลักษณะเฉพาะดังนี้: การรับรู้ (Awareness): ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการทำให้ลูกค้าเป้าหมายรับรู้ถึงแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ผ่านการโฆษณา, การตลาดเนื้อหา, โซเชียลมีเดีย, หรือช่องทางอื่น ๆ ความสนใจ (Interest): เมื่อลูกค้ารับรู้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างความสนใจให้กลุ่มเป้าหมายผ่านการ สร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพ ทำให้ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เรานำเสนอ นี่ การพิจารณา (Consideration): ลูกค้าเริ่มเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์หรือบริการกับตัวเลือกอื่น ๆ ในขั้นตอนนี้ ลูกค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการตัดสินใจ การตัดสินใจ (Decision): ลูกค้าพร้อมที่จะซื้อหลังจากที่พิจารณาข้อเสนอทั้งหมดและตัดสินใจว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ดีที่สุด การซื้อ (Purchase): ขั้นตอนนี้เกิดขึ้นเมื่อลูกค้าทำการซื้อจริง การสร้างกระบวนการซื้อที่ราบรื่นและง่ายดายสามารถช่วยเพิ่มอัตราการแปลงได้ ความภักดี (Loyalty): หลังจากการซื้อแล้ว การสร้างความภักดีกับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำ สามารถทำได้ผ่านบริการหลังการขายที่ดี โปรแกรมสะสมคะแนน หรือข้อเสนอพิเศษ การส่งเสริม (Advocacy): ลูกค้าที่พึงพอใจสามารถกลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ของคุณ โดยการแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณให้กับผู้อื่น ประเภทความรู้และที่มาความรู้ ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) : ความรู้แบบชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) https://en.wikipedia.org/w/index.php?title=Target_market&oldid=1185476006 https://www.adobe.com/express/learn/blog/using-tiktok-as-a-search-engine https://business.yougov.com/content/44004-generational-trends-thailand-social-media-Gen-Z https://sea.mashable.com/tech/20996/for-gen-z-tiktok-is-more-than-entertainment- ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge)เจ้าของความรู้/สังกัด อาจารย์ศุภณัฐ จินตวัฒน์สกุล วิธีการดำเนินการ 1.วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน  การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของหลักสูตรนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากช่วยให้เข้าใจถึงคุณสมบัติที่เป็นจุดขายและจุดที่ต้องปรับปรุง เพื่อที่จะสามารถสร้างการเสนอที่น่าดึงดูดใจและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์จุดแข็ง, จุดอ่อน, และประโยชน์ในแง่การทำการตลาด จุดแข็ง/จุดอ่อน แนวทางการปฏิบัติ เพื่อพัฒนา หรือ แก้ไข จุดอ่อน ภาพลักษณ์เชิงลบของเกมในสื่อต่าง ๆ นำเสนอความสำเร็จของศิษย์เก่า เผยแพร่ข้อมูลอาชีพในอุตสาหกรรมเกม จุดอ่อน ผู้ปกครองและครูแนะแนวยังไม่มีความเข้าใจการเรียนของสาขาวิชา เผยแพร่ข้อมูลของหลักสูตรโดยละเอียด ตอบคำถามผ่านช่องทางต่าง ๆ จัดกิจกรรมให้ นักเรียน ครู ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วม จุดอ่อน ผู้ปกครองยังไม่มีความเข้าใจอุตสาหกรรม เผยแพร่ข้อมูลอาชีพในอุตสาหกรรมเกม จุดอ่อน ขาดการนำเสนอที่ดี ปรับปรุงการนำเสนอ จุดอ่อน ไม่มีเว็บไซต์หลักสูตร สร้างเว็บไซต์ของหลักสูตร จุดแข็ง หลักสูตรเกมที่แรกในไทย ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จุดแข็ง หลักสูตรมีผลงานมาอย่างยาวนาน รวบรวมผลงานเพื่อเตรียมสำหรับการทำคอนเทนต์ จุดแข็ง ศิษย์เก่าในอุตสาหกรรม สร้างความร่วมมือกับศิษย์เก่า นำเสนอความสำเร็จของศิษย์เก่า จุดแข็ง มีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ  เคยทำงานในอุตสากรรม รวบรวมผลงานเพื่อเตรียมสำหรับการทำคอนเทนต์ จุดแข็ง อาจารย์มีผลงานระดับประเทศ และระดับโลก รวบรวมผลงานเพื่อเตรียมสำหรับการทำคอนเทนต์ จุดแข็ง รายวิชาที่ทันสมัย ทำคอนเทนต์ 2.กลยุทธ์การสื่อสารภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหลักสูตร: a. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้เป็นแนวทางในการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีผลต่อกลุ่มเป้าหมาย เพราะเป้าหมายยิ่งชัดเจนเราจะยิ่งทำงานง่ายขึ้น กลุ่มเป้าหมายของสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมและอีสปอร์ตในการประชาสัมพันธ์ นักเรียนในระดับมัธยม ครูโรงเรียน ผู้ปกครอง b.สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ: สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่าสำหรับกลุ่มเป้าหมายของสาขาวิชา โพสต์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นหรือความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น บรรยากาศในห้องเรียน ผลงานนักศึกษา c.ปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย: การตอบกลับความคิดเห็น การแชร์เนื้อหา และการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความไว้วางใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ d.ใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสม: การเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มเป้าหมายของเช่น Facebook, Reels, TikTok และ YouTube Short เป็นต้น และปรับเปลี่ยนเนื้อหาเพื่อให้เข้ากับแต่ละแพลตฟอร์ม e.ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือช่วย: ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ช่วยวิเคราะห์และวัดผลการทำงานของเราบนโซเชียล เช่น Google Analytics, Facebook Insights, หรือแพลตฟอร์มการจัดการโซเชียลอื่น ๆ f.สร้างพันธมิตรกับบุคคลหรือหน่วยงานที่มีอิทธิพลในวงการ: การสร้างพันธมิตรกับบุคคลที่มีอิทธิพลในวงการหรือกลุ่มเป้าหมายของ สามารถช่วยเพิ่มอิทธิพลและการเผยแพร่เนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างดี g.ติดตามและปรับปรุง: ติดตามและวิเคราะห์ผลการทำงานของเรา บนโซเชียลอย่างสม่ำเสมอ และปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณตามผลการวิเคราะห์เพื่อให้การสร้างอิทธิพลมีประสิทธิภาพมากที่สุด 3.กำหนดแนวทางการสร้างคอนเทนต์          เนื้อหาคือกุญแจสำคัญ ทางหลักสูตรได้กำหนดการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพโดยกำหนดแนวทาง การสร้างเนื้อหาโดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ คอนเทนต์กิจกรรม, คอนเทนต์โชว์ของ, คอนเทนต์ศิษย์เก่า โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ a.Must be “Viral Content.”       การสร้าง “Viral Content” ที่เกาะกระแสในขณะนั้น โดยใช้ประโยชน์จากเกม, ภาพยนตร์, หรือการ์ตูนที่กำลังเป็นที่นิยม เป็นวิธีที่ที่ทำให้คอนเทนต์ของเรามีผู้สนใจได้ง่าย b.คอนเทนต์กิจกรรม สื่อสารกับผู้ปกครองและครูแนะแนวเพื่อเพิ่มความเข้าใจ : จัดทำเอกสารหรือวิดีโอนำเสนอเพื่อเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพในอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ต และความสำคัญของสาขาวิชานี้ในการเตรียมความพร้อมสู่อาชีพดังกล่าว จัดกิจกรรมเพื่อให้กลุ่มเด็กมัธยมมีส่วนร่วม : อาทิ การแข่งขันออกแบบเกม, การทำเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการพัฒนาเกม เพื่อกระตุ้นความสนใจและเชื่อมโยงกับนักเรียนยุค Gen Z สร้างกลุ่มคอมมิวนิตี้สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องเกม : เปิดพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการสนับสนุนระหว่างกัน ช่วยให้ผู้สนใจสามารถเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน c.คอนเทนต์โชว์ของ ผลงานนักศึกษา และ รางวัล การที่จะมีคอนเทนต์ที่ดีได้ จะต้องมีผลงานที่ดีก่อน ส่งเสริมให้นักศึกษาสร้างผลงานและส่งเข้าประกวด : เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้, การแสดงผลงานสู่สายตาของสาธารณะ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ ผนวกกิจกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา : รวมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างผลงานและการประกวดเข้ากับแต่ละวิชา เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักศึกษา ผลักดัน Cross Curricular Project : นอกจากการผนวกกิจกรรมการประกวดผลงานให้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาแล้ว การทำ Cross Curricular Project ซึ่งเป็นโครงการหรือกิจกรรมการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงระหว่างวิชาต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนสามารถเห็นความเกี่ยวข้องและสามารถนำความรู้จากหลาย ๆ วิชามาใช้ร่วมกัน เพื่อเอื้อให้นักศึกษาง่ายต่อการส่งผลงานเข้าประกวดกล่าวคือ “ทำงานชิ้นเดียว ส่งได้หลายวิชา” อุปกรณ์/ห้องเรียน นำเสนออุปกรณ์และห้องเรียนที่ทันสมัย       การส่งเสริมและผลักดันให้นักศึกษาส่งผลงานเข้าประกวดในเวทีต่าง ๆ นอกจากจะเป็นการพัฒนาความสามารถของนักศึกษาแล้ว ทางหลักสูตรเองก็ยังได้ผลงานเพื่อใช้ในการสร้างคอนเทนต์อีกด้วย d.คอนเทนต์ศิษย์เก่า สร้างคอมมิวนิตี้ของศิษย์เก่า ให้มีส่วนร่วมกับหลักสูตร : ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างศิษย์เก่าเพื่อแบ่งปันโอกาสและประสบการณ์ ความสำเร็จของศิษย์เก่า : ศิษย์เก่าที่มีอิทธิพลในอุตสาหกรรม   e.คอนเทนต์เชิงลึก คอนเทนต์เกี่ยวกับหลักสูตร, ข้อดีของหลักสูตร, และการเชื่อมโยงกับอาชีพหลังการศึกษา ข้อมูลช่วยเหลือในการสมัคร เช่น แนะนำขั้นตอนการสมัคร, การชำระเงิน, และทุนการศึกษา 4.กำหนดแนวทางการประชาสัมพันธ์ เพื่อกำหนดแนวทางการสื่อสาร เราได้ใช้โมเดล Marketing Funnel มาช่วยในการออกแบบให้           เห็นเป้าหมายของคอนเทนต์แต่ละแบบ ขั้นตอน กิจกรรม รูปแบบ/ช่องทาง Awareness สร้างการรับรู้     ใช้การโฆษณาทางโซเชียลมีเดีย, เพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตร ·       Must be “Viral Content.” ·       คอนเทนต์โชว์ของ ·       คอนเทนต์ศิษย์เก่า   ·       วิดีโอสั้น ·       Facebook, Reels, YouTube, Shorts, TikTok Interest สร้างความน่าสนใจและอยากติดตาม   ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร, และโอกาสหลังจากการศึกษาเสร็จสิ้น ·       คอนเทนต์กิจกรรม ·       คอนเทนต์สอน ·       คอนเทนต์ศิษย์เก่า   ·         วิดีโอ, วิดีโอสั้น, Direct Message ·         Facebook, Reels, YouTube, Shorts, TikTok, YouTube, Website ของหลักสูตร, LINE OA Consideration นักศึกษาที่มีความสนใจอาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการพิจารณา   ·       คอนเทนต์เชิงลึก เกี่ยวกับหลักสูตร, ข้อดีของหลักสูตร, และการเชื่อมโยงกับอาชีพหลังการศึกษา ·       คอนเทนต์ศิษย์เก่า ·         Web, วิดีโอ, Info Graphics ·         Website ของหลักสูตร, LINE OA Decision ให้ข้อมูลช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ ·       คอนเทนต์เชิงลึก ให้ข้อมูลช่วยเหลือในการสมัคร เช่น แนะนำขั้นตอนการสมัคร, การชำระเงิน, และทุนการศึกษา   ·         Direct Message, วิดีโอสั้น, Info Graphics ·         Website ของหลักสูตร, LINE OA, Messenger Loyalty     เป้าหมายคือการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ มุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ·       ให้เข้าร่วม Community ·       และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ   ·         Discord Group Advocacy สร้างให้เกิดการแนะนำหลักสูตรให้กับผู้อื่น นักศึกษาหรือศิษย์เก่าที่พึงพอใจมีแนวโน้มที่จะแนะนำหลักสูตรหรือสถาบันให้กับผู้อื่น ·         วิดีโอสั้น ·         Facebook, Reels, YouTube, Shorts, TikTok   5. กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัด (KPIs) กำหนดเป้าหมายสำหรับแต่ละกิจกรรมที่จะทำ : โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายเหล่านี้ควรเป็นไปได้, ชัดเจน, และสามารถวัดได้ กำหนดตัวชี้วัด (KPIs) เพื่อประเมินผลลัพธ์ของแต่ละกิจกรรม จำนวนผู้รับชมคอนเทนต์ จำนวนผู้ติดตาม จำนวนไลค์ของคอนเทนต์ จำนวนการแชร์ จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม การเพิ่มขึ้นของความสนใจในหลักสูตร จำนวนผลงานที่ส่งเข้าประกวด   a.การเก็บข้อมูล ใช้แบบสอบถามก่อนและหลังการจัดกิจกรรมเพื่อวัดความเปลี่ยนแปลงในความเข้าใจหรือความสนใจของนักศึกษาและผู้ปกครอง ติดตามการมีส่วนร่วมและการปฏิสัมพันธ์บนโซเชียลมีเดียเพื่อวัดผลตอบรับจากกิจกรรมประชาสัมพันธ์ รวบรวมข้อมูลการเข้าชมและการมีส่วนร่วมในเว็บไซต์ของหลักสูตรเพื่อประเมินความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย b.การประเมินผล วิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมเพื่อประเมินความสำเร็จของแต่ละกิจกรรม และโครงการโดยรวม ใช้ผลการวิเคราะห์เพื่อประเมินว่ากิจกรรมใดบรรลุเป้าหมาย, กิจกรรมใดที่ต้องปรับปรุง, และแนวทางใดที่ควรนำไปใช้ในอนาคต 2.Prototype testing in an operational environment – DO  ผลการดำเนินการ การนำไปใช้ หรือการลงมือปฏิบัติจริง อุปสรรคหรือปัญหาในการทำงาน ปี 2564 ได้มีการดำเนินการดังต่อไปนี้ ผลักดันให้เกิดการส่งผลงานเข้าประกวด ผนวกการส่งผลงานเข้าประกวดให้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา รวบรวบและปรับปรุงผลงานเพื่อเตรียมสร้างคอนเทนต์                รวบรวบผลงานเพื่อเตรียมสร้างคอนเทนต์นั้นเป็นงานที่ต้องใช้ความพิถีพิถันและมีระบบการจัดการที่ดี เริ่มต้นด้วยการรวมรวมผลงานของนักศึกษา, ศิษย์เก่า, และคณาจารย์ตั้งแต่อดีต (พ.ศ. 2547) จนถึงปัจจุบันซึ่งเก็บอยู่ในรูปแบบ CD/DVD นำมาเก็บลง Hard disk และ Cloud ทำให้การจัดเก็บและสืบค้นเป็นไปอย่างง่ายดาย การทำเช่นนี้ช่วยให้ผลงานเหล่านั้นไม่เพียงแต่เก็บรักษาไว้ได้อย่างปลอดภัยแต่ยังสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทั่วโลก                อย่างไรก็ตามด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีและมาตรฐานความคมชัดของวิดีโอที่เพิ่มขึ้น ผลงานวิดีโอจำนวนมากที่ถูกสร้างขึ้นในอดีตมีความละเอียดที่ไม่ตอบโจทย์มาตรฐานปัจจุบันและอนาคต การนำ AI มาใช้ในการปรับขนาด (Upscale) ผลงานเหล่านี้เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอให้มีความคมชัดสูงสุด รองรับความละเอียด 4K 60FPS ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รองรับการแสดงผลที่คมชัดและรายละเอียดที่มากขึ้น ภาพประกอบ 6 แสดงกระบวนการรวบรวบและปรับปรุงผลงานเพื่อเตรียมสร้างคอนเทนต์ พัฒนาเว็บไซต์ของสาขาวิชา ทางหลักสูตรได้เริ่มพัฒนาเว็บไซต์ของสาขาเป็นแหล่งข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับหลักสูตร, รายละเอียดวิชาที่สอน, ข้อกำหนดการเข้าศึกษา ช่วยให้ผู้สนใจสามารถทำความเข้าใจในหลักสูตรมากขึ้น ใช้เว็บไซต์สาขาวิชาเป็นศูนย์กลางหรือ Hub ของทุกกิจกรรมและการประชาสัมพันธ์ ภาพประกอบ 7 แสดงการให้เว็บไซต์สาขาวิชาเป็นศูนย์กลาง (Hub) ของทุกกิจกรรมและการประชาสัมพันธ์เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความน่าสนใจและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับหลักสูตร สร้างความน่าเชื่อถือผ่าน รายละเอียดที่ครบถ้วน สำหรับผู้ที่สนใจ           ผู้ที่เข้าเว็บไซต์มาด้วยกิจกรรมหนึ่ง จะมีโอกาสไปเปิดดูหน้าอื่น ๆ ที่อยู่ภายในเว็บ หากภายในเว็บของเรามีคอนเทนต์ที่ดึงดูดมากพอ ปี 2565 เริ่มสร้าง Content Video สั้นบน​ Reels และ​​ YouTube Shorts สร้างวิดีโอคอนเทนต์สั้นบน Reels และ YouTube Shorts เพื่อแสดงผลงานของนักศึกษา, บรรยากาศห้องเรียน, และอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ไปยังผู้ชมจำนวนมาก เฉลี่ย 2.5 คอนเทนต์/สัปดาห์   เริ่มโครงการอบรมและแข่งขันพัฒนาเกมระดับมัธยม เริ่มสร้าง Community บน Discord สำหรับผู้สนใจการพัฒนาเกม การสร้าง Community บน Discord สำหรับผู้สนใจการพัฒนาเกมที่เป้าหมายเป็นนักเรียนมัธยม, ครูสอนคอมพิวเตอร์, และครูแนะแนว   เริ่มเผยแพร่วิดีโอสอนพัฒนาเกมบน YouTube ครอบคลุมเนื้อหาวิดีโอสอนพัฒนาเกมเบื้องต้น ปี 2566 ผลักดันให้เกิดการส่งผลงานเข้าประกวด เริ่ม Cross Curricular Project เริ่มสร้าง Content Video สั้นบน​ TikTok ในปี 2566 ได้ทำคอนเทนต์ลง  TikTok เฉลี่ยน 3.7  ครั้ง / สัปดาห์ 3. Proven through successful mission operation, Objectives and Key Results for Knowledge Management – CHECK    3.1 ได้รับรางวัล Thailand Social Award                สิ่งหนึ่งที่สะท้อนอิทธิพลบนโลกโซเชียลของสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมและอีสปอร์ต มาจากงานประกาศรางวัลโซเชียลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่ถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมี บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด อยู่เบื้องหลังการเก็บข้อมูล มีการตัดสินในงานนี้ใช้ “METRIC” เป็นเกณฑ์การวัดผล ซึ่งประกอบด้วย ค่าชี้วัดแบรนด์ (BRAND SCORE): วัดผลประสิทธิภาพการทำงานของแบรนด์บนโซเชียลมีเดียในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ โดยคำนึงถึง: การสื่อสารจากช่องทางหลักของแบรนด์ (Own Channel) การสื่อสารจากช่องทางที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ (Earn Channel) ผ่าน 5 ช่องทางหลัก: Facebook, Instagram, TikTok, Twitter และ YouTube พิจารณาจากการวัดประสิทธิภาพเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ค่าชี้วัดประสิทธิภาพการสื่อสารจากช่องทางหลักของแบรนด์ (OWN SCORE ค่าชี้วัดประสิทธิภาพการสื่อสารจากช่องทางที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ (EARN SCORE) ค่าชี้วัดการแสดงความคิดเห็นที่มีต่อแบรนด์ (SENTIMENT SCORE): ประเมินจากความคิดเห็นโดยรวมที่มีต่อแบรนด์           โดยสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมและอีสปอร์ตได้รับรางวัล Special Awards ในฐานะเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนวงการเกมและอีสปอร์ต มีความโดดเด่นหลายด้านบนโซเชียลมีเดีย จำนวนผู้ติดตาม (Follower), การเติบโตของผู้ติดตาม (Fan Growth), จำนวนการมีส่วนร่วมและการโต้ตอบ (View & Interaction), การพูดถึงแบรนด์ในแต่ละวันบนโซเชียลมีเดีย (Unique Daily Social Mentions), อัตราการแสดงความคิดเห็นและการแชร์ (Comment & Share Ratio), การสนับสนุนเนื้อหาของแบรนด์ (Advocacy), ความสนใจในการซื้อ (Intention), และความรู้สึกหรือทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ (Sentiment)           สาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมและอีสปอร์ต มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นสถาบันการศึกษาแรกและสถาบันการศึกษาเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ได้รับรางวัลบนเวทีนี้ 3.2 ความสำเร็จของคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย       สำหรับสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมและอีสปอร์ต ความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์บนโซเชียลมีเดียนั้นเป็นสิ่งยืนยันถึงความสามารถในการดึงดูดความสนใจและการมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในวิดีโอเกมและอีสปอร์ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเผยแพร่คอนเท้นต์ในรูปแบบวิดีโอสั้นที่สร้างสรรค์และน่าติดตาม       จากสถิติตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 – 25 กุมภาพันธ์ 2567 (สถติแบบออแกนิค ไม่มีการจ่ายเงินเสียค่าโฆษณา) สาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมและอีสปอร์ตบนแพลตฟอร์ม TikTok ด้วยการมีวิววิดีโอสูงถึง 2,817,413 ครั้ง และผู้ชมที่ถึง 2,097,886 คน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเข้าถึงและกระจายข้อมูลไปยังผู้คนจำนวนมาก นอกจากนี้ การมีผู้ชมเข้าชมโปรไฟล์ถึง 21,029 ครั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้ชมเหล่านี้ให้เป็นผู้ติดตาม           ส่วนของการมีส่วนร่วมทางโซเชียลมีเดียก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญ ด้วยการมีจำนวนไลค์ 148,536 ครั้ง, การแชร์ 24,030 ครั้ง และคอมเมนต์ 2,813 ครั้ง

สร้างอิทธิพลบนโลกโซเชียล เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหลักสูตรให้เป็นที่รู้จักในระดับชาติและนานาชาติ Read More »

Scroll to Top